ตอนที่ 409 ปิดบังได้วันเดียวก็วันเดียว
ราวกับมีบางสิ่งโจมตีหัวใจของเธออย่างทันทีทันใด ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เสียงชายชราที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้น โดยที่ไป๋เสว่เอ่อร์ยังตกอยู่ในภวังค์ “สาวน้อยอ่ะ รับปากเขาไปซิ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก เธอจำใจต้องรับปากต่อหน้าชายชราในตอนนี้ แต่หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน เธอและเผยลี่เชินก็ต้องสิ้นสุดลง แยกย้ายกันไปตามทางที่แต่ละคนชอบ
เธอกำมือแน่นจนในที่สุดไม่กล้าที่จะรับปาก สะอื้นเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึกรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ขอโทษคะ!”
หลังจากพูดประโยคนี้ เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเผยลี่เชิน และยิ่งไม่กล้ามองท่าทางสีหน้าของชายชรา แต่กลับหันหลังเดินผลักประตูออกจากห้องไป
เผยลี่เชินและชายชราตกตะลึง ต่างมองเงาของหญิงสาวที่ค่อยๆ หายลับไป ชายชราถอนหายใจยาว “ไม่ได้ดูตัวเองเลย ตอนแรกคิดจะช่วยแกแต่ก็ช่วยไม่ได้”
เผยลี่เชินลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ทำถึงขนาดนี้แล้วเธอยังไม่ยอมยกโทษให้แก แสดงว่าแกต้องไปทำร้ายจิตใจเธออย่างหนัก” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
เผยลี่เชินหายใจลึก พูดเบาๆ แต่น้ำเสียงเต็มไปความมั่นใจ “พ่อ วางใจเถอะ ผมจะต้องพาเธอกลับมาให้ได้”
คุณท่านเผยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ยินเช่นนี้ พูดอย่างจริงจัง “ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันก็ไม่นับว่าแกเป็นลูก!”
พูดจบชายชราเดินถือไม้เท้าออกไปจากห้อง เดินไปก็พูดกับตัวเองไป “เสี่ยวเจ๋อเป็นหลานฉัน ยังไงก็เป็นหลานฉัน!”
เผยลี่เชินตามหลังชายชรา รู้สึกสับสนภายในจิตใจ
ทั้งสามคนอยู่ในห้องนั่งเล่น ต่างเข้าใจซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเจ๋อ ทุกคนดูมีความสุขเต็มที่ รู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด
หลังจากกินข้าวกลางวันแล้ว ชายชรายังคงเล่นกับห้าวเจ๋อน้อยต่อจนถึงเวลานอนกลางวันของเสี่ยวเจ๋อทำให้ต้องลาจากด้วยความอาลัยอาวรณ์
ก่อนจะกลับ ชายชราย้ำกับไป๋เสว่เอ๋อร์ “เสี่ยวไป๋ ถ้าลี่เชินมันรังแกเธอ รีบมาบอกฉัน ฉันจะช่วยเธอสั่งสอนมันเอง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มพยักหน้า “รู้แล้วคะ คุณลุงดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”
“ได้ เอาไว้วันหลังฉันค่อยมาเยี่ยมพวกเธอใหม่”
เธอส่งยิ้มพร้อมโบกมือลา ชายชราจึงได้จากไป
เห็นรถขับออกจากคฤหาสน์ไปไกลแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงหันกลับเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อเข้ามาเธอเห็นคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่เหมือนกำแพง
เธอกำลังจะเดินหนี แต่ชายหนุ่มกลับยื่นมือมาขวางทางเดินของเธอไว้
“ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก เงยหน้ามองเขา “พูดมาซิ”
“คุณพ่ออยากกอดหลานชาย ตอนนี้เขารู้สถานะของเสี่ยวเจ๋อแล้ว มีความสุขมากและต้องมาหาเสี่ยวเจ๋อบ่อยๆ แน่ ฉันไม่ขอให้เธอรับปากอะไรฉัน แต่ขอร้องอย่าบอกเรื่องสัญญาความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนได้ไห?”
เห็นสีหน้าชายหนุ่มที่ดูจริงจัง ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น แต่โดยส่วนตัวของเขาแล้วความรู้สึกที่มีต่อชายชราเป็นความรู้สึกที่แท้จริง เธอเองรู้ชัดเจน
เธอลังเลสักครู่ก่อนจะถามเบาๆ “แต่เรื่องนี้ช้าเร็ววันหนึ่งเขาก็ต้องรู้อยู่วันยังค่ำ”
เผยลี่เชินวางมือบนไหล่ของเธอ มองด้วยความจริงใจ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอก็รู้ว่าสุขภาพตอนนี้ของเขาไม่ค่อยสู้ดี ฉันไม่อยากให้อะไรมากระกระเทือนใจเขา แม้เรื่องนี้จะปิดบังได้แค่วันเดียวก็วันเดียว ได้ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธ แม้ว่าใจเธอจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอก็พยักหน้า “ฉันรับปากคุณ”
สายตาของเผยลี่เชินอ่อนโยนขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากำลังจะพูดขึ้นมา จู่ๆ ป้าจางก็เข้ามา “คุณผู้ชาย คุณไป๋….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามอง เห็นในมือป้าจางถือแผ่นพับสีเขียวเข้ม เธอส่งแผ่นพับให้ “นี่เป็นแผ่นพับที่คุณท่านเอามาตอนที่มาถึงที่นี่ ท่านบอกให้ป้าเอามาให้กับพวกคุณทั้งสอง ป้าเองก็เกือบลืมไปแล้ว”
เผยลี่เชินเอื้อมมือไปรับ เห็นตัวอักษรสามตัวสีทองบนแผ่นพับสีเขียวเข้มว่า “หนังสือเชิญ” สายตานิ่งอึ้ง
พลิกดูเนื้อหาด้านใน เผยลี่เชินเข้าใจทันที หันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเบาๆ “งานเลี้ยงธุรกิจของคุณเวิน เชิญฉันไปร่วมงาน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามเบาๆ “คุณเวินเป็นใคร?”
เผยลี่เชินตอบเบาๆ “เป็นคนใจบุญคนหนึ่งที่มาเมืองไห่เฉิงเมื่อสามปีก่อน เขาทำธุรกิจต่างประเทศมากมาย มีอิทธิพลมาก เป็นผู้นำธุรกิจเชิงพาณิชย์ ไม่สะทกสะท้านต่ออุปสรรค เป็นคนทะเยอทะยาน
เห็นท่าทางสีหน้าของชายหนุ่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พอจะเดาออกได้คร่าวๆ ว่าคุณเวินเป็นคนที่รับมือได้ยาก
เผยลี่เชินมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ ถามความคิดเห็น “งานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้ต้องพาคู่ไปด้วย เธอไปกับฉันได้ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามกลับด้วยสายตาฉลาดแกมโกง “ถ้าฉันไม่รับปากล่ะ?”
ขณะพูด เธอไม่รอให้เผยลี่เชินพูดอะไรต่อ รีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ขณะเดินไปถึงและผลักประตู ทันใดนั้นก็มีแรงมาที่ประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังทันได้ไม่ตอบสนองใด เธอถูกผลักเข้าไปข้างในห้อง เสียงปิดประตูดัง “ปัง”
เสียงของชายหนุ่มต่ำและเซ็กซี่จนหน้าผากร้อนผ่าว “เธอไม่รับปากก็ต้องไป ฉันมีเธอเพียงคนเดียว ไม่พาเธอไปแล้วจะให้พาใครไป?”
คำพูดนี้กระตุ้นหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ ยังไม่รอให้เธอได้ตอบสนองใดๆ ฝ่ามือของชายหนุ่มโอบรอบเอวของเธอไว้ จากนั้นก็ค่อยชอนไชเข้าไปในเสื้อของหญิงสาว “นานแล้วที่ฉันไม่ได้กอดเธอ ทำให้เธอลืมไปแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉันใช่ไหม?”
การระเบิดอย่างกะทันหันและฉับพลันเป็นอันตรายที่สุด ไป๋เสว่เอ๋อร์เกือบจะหน้าแดง ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้
เธอพยายามผลักเขาออกไป ขมวดคิ้วอย่างน่าอาย “ปล่อยนะ”
เผยลี่เชินยิ้มพร้อมใบหน้าซุกไว้ที่บริเวณลำคอของเธอ ใช้ริมฝีปากลูบไล้ไล่ลงมา
ความปรารถนาที่รอจนเหือดแห้งดูเหมือนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์เพียงรู้สึกชาไปทั่วตัวทั้งแขนขาจากที่เมื่อก่อนเคยแข็งแรงกว่านี้
เธอไม่มีชายอื่น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้มีแต่เขาเท่านั้นตั้งหกปีแล้ว
เผยลี่เชินรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหญิงสาว จึงได้ยกคิ้วขึ้น กดเธอไว้กับประตูถามด้วยเสียงเบาๆ “งานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้เธอจะไปกับฉันไหม?”
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ดี ถ้าเธอกล้าพูดว่าไม่ เผยลี่เชินคงรีบจัดการเผด็จศึกเธอทันที
“แม่…แม่อยู่ไหน?”
ได้ยินเสีงเสี่ยวเจ๋อจากด้านนอกห้อง ไป๋เสว่เอ๋อรเเหมือนตื่นจากความฝัน ได้สติคืนมาเต็มที่ จึงใช้มือผลักเผยลี่เชินออกไป “ฉันจะไปกับคุณ”
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวรับปาก เผยลี่เชินจึงยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตู เขาจับไหล่เธอไว้ จูบที่ริมฝีปากของเธอ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาถึงปล่อยเธอด้วยความพึงพอใจ ดวงตาดูเป็นประกาย ส่งยิ้มให้ “นี่เกือบจะเหมือนแล้ว”
พูดจบ เขาจับมือเธอแล้วเปิดประตู เดินออกจากห้องไปก่อน เมื่อเห็นห้าวเจ๋อน้อยอยู่ไม่ไกล จึงรีบคุกเข่ากวักมือเรียกเขา “มา…เสี่ยวเจ๋อ!”
ห้าวเจ๋อน้อยังไม่ทันได้โต้ตอบกลับไป ก็ถูกอุ้มไปก่อนแล้ว เขาถูกเผยลี่เชินอุ้มบินว่อนไปทั่วอยูในอากาศ
ห้าวเจ๋อน้อยดูเหมือนจะสนุกสนาน จนลืมไปชั่วขณะว่ากำลังตามหาแม่อยู่ หัวเราะคิกคักขอให้เผยลี่เชินเล่นอีกครั้ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่ประตู มองดูสองคนเล่นสนุก จนตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยไม่รู้ตัว…