ตอนที่ 425 ใช้การกระทำจริงๆในการกล่าวขอบคุณ
ประโยคนี้พูดออกไป บรรยากาศก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปหลายวินาที
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเห็นห้าวเจ๋อน้อยตกตะลึงไปชั่วขณะ หันมามองตนเองด้วยท่าทีที่ทำอะไรไม่ถูก
วินาทีนั้น อยู่ๆเธอก็รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปลายจมูกขึ้นมา
หลายปีมานี้ ตอนที่เธอพาห้าวเจ๋อน้อยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเซียงหนานนั้น ได้ยินคนอื่นเอ่ยถามห้าวเจ๋อน้อยอย่างไม่ได้ตั้งใจมานับครั้งไม่ถ้วน ถามว่าพ่อของเขาอยู่ที่ไหน ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มักจะตอบกลับด้วยสีหน้าที่เก้ๆกังๆว่า “เขาไม่มีคุณพ่อค่ะ”
ตอนนี้ เธอไม่อยากตอบประโยคนี้ต่อหน้าเพื่อนใหม่ของห้าวเจ๋อน้อย
ทันใดนั้น ในเวลานี้เอง เสียงประตู “แกร็ก” ก็ดังขึ้น เผยลี่เชินก้าวขาเดินเข้ามา มองเห็นพวกเขา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมา
เขาก้าวขาเดินเข้ามา มองไปที่ห้าวเจ๋อน้อยเอ่ยปากถามขึ้นเบาๆว่า “ห้าวเจ๋อน้อย คิดถึงพ่อหรือเปล่าครับ?”
ในขณะที่พูด เขาก็โน้มตัวลง อุ้มห้าวเจ๋อน้อยขึ้นมาในทันที ห้าวเจ๋อน้อยได้ยินดังนั้น สายตาก็เปล่งประกาย ยื่นมือออกไปโอบรอบคอของเผยลี่เชินเอาไว้ “คิดถึงแล้วครับ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง มองเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายในจิตใจ ในขณะเดียวกันก็แอบถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อครู่นี้ตอนอยู่ในสายโทรศัพท์ เป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยถึงเรื่องที่จะแสร้งแสดงเป็นคู่สามีภรรยากับเผยลี่เชินออกมายังไงดี ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา คิดว่าจะรอเขากลับมาค่อยพูดต่อหน้า คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจทั้งหมด
วางห้าวเจ๋อน้อยลง เผยลี่เชินยิ้มพร้อมมองไปที่เจียเจีย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “หนูก็คือเพื่อนของห้าวเจ๋อน้อย?”
เจียเจียพยักหน้าอย่างจริงจัง เอ่ยปากถามขึ้นเบาๆว่า “คุณคือคุณพ่อของห้าวเจ๋อน้อยหรอคะ?”
เผยลี่เชินพยักหน้า “ใช่ครับ ลุงคือคุณพ่อของเขา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจมาโดยตลอดว่าเผยลี่เชินคงจะคบค้าสมาคมกับเด็กเล็กไม่เป็น แต่คิดไม่ถึงว่าไม่กี่ประโยคของเขากลับหยอกล้อจนห้าวเจ๋อน้อยกับเจียเจียต่างก็หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศคึกครื้นขึ้นมาเป็นอย่างมากในชั่วขณะ
พวกเขาล้างมือเสร็จ ห้าวเจ๋อน้อยก็จูงเจียเจียวิ่งออกไปก่อน ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะเดินตามออกไป อยู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ฝีก้าวหยุดชะงักลง หันหน้ากลับมองไปทางเผยลี่เชิน เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “คุณ…แสดงได้ดีมากค่ะ”
ทั้งๆที่เป็นคำพูดชื่นชมประโยคนึงแท้ๆ แต่เผยลี่เชินกลับฟังจนขมวดคิ้วขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาอย่างกะทันหัน โอบเอวของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ ดันแผ่นหลังของเธอให้เข้ามาทางตนเอง “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณอธิบายให้ผมฟังหน่อย อะไรคือการ “แสดง”?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ยังไม่ทันจะคิดให้เข้าใจว่าจุดที่ชายหนุ่มโกรธอยู่ตรงไหน ด้านหน้าของเธอก็มืดลง ริมฝีปากรู้สึกหนักขึ้นเหมือนถูกอะไรมากดทับเอาไว้
เผยลี่เชินกัดไปบนริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอเบาๆอย่างกับตั้งใจยังไงอย่างงั้น จากนั้นก็คลายเธอออก จ้องไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอ “เดิมทีพวกเราก็ใช่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้อง “แสดง” คราวหน้าให้ผมได้ยินคุณพูดเช่นนี้อีก ผมไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่”
พูดจบ เขาก็คลายมือที่รัดช่วงเอวของหญิงสาวเอาไว้ออก ก้าวขาออกจากห้องครัวไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอึ้งอยู่กับที่ สมองอื้ออึงไปหมด บนริมฝีปากแสบร้อน ราวกับถูกอะไรมาลวกก็ไม่ปาน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอถึงได้สติกลับคืนมา ตบไปบนแก้มทั้งสองข้างที่ทั้งแดงทั้งแสบร้อนเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวขาเดินออกไป
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสนุกสนานครื้นเครงมีความสุข เผยลี่เชินมักจะเล่าเรื่องตลกเพื่อหยอกล้อห้าวเจ๋อน้อยกับเจียเจียอยู่บ่อยๆ ทำให้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
มื้ออาหารเดินทางมาถึงในช่วงท้าย ไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มหยิบถ้วยเล็กๆของพวกเขาขึ้นมาตักซุปข้าวโพดที่หอมหวาน เริ่มแรกตักให้กับเด็กน้อยทั้งสองคนก่อน จากนั้นก็ตักให้กับเผยลี่เชินอีกถ้วยหนึ่ง
มองดูหญิงสาวที่นำถ้วยส่งมายังด้านหน้าของตนเองอย่างเอาใจใส่ เผยลี่เชินก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “ขอบคุณครับ”
เขาเพิ่งจะพูดจบ อยู่ๆเจียเจียที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็หัวเราะส่งเสียงออกมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม เอ่ยปากถามขึ้นเบาๆว่า “เป็นอะไรไปจ๊ะเจียเจีย?”
เจียเจียหัวเราะคิกคัก ดวงตากลมโตที่แลดูฉลาดเฉลียวมีไหวพริบทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไปมา มองดูไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วกันกลับไปมองดูเผยลี่เชินอีก จากนั้นเอ่ยปากขึ้นว่า “ที่บ้านของเรา คุณพ่อของหนูไม่มีทางพูดขอบคุณกับคุณแม่โดยเด็ดขาด คุณพ่อจะใช้การกระทำจริงๆแสดงการขอบคุณค่ะ”
ห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ “การกระทำจริงๆอะไร?”
เจียเจียกะพริบตาปริบๆ เอ่ยขึ้นอยากภาคภูมิใจว่า “ปกติคุณพ่อของฉันก็จะจุ๊บคุณแม่ แสดงการกล่าวขอบคุณ”
ประโยคนี้พูดออกไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ยังไม่ทันที่จะมีการตอบสนองกลับมา ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พวกเราก็มีเหมือนกัน”
ในขณะที่พูด อยู่ๆเขาก็ยื่นมือออกมา โอบไหล่ของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ หันข้างประชิดเข้าไปใกล้เธอ แล้วจูบลงบนแก้มที่อ่อนนุ่มของเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ราวกับถูกยึดเอาไว้ให้อยู่กับที่ ถูกเขาจุ๊บทีหนึ่งต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสองคน ทั่วทั้งร่างกายก็ร้อนระอุขึ้นมาราวกับถูกไฟลวกก็ไม่ปาน
เด็กน้อยทั้งสองคนเห็นฉากนี้แล้ว ต่างก็พากันหัวเราะคิกคักขึ้นมา เผยลี่เชินยิ้มเล็กน้อย กวาดสายตาไปบนแก้มที่แดงก่ำของไป๋เสว่เอ๋อร์ จากนั้นก็หันกลับไปมองห้าวเจ๋อน้อยและเจียเจียที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
เขายกมือขึ้นตีไปบนหน้าผากเล็กๆของทั้งสองคนเบาๆ แกล้งทำเป็นเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม “เอาล่ะ ตอนนี้ตั้งใจทานข้าวให้หมด”
ในที่สุดอาหารเย็นก็เสร็จสิ้นลง เผยลี่เชินพาเด็กทั้งสองคนไปดูทีวียังห้องรับแขก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ช่วยป้าจางเก็บกวาดจานชามด้วยกัน
“คุณหนูไป คุณไม่ต้องแตะแล้วค่ะ ฉันทำเองก็พอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะป้าจาง ฉันช่วยป้าเก็บนิดหน่อย ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”
เก็บจานชามไปไว้ที่ห้องครัวแล้ว อยู่ๆป้าจางก็หันมามองเธอด้วยรอยยิ้ม เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “คุณหนูไป๋ พวกคุณเป็นแบบนี้ดีจังเลยค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปยังป้าจางด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอขึ้นมาในชั่วขณะ
ป้าจางเอ่ยปากอธิบายว่า “ป้าหมายถึง สถานภาพที่คุณกับคุณผู้ชายและห้าวเจ๋อน้อยอยู่ด้วยกันในตอนนี้ อบอุ่นมีความสุข ป้าเห็นแล้วก็มีความสุขตามไปด้วย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น การเคลื่อนไหวก็หยุดชะงักลง ความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าแข็งทื่อ
ป้าจางไม่รู้ว่า ที่เธอกับเผยลี่เชินอยู่ด้วยกันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น พอกำหนดครบสามสิบวันมาถึง พวกเขาก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า
มองเห็นสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ค่อยจะเป็นปกตินัก ป้าจางจึงรีบเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ป้า…พูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มขึ้นอย่างราบเรียบ เอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “เปล่าค่ะ ป้าจาง ล้างจานกันก่อนเถอะค่ะ”
หลังจากช่วยป้าจางล้างจานจนเสร็จด้วยความนิ่งเงียบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หมุนตัวเดินมาถึงห้องรับแขก มองเห็นเผยลี่เชินกับห้าวเจ๋อน้อยที่นั่งอยู่บนโซฟา ก็มีอารมณ์ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้น
ในตอนแรก เธอมีความคิดที่แน่วแน่อย่างหาใดเปรียบว่าขอเพียงแค่ข้อตกลงสามสิบวันถึงกำหนด เธอก็จะพาห้าวเจ๋อน้อยออกจากที่นี่ไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ เวลายังไม่ทันจะเดินไปถึงครึ่ง เธอก็เริ่มมีความหวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่นานนัก คุณแม่ของเจียเจียก็เข้ามาเคาะประตูบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินรวมไปถึงห้าวเจ๋อน้อยเดินมาส่งเจียเจียที่หน้าประตูด้วยกัน ก่อนที่จะกลับ เด็กทั้งสองก็กอดกัน ทันใดนั้น เจียเจียก็ประชิดเข้ามาที่ข้างแก้มของห้าวเจ๋อน้อย จูบเบาๆลงไปทีหนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “เย็นนี้มีความสุขมากเลย ขอบคุณมากนะ”
เด็กผู้หญิงร่าเริงไร้เดียงสา การเคลื่อนไหวเล็กๆที่เริ่มขึ้นก่อนแบบนี้ยิ่งแสดงถึงความน่ารักเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัด
แก้มของห้าวเจ๋อน้อยกลับถูกปัดไปด้วยสีแดงขึ้นมาในทันที เขากอดขาของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ มองส่งเจียเจียกับคุณแม่จากไปพร้อมกัน สายตาเขินอายทั้งยังน่ารัก
เห็นเจียเจียเดินจากไปไกลแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้ก้มศีรษะลงมองดูท่าทางของเจ้าหนู จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอจูงมือเล็กๆของเขา ห้าวเจ๋อน้อยถึงได้รู้สึกตัวขึ้น
กลับมาถึงห้อง ไป๋เสว่เอ๋อร์พาห้าวเจ๋อน้อยไปอาบน้ำ ส่งเขาเข้านอนเสร็จ กำลังจะกลับไปยังห้องนอนของตนเอง พอออกนอกประตูมาก็เห็นเผยลี่เชินยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตู
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “ทำไมยังไม่นอนอีกคะ?”
เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาปรากฏรอยยิ้มออกมา “คุณไม่อยู่เป็นเพื่อนผม ผมนอนไม่หลับ”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจของเธอบีบตัวเข้าหากันแน่น ในขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังไม่รู้ว่าจะตอบยังไงอยู่นั้น อยู่ๆมือของชายหนุ่มก็ยื่นเข้ามา จับมือของเธอเอาไว้ จูงเธอก้าวขาเดินไปยังปากทางบันได
เพิ่งจะเดินมาถึงบริเวณปากทางบันได ฝีก้าวของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หยุดชะงักลง ในใจเกิดความลังเลขึ้นเป็นอย่างมาก
เผยลี่เชินหันหน้ากลับไป มองดูเธอ มุมริมฝีปากก็ยกขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว “กลัวอะไร? ผมก็แค่มีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ”
ได้ยินเข้าพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นถึงได้ไม่รู้สึกตื่นเต้นขนาดนั้นแล้ว
ทันใดนั้น เผยลี่เชินก็ก้าวขาเข้ามาเล็กน้อย จ้องมองเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณนึกว่าผมจะทำอะไรกับคุณ?”