ตอนที่ 431 ลูกไม่มีพ่อ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ปกติน้าชิวดูแลคุณลุงก็เหนื่อยมากแล้ว เรื่องเล็กแค่นี้หนูช่วยได้ก็ช่วย แบ่งเบาภาระให้กับคุณน้าค่ะ”
“ไม่ต้องๆ หนูอยู่เป็นเพื่อนคุณท่านเผยก็พอ น้าไปล้าง”
ในขณะที่เย่ชิวหรงพูด ก็เดินอ้อมตัวเธอ เปิดประตูห้องเดินออกไปในทันที
มองดูเธอเดินจากไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่ลุกลี้ลุกลน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็แปลกใจมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เธอเพียงแค่อยากจะล้างแก้วแทนเธอก็เท่านั้นเอง เย่ชิวหรงก็ตื่นตระหนกขนาดนี้ หรือว่ายานั่นจะมีปัญหาอะไรจริงๆ?
คิดเชื่อมโยงไปถึงความผิดปกติแต่ละอย่างในก่อนหน้านี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็แทบจะแน่ใจได้เลยว่า ยาจีนนั่นไม่ธรรมดาขนาดนั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคุณท่านเผยก็คงจะไม่มีอาการไอรุนแรงมากยิ่งขึ้นภายในช่วงระยะเวลาที่ดื่มยา เย่ชิวหรงก็ยิ่งไม่อาจจะตื่นตระหนกกับแก้วที่ได้ผ่านการบรรจุยาไปแล้วขนาดนั้น
เธอก้าวขาเดินออกจากห้องผู้ป่วย เห็นเย่ชิวหรงเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ ความสงสัยภายในใจก็รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา จากนั้น เสียงผู้ชายที่คุ้นหูก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของเธอ “ไป๋เสว่เอ๋อร์”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับไปโดยจิตใต้สำนึกในทันที ในตอนที่เห็นเผยอี้ที่อยู่ทางด้านหลังนั้น คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
สายตาของเผยอี้หยุดลงที่ตัวเธอภายในระยะเวลาสั้นๆ เขาหันหน้ามองผ่านเข้าไปทางหน้าต่างเล็กๆบนประตูของห้องผู้ป่วย มองเห็นคุณท่านเผยกับห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ในห้อง สีหน้าก็อึมครึมขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาหันหน้ากลับมา จ้องไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก “คุณคิดว่าใช้ไม้นี้ก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้งั้นเหรอ?”
“ไม้ไหน? ขอโทษนะคะ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”
ในขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูด ก็หมุนตัวคิดจะผลักประตูเดินเข้าไปในห้อง แต่อยู่ๆ มือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามากระชากแขนของเธอเอาไว้ ดึงเธอไปยังด้านข้างในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บที่แขน “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”
กำลังมือของเผยอี้นั้นรุนแรงมาก อีกทั้งไม่มีความคิดที่จะอ่อนโยนลงเลยแม้แต่น้อย ฉุดกระชากลากถูเธอมาถึงยังปากทางบันไดหนีไฟที่อยู่อีกด้าน
เผยอี้ผลักเธอไปทางด้านหลังอย่างแรง ตะคอกขึ้นด้วยความโมโหว่า “คุณคิดว่าผมไม่รู้หรอว่า ที่คุณกลับมาในคราวนี้มีเป้าหมายอะไร!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนได้ไม่มั่นคง ชนเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านข้างในทันที ทันใดนั้น ในใจของเธอก็เกิดความโมโหขึ้นมาระลอกหนึ่ง “งั้นคุณก็พูดออกมาสิ ว่าฉันมีเป้าหมายอะไร!”
สายตาของเผยอี้เฉียบคม ความโกรธพุ่งทะลักขึ้นมา “พ่อของผมพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล คุณก็มีความอดทนวิ่งมาหาทุกวัน ไม่ใช่มาส่งข้าวก็พาลูกไม่มีพ่อของคุณนั่นเข้ามา ไม่ใช่ว่าคิดอยากจะหลอกล่อให้คนแก่ดีใจหรอกหรอ!ไม่ใช่เพื่อคิดที่จะแย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลหรอกหรอ!”
คำพูดของเผยอี้ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมา ระเบิดออกที่ข้างใบหูของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างกะทันหัน เธอตัวสั่นขึ้นในทันที แทบจะยกมือขึ้นโดยจิตใต้สำนึก ไม่สนอะไรทั้งสิ้น ตบไปบนใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง
เสียง “เพี้ยะ!” ดังขึ้น สั่นสะเทือนจนมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ยังรู้สึกเจ็บ
เผยอี้นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ราวกับรูปปั้นแกะสลักที่ถูกเสกให้กลายเป็นหินก็ไม่ปาน จ้องมองไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยความตกใจ
ความโมโหที่เหลือของไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่สลายหายไป และเธอก็ไม่สนใจว่าคนที่อยู่ด้านหน้าในเวลานี้คือใคร ยื่นมือออกไปฉุดคอเสื้อของเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความโกรธว่า “คุณว่าใครเป็นลูกไม่มีพ่อ!คุณว่าใคร!”
เผยอี้มีการตอบสนองกลับมาอย่างกะทันหัน เขายื่นมือออกไป กระชากมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำปกคอเสื้อของตนเองเอาไว้แน่นสลัดทิ้งไปในทันที “ที่ผมพูดหมายถึงใครคุณยังไม่ชัดเจนอีกหรอ?”
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ตะคอกใส่ไป๋เสว่เอ๋อร์ว่า “คุณคิดว่าผมไม่รู้ว่าอยู่ๆคุณกลับมาเพื่ออะไรหรอ? ไม่ใช่ว่าเพื่อทรัพย์สินของบ้านตระกูลเผยหรอ!ผมจะบอกคุณให้ คุณฝันไปเหอะ!ผมเผยอี้คราวนี้จะไม่ยอมอ่อนข้อให้อย่างเด็ดขาด และทรัพย์สมบัติของตระกูลเผย จะต้องตกเป็นของผมได้แต่เพียงผู้เดียว!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ความโกรธก็ทะลักขึ้นมาภายในจิตใจ เธอจ้องไปที่เผยอี้ในขณะที่หอบหายใจอย่างรุนแรง “ในสายตาของคุณ ทุกคนต่างก็ต่ำช้าไร้ยางอายแบบเดียวกันกับคุณ!เผยอี้คุณรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งต่างๆเมื่อพัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดก็จะกลับกลายไปในทางตรงกันข้าม!ยิ่งคุณคิดอยากได้มามากเท่าไร คุณก็ยิ่งไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ!”
พูดจบ เธอก็ยื่นมือออกมา ผลักเขาอย่างแรง จากนั้นวิ่งออกไปจากทางหนีไฟด้วยความรวดเร็ว ก้าวขาเดินไปทางห้องผู้ป่วย
หูของเธอดังหวึ่งๆอยู่ตลอดเวลา ในใจอัดอั้นไฟโกรธเอาไว้ โมโหจนอดไม่ได้ที่อยากจะร้องไห้ออกมา
ไม่ว่าคนอื่นจะด่าลับหลังเธอยังไง เธอต่างก็สามารถเฉยเมยได้ แต่คนอื่นจะมาด่าห้าวเจ๋อน้อยไม่ได้โดยเด็ดขาด ยิ่งไม่อาจจะพูดว่าเขาเป็นลูกไม่มีพ่อ!
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยของคุณท่านเผย เผยอี้ก็ก้าวขาตามทันเข้ามา เขาดูเหมือนจะสงบลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ก้าวขามาขวางหน้าประตูเอาไว้ จ้องไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “พวกเรามาคุยกันหน่อย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟันแน่น เอ่ยปากขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “หลีกทาง ฉันไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกับคุณ!”
เผยอี้ยังคิดอยากจะพูดอะไรอีก ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกดึงให้เปิดออก ห้าวเจ๋อน้อยยืนอยู่ที่หน้าประตู มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งขวางหน้าประตูเอาไว้ และดวงตาทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็แดงก่ำ ราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร
เขาไม่แม้แต่จะคิด คว้าแขนของเผยอี้เอาไว้ กัดลงไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
เผยอี้เจ็บจนส่งเสียงร้องอุทานออกมา เขาสะบัดมือออกอย่างแรง ห้าวเจ๋อน้อยถูกสะบัดไปที่ด้านข้าง สะดุดทีหนึ่งแล้วล้มลงไปกองกับพื้นภายในทันที
“ไอ้คนเลว!อย่ามารังแกแม่ของฉันนะ!”
ห้าวเจ๋อน้อยลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยความว่องไว ทั้งเตะทั้งตีไปที่ขาของเผยอี้ เผยอี้โมโหจนสีหน้าแดงระเรื่อ ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับคว้าเสื้อของห้าวเจ๋อน้อยเอาไว้แน่น
“หยุดนะ!”
เสียงตะคอกด้วยความโมโหดังสะท้อนขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างของคุณท่านเผยราวกับเหยี่ยว สีหน้ามืดมน “เผยอี้ แกคิดจะทำอะไร!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบผลักเผยอี้ออก อุ้มห้าวเจ๋อน้อยขึ้นมาเดินไปที่ด้านข้างด้วยความรวดเร็ว
ห้าวเจ๋อน้อยโอบรอบคอของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ รีบเอ่ยปากถามออกมาว่า “คุณแม่ ไม่เป็นอะไรใช่หรือเปล่า?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปลายจมูกขึ้นมา ส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ แม่ไม่เป็นไร”
“พ่อ พ่อก็เห็นแล้ว เจ้าเด็กผีนี่พอเข้ามาก็มากัดผม!การอบรมสั่งสอนสักนิดก็ยังไม่มี ทำไมพ่อยังโทษผมอีก…”
คุณท่านเผยโกรธจนลุกยืนขึ้นมาจากรถเข็น ชี้ไปที่เขาด้วยมือที่สั่นเทาพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยความโมโหว่า “ไสหัวออกไป!”
เผยอี้ถูกด่าจนสีหน้าอึมครึมขึ้นมา ความโกรธภายในสายตารุนแรงมากยิ่งขึ้น เขายังคิดอยากจะพูดอะไรอีก เย่ชิวหรงเห็นท่า รีบเข้ามาดึงเขาออกไปจากห้องผู้ป่วยในทันที
ฉุดกระชากเผยอี้ออกมาจากห้องผู้ป่วยอย่างไม่ยอมแพ้ เย่ชิวหรงลากเขาเดินออกมาไกลมากแล้วถึงได้ยอมปล่อยมือออก
เผยอี้ขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยตำหนิออกมาว่า “แม่ แม่ทำอะไร? แม่ไม่ได้บอกว่าไป๋เสว่เอ๋อร์มาที่นี่ทุกวันเพราะมีเจตนาร้ายหรอกหรอ?ผมมาแล้วแม่ยังจะลากผมออกมาอีก!”
เย่ชิวหรงกดเสียงให้เบาลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “นั่นจะยังไง? แกจะต้องทะเลาะกับพ่อของแกขึ้นมาจริงๆถึงพอใจหรอ? ยิ่งแกทะเลาะกับเขา เขาก็ยิ่งลำเอียงไปทางฝั่งนั้น หลักเหตุผลนี้แกก็ยังไม่เข้าใจ?”
เผยอี้ได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เห็นเขานิ่งเงียบ อยู่ๆเย่ชิวหรงก็ประชิดเข้ามาใกล้ กระตุกเขาเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยชึ้นว่า “เธอมาที่นี่ทุกวัน ไม่ใช่ว่าเพื่อประจบสอพลอคุณท่านเผยหรอกหรอ? สิ่งที่แกควรจะทำไม่ใช่มาทะเลาะกับเธอที่นี่ แต่เร่งมือที่บริษัททางนั้น แม่ได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ที่บริษัทมีคนมาก่อกวน ยังลงไม้ลงมือทำให้เผยลี่เชินได้รับบาดเจ็บ?”
เผยอี้แปลกใจเล็กน้อย “แม่รู้ได้ยังไง?”
“แกอย่ามาสนใจว่าแม่รู้ได้ยังไง ตอนนี้ที่บริษัทยุ่งเหยิงไปหมด บวกกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นด้านนอกอีก หุ้นบริษัทต่างก็กำลังตกลง แกยังไม่ใช้โอกาสนี้แย่งชิงกับเผยลี่เชิน? รอบริษัทสงบลงแล้ว ยังจะมีใครฟังแกอยู่อีก?”
ไม่กี่ประโยคของเย่ชิวหรง พูดจนสายตาของเผยอี้ล้ำลึกขึ้นมา มีการคิดพิจารณาเอาไว้ในใจ
สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังขึ้นมาเล็กน้อยว่า “แม่ แม่พูดถูก ผมรู้แล้วว่าจะทำยังไง”
เดินออกจากโรงพยาบาล เผยอี้กำลังคิดที่จะขับรถออกไปจากที่นี่ ทันใดนั้นด้านข้างก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามา “คุณเผย”
เผยอี้หันศีรษะไป เห็นเป็นเวินซิวหวี ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณเวินอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันครับ?”
เวินซิวหวียิ้มขึ้นเล็กน้อย “เดิมทีคิดจะรอคนๆนึง เพียงแต่ไม่เจอเธอ เจอคุณแทน ก็ไม่ถือว่ารอฟรี”
เผยอี้ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็สับสนขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก เวินซิวหวีก็พูดต่อไปว่า “ไม่รู้ว่าคุณเผยจะพอมีเวลาพูดคุยกับผมหรือเปล่า? ผมทางนี้มีการซื้อขายอย่างนึง มีแต่ได้กำไรไม่มีขาดทุน ไม่รู้ว่าคุณจะสนใจไหม