ตอนที่ 429 เป้าหมายของเขาคือคุณ
ขึ้นมาบนรถ ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าแอบกวาดตามองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อย เห็นสีหน้าที่มืดมนของเขา ยังคงแฝงไปด้วยอารมณ์โกรธ เธอจึงเอ่ยปากถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ทำไมอยู่ๆคุณถึงมาที่นี่ได้คะ?”
เผยลี่เชินเหลือบสายตาขึ้นเล็กน้อย เอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “เหตุผลเดียวกันกับคุณ”
พูดจบ ริมฝีปากบางของเขาก็เม้มเข้าหากันแน่น ดูเหมือนจะไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
รู้ว่าชายหนุ่มยังมีความโกรธอยู่ในใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เอ่ยปากขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “เมื่อครู่นี้ที่คุณเห็น คืออุบัติเหตุ”
เมื่อครู่นี้เหตุผลที่เธอรับปากเวินซิวหวีว่าจะต่อยมวยกับเขา ที่จริงแล้วยังมีอีกเป้าหมายหนึ่ง นั่นก็คือเธออยากจะใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นสักหน่อย รวมไปถึงแผนการขยายตัวธุรกิจที่เมืองไห่เฉิงที่เขาได้วางแผนเอาไว้
แม้ว่าทั้งๆที่รู้ว่าคิดอยากจะล้วงเอาความลับออกมาจากปากของคนที่มีแผนการมากมายอยู่ในใจอย่างเวินซิวหวีนั้นสามารถพูดได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่ายาก แต่เธอก็ยังคงอยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวคราวที่มีประโยชน์มากกว่านี้อีกสักหน่อย มีเพียงเช่นนี้ เผยลี่เชินถึงจะไม่ตกอยู่เพียงแค่สถานะของผู้ถูกกระทำ
เธอรู้ดีว่า ต่อให้เธอไม่รับปากเวินซิวหวีว่าจะทำงานแทนเขา แผนการของเขาก็จะยังคงดำเนินการไปตามปกติ นี่เป็นสิ่งที่เธอกำหนดไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เธอสามารถกำหนดได้ก็คือ ทำความเข้าใจข่าวคราวมากขึ้นหน่อย พยายามช่วยเผยลี่เชินอย่างเต็มกำลังความสามารถ
เห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างไม่พูดอะไรออกมา ทันใดนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและจริงจังขึ้นมาหลายระดับว่า “คุณรู้ไหมคะว่าวันนี้ฉันพบเข้ากับเวินซิวหวีที่ไหน?”
สายตาของเผยลี่เชินอึมครึมลงเล็กน้อย ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ในที่สุดก็มีการตอบสนองกลับมาบ้าง
“หน้าประตูโรงพยาบาล” ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยออกมาทีละคำทีละประโยค “ฉันเยี่ยมคุณลุงเสร็จ พอออกมาก็ถูกเขาขวางมาถึงที่ด้านหน้าประตูแล้ว ฉันรู้ในทันทีว่า เขาจะต้องมีการตรวจสอบก่อนล่วงหน้าและรู้ทุกการกระทำการเคลื่อนไหวของพวกเราทุกคนดีอย่างแน่นอน”
“แล้วก็ วันนี้ตอนอยู่บนรถเขาพูดกับฉันว่า อยากจะให้ฉันทำงานแทนเขา ยังบ่งบอกถึงความตั้งใจของตนเองอย่างชัดเจน เขาบอกว่าเขาคิดอยากจะขยายตัวธุรกิจที่เมืองไห่เฉิง กำหนดเป้าหมายเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องกลายเป็นผู้นำทางด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการเงินแห่งเมืองไห่เฉิงภายในระยะเวลาสามปี”
ได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเช่นนี้ เผยลี่เชินก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันหน้าไปมองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “เขายังพูดว่าอะไรอีก?”
“เขาให้ฉันคิดใคร่ครวญดูให้ดีๆ ไม่ต้องรีบร้อนตอบ หลังจากนั้นพวกเราก็ไปพบกับเฉิงเผิงด้วยกัน เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง เขายอมรับทั้งหมด”
ได้ยินดังนั้น สายตาของเผยลี่เชินก็อึมครึมลงไปเล็กน้อย มือที่วางอยู่ด้านข้างก็กำเข้าหากันแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว
เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าเวินซิวหวีคนนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่า เขาถือชื่อเสียงของความเป็นผู้ใจบุญกลับมาที่เมืองไห่เฉิง แท้จริงแล้วภายใต้ใบหน้าที่แสร้งทำเหมือนว่าเป็นคนดีนั้นแอบซ่อนหัวใจที่ทะเยอทะยานดวงหนึ่งเอาไว้อยู่
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าการลองหยั่งเชิงแบบลอยๆที่เวินซิวหวีปฏิบัติต่อเขาและไป๋เสว่เอ๋อร์ในก่อนหน้านี้นั้น แท้จริงแล้วหมายความว่าอะไรกันแน่
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่จริงจังอย่างหาใดเปรียบ “คุณจะต้องเตรียมตัวให้ดี เป้าหมายของเขาก็คือคุณ”
เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ผมเข้าใจแล้ว”
เพิ่งจะพูดจบลง รถก็ขับมาถึงทางแยกที่อยู่ด้านหน้าพอดี ช่วงเวลาที่กำลังรอไฟเขียวไฟแดงอยู่นั้น อยู่ๆฉีเฟิงที่นั่งอยู่ทางแถวหน้าก็หันศีรษะกลับเข้ามาเอ่ยถาม “ประธานเผย จะไปดูที่โรงพยาบาลหน่อยไหมครับ?”
เผยลี่เชินหยุดชะงักเล็กน้อย “ไม่ไปแล้ว กลับบ้านเลย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย คิดว่าที่เขาบอกอาจจะไปโรงพยาบาลก็คงจะไปดูอาการของคุณท่านเผย ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่เอ่ยปากขึ้นมาว่า “วันนี้อาการของคุณลุงดีขึ้นมากเลยค่ะ กับข้าวที่ฉันนำไปท่านทานไปเยอะมากเลย…”
เพิ่งจะพูดจบลง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ชะงักไปชั่วขณะ อยู่ๆก็คิดขึ้นมาได้ว่ากล่องอาหารของตนเองถูกวางเอาไว้ในล็อกเกอร์ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สนามซ้อมมวย ยังมีเสื้อผ้าของเธอต่างก็วางเอาไว้ด้วยกัน เมื่อครู่นี้รีบร้อนออกมา ลืมไปจนสนิท
เธออดไม่ได้ที่จะพูดโพล่งออกมา “เสื้อผ้า…กับกล่องอาหารของฉันลืมเอาไว้ที่สนามซ้อมมวยค่ะ”
จากนั้น เธอก็เอ่ยพึมพำกับตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง “ดูเหมือนฉันยังจะต้องกลับไปอีกสักรอบ”
“ไม่ต้อง” เผยลี่เชินเอ่ยปากขึ้นอย่างเยือกเย็น “อีกสักครู่ผมจะให้ฉีเฟิงกลับไปช่วยคุณเอามา”
ได้ยินน้ำเสียงที่แข็งกระด้างไม่มีโทนขึ้นๆลงๆของชายหนุ่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สามารถเดาออกได้เลยว่าเขาคงยังกำลังโกรธอยู่
เธอแอบถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่หันหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก
แม้ว่าเธอกับเผยลี่เชินในตอนนี้จะเป็นความสัมพันธ์แบบคู่รัก ทว่านี่ก็เป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์แบบชั่วคราวที่อยู่ภายในข้อตกลงสามสิบวันก็เท่านั้น แต่เมื่อสักครู่นี้ในวินาทีที่ถูกเขาเข้าใจผิด เธอก็มีความคิดที่อยากจะอธิบายกับเขาให้ชัดเองออกมาโดยไม่รู้ตัว
ไม่ช้า รถก็มาจอดอยู่ที่ด้านหน้าประตูของคฤหาสน์หลังเล็กจงหลวี่ฉวน เผยลี่เชินผลักประตูลงจากรถ ก้าวขาเดินเข้าประตูใหญ่ไปในทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะลงมาจากรถ ปิดประตูลง จากนั้นก็มองไปยังฉีเฟิงเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “คุณผู้ช่วยพิเศษฉี ยังไงก็รบกวนคุณช่วยฉันไปที่นั่นสักรอบนะคะ”
“ไม่รบกวนครับ” ฉีเฟิงพยักหน้าส่งให้กับเธอเล็กน้อย กลับไม่ได้มีท่าทีว่าจะจากไป ในที่สุด เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมาว่า “คุณไป๋ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณสักเรื่อง บาดแผลที่อยู่บนแขนของท่านประธานเผยต้องการการจัดการที่เร่งด่วน เขาคนเดียวคงจะไม่ค่อยสะดวก…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดชะงักไปชั่วขณะ มองไปที่ฉีเฟิงด้วยความแปลกใจ “คุณ…พูดอะไรคะ?”
เผยลี่เชินได้รับบาดเจ็บ? เขาจะได้รับบาดเจ็บได้ยังไงกันล่ะ?
ฉีเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “วันนี้ที่บริษัทเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย แขนท่อนล่างของท่านประธานเผยได้รับบาดเจ็บ ตอนอยู่ที่บริษัทเพียงแค่พันเอาไว้แบบง่ายๆเท่านั้น ยังต้องรีบจัดการให้ทันเวลาครับ”
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบตัวเข้าหากันแน่น ตื่นตระหนกขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว เธอรีบหมุนตัว เดินเข้าประตูใหญ่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
พอเข้าไปข้างใน มองเห็นป้าจางกับห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ในห้องรับแขก ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ทันจะได้ทำการหยุดลงมากมายอะไร รีบเอ่ยปากถามออกมาว่า “ป้าจางคะ เผยลี่เชินไปที่ไหนแล้ว?”
ป้าจางเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “คุณผู้ชายขึ้นไปข้างบนแล้วค่ะ น่าจะกลับไปที่ห้องนอนแล้วล่ะมั้งคะ”
ได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่รีรอ ก้าวขารีบเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยความรวดเร็ว มุ่งตรงไปที่ห้องนอนภายในทันที
พอเปิดประตู เธอก็มองเห็นเผยลี่เชินนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้อง ด้านข้างมีกล่องยาวางเอาไว้ บนร่างกายของเขาสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาว แขนเสื้อข้างหนึ่งได้ม้วนขึ้นไป เขากำลังใช้มือข้างเดียวจัดการกับแผลสีแดงบนแขนท่อนล่างด้วยตัวของเขาเอง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึก ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รีบเดินไปที่ด้านหน้าของเขา เอ่ยถามย้อนกลับขึ้นมาว่า “ทำไมถึงไม่บอกฉัน?”
มองเห็นหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เผยลี่เชินก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ได้นั่งลงที่ด้านข้างของเขา ดึงข้อมือของเขาเข้าไปด้วยความระมัดระวัง มองดูบาดแผลบนแขนที่ทั้งบวมทั้งแดงพร้อมกับเอ่ยถาม “นี่เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นคะ?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “วันนี้มีคนสองคนปะปนเข้ามาในบริษัท บอกว่าเป็นพนักงานของบริษัทเผยซื่อของเรา ถูกปลดอย่างได้รับความไม่เป็นธรรม จึงเข้ามาก่อกวน มีคนนึงพุ่งมาหาผมหยิบไม้ถูพื้นที่อยู่ด้านข้างฟาดเข้ามา ผมใช้มือบังเอาไว้ ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร”
เห็นน้ำเสียงของชายหนุ่มราบเรียบเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ ราวกับอธิบายเรื่องธรรมดาอย่างง่ายๆเรื่องหนึ่งก็ไม่ปาน แต่ว่าพอมองไปที่บาดแผลที่บวมจนน่าตกใจบนแขนของเขาอีกที ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มีความรู้สึกขมขื่นเอ่อล้นออกมาอย่างมากมาย
เธอเข้าใจมาโดยตลอดว่าบนตำแหน่งที่เผยลี่เชินนั่งอยู่ในตอนนี้ ต่อให้ไม่สามารถทำทุกอย่างตามใจต้องการได้ แต่ก็สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ แต่ใครจะรู้ว่า เขาจะได้รับบาดเจ็บ และก็ไม่สามารถชี้ขาดหรือบงการเรื่องทุกอย่างได้เช่นเดียวกัน
เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย ยื่นมือออกไปหยิบผ้าพันแผลมาจากมือของชายหนุ่ม เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ฉันช่วยคุณทำแผลค่ะ”
เผยลี่เชินหยุดชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนลงเป็นอย่างมากโดยที่ไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบแอลกอฮอล์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ทำการฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างจริงจัง จากนั้นทายาที่สลายเลือดคั่งลดอาการบวม สุดท้ายใช้ผ้าพันแผลพันเข้าไปด้วยความเบามือ
เผยลี่เชินโน้มสายตาลง มองดูหญิงสาวที่ทำทุกอย่างนี้ด้วยความจริงจัง ก็มีความรู้สึกอบอุ่นเอ่อล้นออกมาภายในจิตใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำขั้นตอนสุดท้ายของการพันแผลเสร็จ ถึงได้วางผ้าพันแผลที่อยู่ในมือลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “เสร็จแล้วค่ะ”
เพิ่งจะพูดจบลง พอเธอเงยหน้า ก็ประสานเข้ากับดวงตาดำขลับที่ลึกล้ำคู่นั้นของชายหนุ่ม ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่แน่นอนว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณโกหกผม”