ตอนที่ 405 คุณยังคิดถึงผมอยู่เสมอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหม่าเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูก เธอหลบตาเขา และเอ่ยปากพูดออกมาเบาๆ ว่า “ฉันก็แค่ช่วยตัวเองเท่านั้นแหละค่ะ ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ที่บริษัทเผยซื่อก่อนหน้านี้ มันมีโครงการบางอย่างที่เกิดปัญหาขึ้นมาเล็กน้อย ฉันเองก็สงสัยว่าบางทีเธออาจจะกำลังเล่นไม่ซื่ออย่างลับๆ อยู่ก็เป็นได้”
“แต่ว่ามันก็ผ่านมาได้หกปีแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่สำหรับคุณแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยสักนิดเดียว”
เผยลี่เชินลุกขึ้นยืน และเดินไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับโน้มตัว และกระซิบที่ข้างหูของไป๋เสว่เอ๋อร์ว่า “ผมรู้ว่าคุณทำไปเพราะอยากที่จะช่วยผม”
“เปล่าสักหน่อย!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ทว่าแก้มทั้งสองข้างของเธอนั้นกลับแดงขึ้นมาในทันที
เผยลี่เชินจ้องมองไปแก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวที่ค่อยๆ เปลี่ยนสี แล้วก็ยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอื้อมมือออกไปจับคางของไป๋เสว่เอ๋อร์ขึ้นเล็กน้อย และมองตรงไปที่ดวงตาของหญิงสาว พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณยังคอยคิดถึงผมอยู่เสมอ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา เมื่อได้สบตากับชายหนุ่มแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกว่าตัวเธอเองนั้นถูกชายหนุ่มมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งเสียแล้ว ความคิดเล็กน้อยทั้งหมดของเธอต่างไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้เลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งรู้สึกอายและรู้สึกหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน เธอเอื้อมมือออกไปผลักมือของเขาออกไปอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังและเตรียมพร้อมที่จะเดินจากไป
“อย่าไป” เผยลี่เชินรั้งเธอเอาไว้ “เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าอยากจะช่วยผม ทั้งที่เรายังคุยกันไม่จบดี คุณก็จะไปแล้วอย่างนั้นเหรอ”
เขาเดินไปข้างหน้า และยืนนิ่งอยู่ที่ข้างกายของหญิงสาว “คุณคิดว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะทำอะไร”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ตั้งสติอย่างช้าๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ถ้าเกิดว่าฉันเป็นพวกเขาล่ะก็ ในเมื่อตัวตนของฉันถูกเปิดเผยแล้ว ฉันจะไม่กลับไปที่นั่นอีกเด็ดขาด”
เผยลี่เชินเอ่ยปากพูดเบาๆ ว่า “แต่สำหรับคนที่ละโมบโลภมากและไม่รู้จักพออย่างเสิ่นหรูเฟิงแล้ว คุณคิดว่าเขาจะยอมล้มเลิกความตั้งใจของเขาไหมล่ะ”
หลังจากที่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ส่ายหัวปฏิเสธด้วยความแน่ใจ “เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน”
ทันใดนั้น เธอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าไป และสบเข้ากับดวงตาของชายหนุ่มอย่างพอดี
ทั้งสองคนแค่มองตาก็ต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน และพวกเขาก็คิดออกแล้วว่าควรทำอย่างไร
ครั้งนี้ พวกเขาจะต้องวางแผนเตรียมการล่วงหน้าเสียก่อน และจะต้องหาหลักฐานมามัดตัวสวี่เยว่หรูกับเสิ่นหรูเฟิงให้ได้!
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ บริเวณประตูทางเข้าของบริษัทเผยซื่อ รถยนต์ยี่ห้อเบนต์ลีย์สีดำขลับก็เคลื่อนมาจอดอยู่ที่บริเวณถนนฝั่งตรงข้าม
“หรูเฟิง ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อยค่ะ”
สวี่เยว่หรูมองดูอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ผ่านทางหน้าต่าง ที่นี่คือสถานที่ที่เธอทำงานมานานหลายปี แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกกลัวที่จะเดินเข้าไป
เสิ่นหรูเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “กลัวอะไรกัน ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เผยลี่เชินออกไปทำธุระนอกเมือง ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็กลับมาไม่ทันอยู่ดี”
สวี่เยว่หรูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอพยายามตั้งสติและทำใจให้สงบเข้าไว้ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เด็กน้อย” เสิ่นหรูเฟิงยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอเบาๆ “ไว้รอให้คุณทำงานชิ้นสุดท้ายที่ค้างไว้เสร็จเรียบร้อย ผมจะพาคุณไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นแน่นอน หลังจากกลับมาแล้ว ผมก็จะจัดการให้คุณมาทำงานกับผม เป็นเลขาของผมแทน”
เมื่อได้ยินเสิ่นหรูเฟิงพูดเช่นนั้น ใบหน้าของสวี่เยว่หรูก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในทันที เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ตกลงค่ะ ฉันจะพยายามเพื่ออนาคตของพวกเราทั้งสองคน!“
เสิ่นหรูเฟิงมองดูหญิงสาว พร้อมกับยิ้มกว้างให้กับเธอ “อือ คุณเข้าไปเถอะ”
สวี่เยว่หรูเอื้อมมือออกไป และขณะที่เธอกำลังจะผลักประตูรถออกไปนั้น ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เธอหันหน้ากลับมามองผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เธอ และยืนยันกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “ถ้าเกิดว่าฉันถูกคนพวกนั้นจับได้ล่ะก็ คุณจะช่วยฉันใช่ไหมคะ”
เสิ่นหรูเฟิงตอบอย่างไม่ลังเลว่า “แน่นอน เพราะคุณคือผู้หญิงของผม”ไป
เมื่อได้รับฟังคำตอบที่ชัดเจน สวี่เยว่หรูก็รู้สึกเบาใจขึ้นมามากทีเดียว เธอพยักหน้า และผลักประตูลงจากรถไป พร้อมกับเดินตรงไปที่บริเวณทางเข้าของบริษัทเผยซื่อเหมือนเช่นเคย
เมื่อเธอเดินผ่านบริเวณโถงทางเดินมาได้แล้ว เธอก็เดินเข้าลิฟต์ไป สวี่เยว่หรูเดินผ่านเส้นทางนี้มาเป็นร้อยพันครั้งแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันดี แต่สุดท้ายแล้วเธอก็รู้สึกผิดภายในใจอยู่ดี และร่างกายของเธอนั้นจู่ๆ ก็สั่นเทาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่ลิฟต์เคลื่อนมาถึงยังบริเวณสำนักงานของประธานบริษัท หลังจากที่เธอก้าวเท้าเดินออกมาจากลิฟต์ได้นั้น เธอก็มองเห็นเสี่ยวจางกำลังเดินตรงมาหาเธอ
เมื่อเสี่ยวจางเห็นเธอเข้า หญิงสาวก็ยิ้มให้กับเธอ “พี่เยว่หรู อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ” สวี่เยว่หรูยิ้ม และรีบสาวเท้าก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ภารกิจสำหรับเธอในวันนี้นั้น คือเธอต้องรีบจัดการเรื่องราวนั้นให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วก็รีบออกไปจากบริษัทเสีย
ทันทีที่เธอเดินมาถึงยังบริเวณหน้าห้องทำงานของประธานบริษัท สวี่เยว่หรูก็มองซ้ายมองขวาเพื่อสังเกตโดยรอบ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสักคนอยู่ที่นั่น เธอก็รีบผลักประตูเข้าไปภายในห้องทำงานทันที เมื่อเธอเข้าไปได้แล้ว เธอก็รีบล็อกประตูห้องทำงาน พร้อมกับเดินตรงไปที่เบรคเกอร์ และตัดไฟของกล้องวงจรปิดที่กำลังอัดภาพอยู่โดยตรง
เมื่อเห็นว่าไฟสีแดงที่ตัวกล้องวงจรปิดหายไปแล้ว สวี่เยว่หรูก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ต่อมา เธอก็เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานและกดสวิตช์เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาทันที หลังจากนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดเบอร์โทรศัพท์ต่อสายออกไป “ฮัลโหล เสี่ยวส้ง ฉันมาถึงห้องทำงานแล้วนะ”
ที่ปลายสายของโทรศัพท์มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา “ดี พอคุณเปิดคอมพิวเตอร์แล้ว คุณก็ทำตามที่ผมบอกก็แล้วกัน”
สวี่เยว่หรูมีท่าทีสั่นเล็กน้อย เธอเอ่ยปากพูดเบาๆ ว่า “ได้”
ในไม่ช้า คอมพิวเตอร์ก็เปิดขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีช่องสี่เหลี่ยมสีดำปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอของคอมพิวเตอร์ ซึ่งภาษาที่ใช้ทั้งหมดนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
มีเสียงดังขึ้นมาจากปลายสายว่า “คลิกไปที่ OK”
สวี่เยว่หรูรีบทำตามคำสั่งที่ชายคนนั้นบอกทันที เธอค่อยๆ ทำตามที่เขาบอกไปทีละขั้นตอน และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีตัวเลขและรหัสจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอของคอมพิวเตอร์ในทันที
เมื่อได้เห็นอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจปรากฏอยู่บนหน้าจอเต็มไปหมด สวี่เยว่หรูก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยปากถามตัวเองว่า “แบบนี้มันแปลว่าดีไหมนะ”
“คุณรอสักพักนะ ไม่ต้องไปยุ่งกับมันแล้ว ตอนนี้คุณอย่าไปขัดกระบวนการการทำงานของมัน ไม่อย่างนั้นมันจะไม่สำเร็จ”
“ตกลง” ภายในใจของสวี่เยว่หรูรู้สึกกังวลขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ในเมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สามารถหนีรอดกลับไปได้อย่างปลอดภัย เธอจะต้องเอาเรื่องเมื่อวานไปรายงานเผยลี่เชินอย่างแน่นอน และทันทีที่เผยลี่เชินรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอกับเสิ่นหรูเฟิงเข้า เธอก็ไม่สามารถที่จะทำงานต่อไปในบริษัทเผยซื่อได้อีก ดังนั้น เพื่อขโมยข้อมูลและเอกสารส่วนตัวทั้งหมดของบริษัท เสิ่นหรูเฟิงจึงว่าจ้างแฮ็กเกอร์ให้มาเจาะข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของเผยลี่เชินซะ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าสวี่เยว่หรูจะไม่อยู่ที่นี่ เขาก็ยังสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แต่การที่จะเจาะข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของเผยลี่เชินได้นั้น จำเป็นที่จะต้องหาใครสักคนมารับผิดชอบในเรื่องนี้ และเพื่อปกปิดในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้น เธอจำเป็นที่จะต้องตัดการทำงานของกล้องวรจรปิด พร้อมกับแสร้งทำเป็นว่าเธอเข้ามาที่สำนักงานแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อื่น เธอต้องทำให้แน่ใจว่าเผยลี่เชินจะไม่สงสัยว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับคอมพิวเตอร์ของเขา
ระหว่างที่เธอกำลังรออยู่นั้น สวี่เยว่หรูก็คอยสังเกตผู้คนโดยรอบ และจัดแจงปัดเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะให้ดูไม่เป็นระเบียบ พร้อมกับนำเอกสารที่อยู่ในตู้เก็บเอกสารด้านข้างออกมาวางไว้ข้างนอกด้วย หนังจากนั้นไม่นาน ทั้งห้องทำงานก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบในทันที
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเผยลี่เชินจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเธอ แต่ก็คงจะคิดแค่ว่าเธอมาหาเอกสารเท่านั้น และคงไม่เชื่อมโยงไปไม่ถึงตัวคอมพิวเตอร์อย่างแน่นอน
เมื่อสวี่เยว่หรูคิดได้ถึงจุดนี้ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ และกลับไปยังโต๊ะทำงานทันที เมื่อเห็นว่ามีหน้าต่างใหม่โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอของคอมพิวเตอร์ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากปลายสายของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะพอดีว่า “เรียบร้อย คลิกที่ปุ่มด้านขวาที”
เธอคอยทำตามคำสั่งแต่ละขั้นตอนอย่างเคร่งครัด จนท้ายที่สุด ขั้นตอนทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย
“เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อย ปิดคอมแล้วก็รีบไปจากที่นั่นซะ”
“ตกลง”
สวี่เยว่หรูรีบกดวางสาย และปิดคอมพิวเตอร์ในทันที เมื่อเธอมองสำรวจไปรอบๆ ห้องทำงานอีกครั้ง เธอก็รีบเดินไปที่บริเวณหน้าประตูห้อง ผลักประตูเปิด และเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เธอก้าวออกมาจากห้องทำงานได้ไม่กี่ก้าว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นเสี่ยวจางกำลังเดินตรงมาที่เธออย่างพอดิบพอดี
เสี่ยวจางมองดูสวี่เยว่หรูด้วยความประหลาดใจ “พี่เยว่หรู พี่เข้าไปทำอะไรในห้องทำงานของท่านประธานเหรอคะ”
สีหน้าของสวี่เยว่หรูเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ความสับสนปรากฏขึ้นภายในแววตาของเธอ เธอยิ้มอย่างฝืนใจ พร้อมกับเอ่ยปากพูดออกไปว่า “พี่เข้าไปหาเอกสารจำนวนหนึ่งน่ะ แต่ว่าหาไม่เจอ”
เมื่อสัมผัสได้ว่าสวี่เยว่หรูมีบางอย่างผิดปกติไป เสี่ยวจางก็เดินเข้าไปใกล้เธอ พร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “ทำไมพี่ไม่ไปหาเอกสารที่ห้องเก็บเอกสารล่ะคะ ตอนนี้ท่านประธานออกไปปฏิบัติงานข้างนอก ห้ามเข้าไปในห้องทำงานของท่านโดยพลการนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของสวี่เยว่หรูก็ปรากฏให้เห็นถึงความโกรธและหงุดหงิดขึ้นมาในทันที เธอจ้องมองไปที่เสี่ยวจางอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับพูดด้วยเสียงเข้มว่า “แล้วไง ทำไมเธอต้องมายุ่งเรื่องของฉันด้วย!”