ตอนที่ 395 เกี่ยวข้องกับเธอหรือไม่
ความคิดอันน่ากลัวเช่นนี้ผุดขึ้นมาภายในหัวสมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอเหลือบมองเผยลี่เชินอย่างระมัดระวัง เธอลังเลและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
ถ้าเกิดว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะก็ มันจะต้องเกิดเรื่องน่ากลัวมากมายขึ้นแน่นอน……
เมื่อดูออกว่าหญิงสาวมีบางอย่างเก็บซ่อนไว้ในใจและไม่ยอมพูดออกมา เผยลี่เชินจึงขมวดคิ้วและถามออกไปว่า “มีอะไรงั้นเหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ พูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ฉันกำลังคิดว่าตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ที่บริษัทนี้เมื่อหกปีก่อน เรื่องราวแปลกๆ ที่เคยเกิดขึ้นพวกนั้นจะเกี่ยวข้องกับเธอด้วยไหม”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเผยลี่เชินก็ดูเคร่งเครียดไม่น่ามองขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมจะให้ฉีเฟิงไปตรวจสอบดู คุณไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอก”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็ก้าวเท้าและเดินไปยังประตูทางเข้าหลักของบริษัทในทันที
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นเช่นนั้น เธอก็รีบสาวเท้าเดินตามเขาไปในทันที แต่ทว่าขาของชายหนุ่มนั้นทั้งยาวและสาวเท้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หญิงสาวต้องวิ่งเหยาะๆ เล็กน้อย ถึงจะสามารถตามเขาได้ทัน
ขณะที่เธอกำลังมองแผ่นหลังอันกว้างขวางของเขา และนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ ภายในหัวใจของไป๋สว่เอ๋อร์ก็รู้สึกขมขื่นและเจ็บปวดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ศึกรอบด้านที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายใน ทางเดินแห่งขวากหนามและความยากลำบาก นี่คือสิ่งที่เขากำลังต้องเผชิญหน้าอยู่อย่างนั้นเหรอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น เธอก็คิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาทันที เธอจะพยายามช่วยเผยลี่เชินอย่างสุดความสามารถตลอดหนึ่งเดือนนี้ เธอจะช่วยให้ได้มากที่สุด และหลังจากหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาทั้งสองคนก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันอย่างสมบูรณ์
หลังจากหยิบเอกสารที่ห้องทำงานในบริษัทเรียบร้อย และเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์หลังเล็กในจงหลวี่ฉวนอีกครั้ง ตอนนั้นเวลาก็ค่อนข้างดึกมากแล้วทีเดียว
ขณะที่พวกเขาทั้งสองคนเดินเข้าบ้านได้ไม่นาน ป้าจางก็เข้ามาทักทายในทันที เธอมองดูพวกเขาทั้งสองคน จากนั้น ก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “เสี่ยวเจ๋อนอนหลับไปแล้วล่ะค่ะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็พยักหน้า และเดินไปยังทางห้องนอนเด็กในทันที
เธอค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปอย่างช้าๆ และเมื่อเห็นว่าห้าวเจ๋อน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเหมือนเช่นคย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งใจ จากนั้น เธอก็เดินออกมาจากห้องนอนเด็กอย่างเงียบๆ และเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง เธอจัดการเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่สักพักแล้วจึงตัดสินใจเข้านอน
แต่ทว่าเมื่อเธอล้มตัวลองนอนบนเตียง และพลิกไปพลิกมาอยู่ครู่หนึ่ง เธอกลับไม่รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิดเดียว มิหนำซ้ำท้องของเธอก็ดันร้องโครกครากขึ้นมาในเวลาเช่นนี้อีกด้วย เธอจึงลุกขึ้นนั่งและตัดสินใจที่จะลงไปยังห้องครัว เพื่อหาอะไรกินเล็กน้อย
แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเธอเดินไปถึงยังบริเวณประตูห้องครัวได้ไม่นาน ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นนั้น เธอก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยในทันที ภายในหัวใจของเธอรู้สึกบีบแน่นขึ้น เธอรีบหันหลังและหมายจะเดินจากไปในทันที
ขณะที่เธอกำลังจะก้าวเท้าเดินจากไปนั้น เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอทันที “ไป๋เสว่เอ๋อร์”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ หันหลังกลับไปอย่างช้าๆ เธอฉีกยิ้มออกมา และโกหกหน้าตายด้วยความสุขุมออกไปว่า “ฉันมาหาน้ำดื่มน่ะค่ะ”
เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะมองเธอออกทั้งหมด ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในทันที เขาพูดอย่างไม่รีบร้อนออกไปว่า “ตู้กดน้ำอยู่ข้างนอกนะ”
“อ้อ ค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหลังหมายที่จะเดินออกไป
“รอเดี๋ยวก่อน” เผยลี่เชินเรียกเธอให้หยุดอีกครั้ง “คุณอยากกินก๋วยเตี๋ยวสักชามไหม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนหันหลังให้กับชายหนุ่ม เธอค่อยๆ แอบกลืนน้ำลงไปอย่างเงียบๆ
เผยลี่เชินเจตนาเน้นเสียงและพูดออกมาว่า “ก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูเลยนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอแสร้งทำเป็นสุขุมหน้านิ่งเข้าสู้ พร้อมกับโต้ตอบกลับไปว่า “ไม่เอาล่ะค่ะ ฉันไม่หิว”
ทันทีที่เธอพูดจบ ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็ถูกใครบางคนดึงตัวให้หันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเขาทันที
แววตาของเผยลี่เชินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาโน้มตัวลงมาเล็กน้อย พร้อมกับกระซิบถามหญิงสาวออกไปว่า “คุณไม่หิวจริงๆ เหรอ เมื่อตอนค่ำคุณแทบจะไม่ได้ทานอะไรที่บ้านของคุณพ่อผมเลยนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสันอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอเองก็ไม่อยากที่จะเอ่ยปากยอมรับออกไปต่อหน้าเขา “ช่วงนี้ฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ ฉันไม่หิวค่ะ”
จากนั้น ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังโครกครากขึ้นมาในทันที ราวกับว่ามันจงใจกู่ร้องบอกให้คนอื่นรู้ถึงความเป็นจริงเลยทีเดียว
ครู่หนึ่งนั้น บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองคนก็ดูอึดอัดขึ้นมาพิกล ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อด้วยความเขินอายในทันที เธออายจนคิดที่จะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่ทว่าทันใดนั้น เผยลี่เชินก็มายืนขวางและหยุดที่ตรงหน้าของเธอ
“คุณจะไปไหน” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้น เขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงแกมบังคับเล็กน้อยว่า “กินก๋วยเตี๋ยวให้หมดก่อนแล้วค่อยไป”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหลังกลับมาและมองไปยังชามก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูร้อนๆ ควันหอมฉุยที่กำลังวางอยู่บนโต๊ะ เธอรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็หมุนตัวกลับมาและหยิบชามก๋วยเตี๋ยวนั้นไป
10 นาทีต่อมา เธอก็จัดการสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในชามจนหมดเรียบร้อย ขณะที่เธอกำลังวางตะเกียบลงนั้น สายตาของเธอก็สบเข้ากับสายตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามและกำลังจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มอย่างพอดิบพอดี
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับถามออกไปว่า “คาดไม่ถึงเลยระว่าคุณจะทำก๋วยเตี๋ยวได้อร่อยทีเดียว”
เผยลี่เชินโต้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ราวกับไม่ได้ยิ้มว่า “ผมยังมีทักษะอื่นอีกมากที่คนอื่นไม่ค่อยรู้กัน คุณอยากจะลองค้นหาเพิ่มไหมล่ะ”
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยเลศนัยผุดขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่ม หูของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ร้อนขึ้นมาในทันที เธอรีบลุกขึ้นยืน และทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น พร้อมกับถือชามก๋วยเตี๋ยวเข้าไปในห้องครัวทันที
เผยลี่เชินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเธอและเดินเข้าไปยังห้องครัวเช่นกัน ทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างจานพร้อมกับเปิดก็อกน้ำเตรียมที่จะล้างจาน เขาก็เดินไปหยุดที่ด้านหลังของเธอ และเอื้อมอ้อมตัวเธอไปเปิดน้ำร้อน “ใช้น้ำร้อนสิ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปด้านหลัง และในตอนนั้นเองที่เธอเพิ่งจะรู้ว่าชายหนุ่มได้มายืนอยู่ที่ข้างหลังของเธอเสียแล้ว และพวกเขาทั้งสองคนก็ยืนอยู่ใกล้กันมากทีเดียว
เดิมทีนั้นเผยลี่เชินไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อได้เห็นหูของหญิงสาวแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที
เขาเอื้อมมือขึ้นมาโอบไปที่เอวของหญิงสาว จากนั้นก็โผเข้ากอดเธอจากด้านหลังเอาไว้ และเมื่อเขาโน้มศีรษะลง ริมฝีปากของเขาก็ไปแตะที่ใบหูของหญิงสาวอย่างตั้งใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตกใจ จนเกือบสะดุ้งโหยงขึ้นมาเลยทีเดียว “คุณ! เผยลี่เชิน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงของเธอนั้นดังไม่น้อยทีเดียว และท่าทีของเธอก็ดูตกใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเผยลี่เชินนั้นกลับไม่เชื่อในลูกเล่นไม้นี้ของเธอเลยแม้แต่น้อย นอกจากเขาจะไม่ปล่อยมือแล้ว มือที่โอบกอดเอวของหญิงสาวทั้งสองข้างกลับกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ขณะที่กำลังแนบชิดอยู่ที่ข้างหูของหญิงสาว เผยลี่เชินก็หัวเราะเบาๆ พร้อมกับพูดออกมาว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่คู่รักเขาทำกันเป็นปกติหรอกเหรอ หรือว่าคุณยังรู้สึกเสียใจที่ตอบตกลงไปอยู่อีกล่ะ”
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดเตือนออกมาเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หวนกลับไปนึกถึงข้อตกลงระยะเวลา 30 วันอันชั่วร้ายนั้นอีกครั้ง เธอไม่อาจที่จะต่อต้านและรู้สึกนึกเสียใจที่ตอบตกลงไปเช่นนั้นได้เลย ในตอนนี้ เธอทำได้แต่เพียงเศร้าเสียใจและทรมานอย่างเงียบๆ และไม่อาจที่จะระบายความขมขื่นที่อยู่ในใจออกไปได้เลย
เผยลี่เชินจูบเข้าไปที่ใบหน้าด้านข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นดวงตาสีแดงก่ำของหญิงสาวเข้า ทันใดนั้น เขาก็หยุดชะงักไปในทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา จากนั้น เขาก็กระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวว่า “คุณไม่ต้องกังวลไป ถ้าหากว่าคุณไม่ยินยอม ผมเองก็จะไม่แตะต้องคุณเด็ดขาด”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ปล่อยเธอ และหันหลังเดินจากไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเธอหันหลังกลับไปมอง เธอก็พบว่าเผยลี่เชินกำลังเดินจากไปอย่างที่เธอคาดคิดเอาไว้ แต่ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆ หัวใจของเธอนั้นก็กลับเต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เธอล้างจานด้วยความรู้สึกที่แสนหวั่นไหวและไม่อาจควบคุมได้ เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น เธอก็ไม่เห็นเงาของชายหนุ่มผู้นั้นอีก
เมื่อกลับมาถึงยังห้องนอน หน้าจอของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็กะพริบขึ้นมาในทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปดู และเห็นว่าเป็นสายจากเจียงหวั่นหวั่น
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดรับสาย “ฮัลโหล”
“เสว่เอ๋อร์…” เจียงหวั่นหวั่นเรียกชื่อของเธอราวกับว่ามีบางอย่างอยากจะบอกเธอ แต่ไม่กล้าที่จะพูดออกไป “ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้เธออยู่ที่เขตไห่เฉิงนี่เหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ตอบกลับไปว่า “ใช่ เธอรู้ได้ยังไง”
“พอดีวันนี้ลู่เหยาโทรมาหาฉัน เขาบอกฉันว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไห่เฉิง ถ้าหากว่าฉันมีเวลาว่าง เขาอยากให้ฉันไปพบกับเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เธอพูดตอบกลับไปอย่างอ่อนแรงว่า “เธอนัดวันมาก็แล้วกัน แล้วฉันจะอธิบายให้เธอฟังทุกอย่างเอง”
“ตกลงจ้ะ” เจียงหวั่นหวั่นนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเธอก็อดไม่ไหวเอ่ยปากพูดออกมาว่า “แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกเธอให้รู้ไว้ ถ้าเธอไม่อยู่ที่ไห่เฉิงก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้……”
เมื่อรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของเจียงหวั่นหวั่นนั้นฟังดูแปลกๆ ไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้ว และเอ่ยปากถามหญิงสาวกลับไปว่า “เป็นอะไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
“……ก็เรื่องคุณแม่ของเธอน่ะสิ วันนี้ฉันได้ยินมาว่าคุณแม่เธอไปหาลูกนอกสมรสของคุณพ่อเธอ พวกเขามีปากเสียงกันค่อนข้างดังทีเดียวเลยล่ะ แล้วก็ฉันยังได้ยินมาอีกว่า…….”
เมื่อได้ยินดังนั้น ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามาโจมตีสมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้น สมองของเธอก็ขาวโพลนไปในทันที
คราวก่อนนั้น คุณแม่ไป๋จู่ๆ ก็หายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องออกไปตามหาทั้งคืน จนกระทั่งน้าหรงโทรศัพท์มาหาเธอในวันที่ต่อมา เธอถึงจะหาตัวคุณแม่ไป๋เจอ จากนั้น เธอก็กำชับและโน้มน้าวคุณแม่ไป๋อย่างใจเย็นหลายต่อหลายครั้ง พร้อมกับพาคุณแม่ไป๋ไปส่งถึงที่บ้าน แต่คาดไม่ถึงว่าคุณแม่ไป๋จะกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้งได้รวดเร็วขนาดนี้
เดิมทีนั้น เธอคิดว่าถ้าเกิดคุณแม่ไป๋สามารถใช้ชีวิตตามอย่างที่ฝันไว้ได้นั้น คุณแม่ไป๋ก็คงจะมีชีวิตอย่างสงบสุข แต่ทว่าในตอนนี้นั้น……
เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมาเป็นเวลานาน เจียงหวั่นหวั่นจึงรีบเอ่ยปากถามกลับไปว่า “เสว่เอ๋อร์ เธอยังอยู่ไหม”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งสติได้ เธอก็ขบฟันของเธอ พร้อมกับพูดออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “ยังอยู่จ้ะ หวั่นหวั่น สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เหรอ”