ตอนที่ 427 บุคคลอันตราย
เผชิญหน้ากับการลองหยั่งเชิงและการยั่วยวนแบบตั้งใจของชายหนุ่ม สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนแปลงไปไม่มากนัก เธอเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ เอ่ยออกมาอย่างสุภาพว่า “คุณเวิน หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วล่ะก็ ฉันขอตัวออกจากที่นี่ไปก่อนนะคะ จะได้ไม่เสียเวลาในการทำธุระของคุณ”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ เวินซิวหวีก็ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่ว่ามาหาหมอ แต่ตั้งใจมารอคุณไป๋โดยเฉพาะ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงคราวก่อน ผมยังติดค้างคำอธิบายให้กับคุณไป๋อยู่ไม่ใช่หรอครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ถึงได้เข้าใจเป้าหมายที่แท้จริงในการมาของเขา “คุณหมายถึงคนๆนั้นที่จับได้ในงานเลี้ยง?”
“ใช่ครับ” ในขณะที่เวินซิวหวีพูด ทันใดนั้นก็หันข้าง ทำสัญลักษณ์มือที่แสดงถึงการเชิญ “งั้นก็เชิญคุณไป๋ไปกับผมสักหน่อยแล้วกันนะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้มีความคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เธอรู้ดีว่า ในเมื่อเวินซิวหวีสามารถมาหาเธอถึงที่นี่ได้ ก็ต้องทำให้เธอไปให้ได้เป็นธรรมดา แทนที่จะทำการขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ สู้ตอบรับไปเลยยังจะดีกว่า
หลังจากที่ในใจลองเทียบประโยชน์และโทษดูแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับพยักหน้าเบาๆพลางเอ่ย “ค่ะ งั้นก็ขอรบกวนคุณเวินด้วย”
หลังจากที่พบกับเวินซิวหวีครั้งแรกในงานเลี้ยงคราวก่อน เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์อะไร เขาลองหยั่งเชิงอยู่หลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะในที่ลับหรือในที่แจ้ง ล้วนกำลังแอบคิดวางแผนอะไรอยู่
ขึ้นมาบนรถหรูที่เสริมความยาวเป็นพิเศษ ไป๋เสว่เอ๋อร์นำกล่องอาหารที่อยู่ในมือวางลงบนจุดกึ่งกลางของที่นั่งด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ คั่นการใกล้ชิดระหว่างเธอกับเวินซิวหวีเอาไว้อย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
เวินซิวหวียิ้มขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่สั่งให้คนรับรถออกเดินทาง
จนกระทั่งหลังจากที่คนขับรถเข้ามาบนเส้นทาง ขับผ่านถนนหลายสายแล้ว เขาถึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อนว่า “ช่วงนี้คุณไป๋ได้ยินข่าวคราวของจินจิงจิงบ้างไหมครับ?”
ได้ยินชื่อที่คุ้นเคยนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ไม่ค่อยทราบค่ะ”
“แต่ผมได้ยินมาว่า เพื่อที่จะหลบซ่อนตัว ตอนนี้เธอได้หนีไปยังต่างประเทศแล้ว เรื่องนี้สำหรับคุณไป๋ คงจะเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะมั้งครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็หันหน้ามาอย่างกะทันหัน จ้องไปที่ดวงตาของเขาพร้อมเอ่ยถามย้อนกลับด้วยท่าทีที่จริงจังว่า “คุณเวินดูเหมือนจะสนใจกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากเลยนะคะ?”
เขาหัวเราะเล็กน้อย และยังไม่ได้หลบสายตา “ผมเพียงแค่สนใจคุณ”
เห็นชายหนุ่มพูดโพร่งประโยคนี้ออกมา หากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น เกรงว่าคงจะคิดเชื่อมโยงไปต่างๆนาๆเพราะคำพูดที่คลุมเครือไม่ชัดเจนประโยคนี้แล้ว แต่เธอเข้าใจดีว่า คนบางคนชอบที่จะโจมตีคนก็ต้องโจมตีที่ใจอ่อนมากที่สุด ยังเลือกที่จะลงมือกับผู้หญิงโดยเฉพาะ
แต่เธอติดตามอยู่ที่ข้างกายของเผยลี่เชิน ฝึกฝนจนไม่ตกหลุมพรางนี้มาตั้งนานแล้ว
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างมีมารยาท เอ่ยปากขึ้นอย่างนิ่งสงบว่า “คุณเวินล้อเล่นเก่งจริงๆนะคะ คุณมีความคิดเห็นอะไรพูดอธิบายให้ชัดเจนมาตรงๆก็พอค่ะ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“ผมพูดจริงๆ คุณไป๋เป็นคนฉลาด คงจะเข้าใจการพิจารณาลักษณะจำเพาะของสถานการณ์และการประเมินการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ดี บางครั้งน่ะนะ เลือกผู้ที่แข็งแกร่ง ก็จะตัดปัญหาที่ไม่จำเป็นออกไปได้อย่างมากมาย” เวินซิวหวียิ้มขึ้นเบาๆ สายตาอึมครึมลงไปเล็กน้อยอย่างกะทันหัน “ผมได้ยินมาว่าคุณไป๋เคยดำรงตำแหน่งเลขาที่เผยซื่อ เอกสารข้อมูลการทำงานในตอนนี้แขวนอยู่ที่บริษัทแปลเอกสารแห่งหนึ่งที่เมืองเซียงหนาน หากคุณมีความสนใจล่ะก็ สู้มาทำงานให้ผมยังจะดีกว่า ราคาตามที่คุณเสนอ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อึมครึมลงไปเล็กน้อยอย่างกะทันหัน คิดไม่ถึงว่าเวินซิวหวีคนนี้จะสืบหาเบื้องหลังของเธอมาอย่างชัดเจนแล้ว เป็นบุคคลที่อันตรายคนหนึ่งอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
เรื่องมาถึงตอนนี้ เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะพูดอ้อมค้อม อมพะนำกับเขาอีกต่อไป เอ่ยถามขึ้นอย่างเปิดอกไปตรงๆเลยว่า “คุณคิดที่จะทำอะไรกันแน่?”
เห็นหญิงสาวเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างกะทันหัน เวินซิวหวีก็ยิ้มออกมาโดยที่ไม่โกรธ กลับยังเอ่ยขึ้นอย่างสัตย์จริงว่า “ผมเพียงแค่คิดว่าคุณไป๋เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง และผมก็วางแผนที่จะขยายตัวธุรกิจที่เมืองไห่เฉิง เป้าหมายอนาคตสามปีข้างหน้า กลายเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำทางด้านอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงการเงินของเมืองไห่เฉิง อาศัยทรัพยากรที่มีอยู่ในมือของผมในตอนนี้คิดอยากจะทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงนั้นไม่ยาก เพียงแต่สิ่งที่ผมขาดก็คือ บุคลากรที่มีความสามารถ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว นี่เธอถึงค่อยๆเดาแผนการบางส่วนของเขาออก ที่แท้เขาคิดที่จะขยายตัวธุรกิจที่เมืองไห่เฉิง และกลายเป็นอุตสาหกรรมชั้นนำทางด้านการเงินรวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไห่เฉิง อุปสรรคใหญ่สุดที่เห็นอยู่ข้างหน้าก็คือเผยซื่อ!
ทำความเข้าใจทุกอย่างนี้ด้วยความรวดเร็ว เธอหันหน้าไปมองเวินซิวหวี แทบจะเข้าใจความหมายของเขาขึ้นมาในทันที
ยังไม่ทันรอให้เธอได้พูดอะไรออกมา อยู่ๆรถก็จอดลงอย่างกะทันหัน
เวินซิวหวีส่งยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย “คุณไป๋ไม่ต้องรีบร้อนตอบคำถามผม คิดใคร่ครวญให้ดีๆ ผมให้เวลากับคุณ”
พูดจบ เขาก็ผลักประตูเดินลงจากรถไป เอ่ยปากเตือนขึ้นว่า “ถึงแล้วครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา หันศีรษะมองออกไปยังนอกหน้าต่าง มองเห็นสนามซ้อมมวยที่อยู่ด้านข้าง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ
เธอผลักประตูเดินลงจากรถ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวขาเดินตามเข้าไป
เดินตามเวินซิวหวีเข้าไปด้านในของสนามซ้อมมวย ไม่ช้าก็มีผู้ชายที่รูปร่างกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัดคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ “คุณเวิน มาแล้วหรอครับ”
เวินซิวหวีพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าจริงจัง “เขาล่ะ?”
“ห้องด้านในสุดครับ ผมพาคุณเข้าไป”
พวกเขาเดินตามคนๆนั้นทะลุห้องโถงใหญ่ ผ่านคนที่กำลังฝึกซ้อมมวยกันอยู่ จนกระทั่งมาถึงห้องพักผ่อนพนักงาน เดินเข้าไปอีกหน่อย ดูเหมือนจะเป็นห้องเก็บของ
เดินมาจนถึงด้านหน้าของประตูห้องที่อยู่ด้านในสุด คนๆนั้นนำกุญแจออกมาเปิดประตู พอประตูถูกเปิดออก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นผู้ชายที่ถูกมัดเอาไว้อยู่ด้านในนั้น ใบหน้าเขียวช้ำ ทั้งตัวดูบวมไปกว่าปกติ เห็นได้ชัดว่าถูกคนต่อย
ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เวินซิวหวีที่อยู่ด้านข้างก็ส่งยิ้มให้กับเธอ “ไม่ต้องกลัวครับ คนแบบนี้ ไม่สั่งสอนสักหน่อยก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง”
เขาพูดจบ ก็ก้าวขาเดินเข้าไป จ้องไปยังผู้ชายที่คอพับตกลง เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เฉิงเผิง พูดออกมาสิ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง ที่แท้ใครเป็นคนสั่งให้แกทำกันแน่?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตู ไม่ได้เดินเข้าไปข้างในอีก เพียงแต่จ้องไปที่ผู้ชายคนนั้น กลั้นหายใจรอฟังคำตอบจากเขา
เฉิงเผิงมีการตอบสนองขึ้นมาเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยปากอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ก็คือ…ดาราหญิงคนนั้น จินจิงจิง…”
“เธอสั่งให้แกทำอะไรบ้าง?”
“เธอ…ให้ผมจับตัวคุณไป๋ พาเธอไปยังห้องรับรองพิเศษที่อยู่บนชั้นสอง…เธอเตรียมคนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อยากจะทำให้คุณไป๋ชื่อเสียงป่นปี้…”
“งั้นเหล้าที่ถูกใส่ยาลงไป เบรกเกอร์ไฟฟ้าหลักที่ถูกตัดลงอย่างกะทันหัน ทั้งหมดนี้ใครเป็นคนทำ?”
“เป็นผมที่ทำเช่นเดียวกันครับ…ทั้งหมดนี้คุณจินจิงจิงเป็นคนสั่งให้ผมทำ”
เวินซิวหวีถามทีละประโยค เฉิงเผิงก็ตอบทีละประโยค เรื่องมาถึงตอนนี้ สิ่งเหล่านั้นที่แต่เดิมไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ได้เดาออกตอนนี้ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องจริงปรากฏอยู่ต่อหน้าของเธอ
เวินซิวหวีหันหน้ามองมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ เอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า “เขายอมรับทั้งหมดแล้ว คุณไป๋ คุณคิดที่จะจัดการยังไงครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ดีว่า ช่วงนี้บนเว็บไซต์ข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดสดของจินจิงจิงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ถึงขั้นมีข้อคิดเห็นบางอย่างพาดพิงมาถึงเธอ ตอนนี้เฉิงเผิงได้ยอมรับทั้งหมดแล้ว จินจิงจิงก็ไม่รู้ว่าหายไปที่ไหนอีก ประกาศความจริงออกไป สำหรับเธอแล้วก็คือการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด แต่ว่าเธอกลับไม่อยากจะทำเช่นนี้
“นำเขาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเถอะค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยออกมาประโยคนึงอย่างราบเรียบ หมุนตัวเตรียมคิดที่จะเดินออกไป
เวินซิวหวีรีบเดินตามออกไปโดยไม่รีรอ “ครับ ผมจะให้พวกเขาประกาศความจริงออกไปให้ทุกคนได้รับทราบ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยปากออกมาว่า “ไม่จำเป็นค่ะ จัดการโดยส่วนตัวก็พอแล้ว”
เวินซิวหวีก้าวขาเดินขึ้นไปข้างหน้า ขวางทางของเธอเอาไว้ในทันที “ทำไมถึงไม่จำเป็น? คุณอยากจะถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่ชัดเจนเช่นนี้ต่อไปหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักลง ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีไปชั่วขณะ
เธอก็ไม่อยากจะถูกคนใส่ร้ายป้ายสีครั้งแล้วครั้งเล่า และก็ไม่อยากให้คนอื่นลอบกัดตนเองลับหลังเช่นเดียวกัน แต่เธอยิ่งไม่อยากถูกดึงกลับเข้าไปในหัวข้อนี้ใหม่อีกครั้ง และก็ไม่อยากจะเสวยสุขกับประเด็นร้อนที่กล่าวถึงเหล่านั้นอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าจ้องไปที่เวินซิวหวี เอ่ยออกมาทีละคำทีละประโยคว่า “ก็ไม่ใช่ว่าความบริสุทธิ์และความไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งหมดจะต้องการการพิสูจน์ต่อหน้าของทุกคนค่ะ”