ตอนที่ 438 มือที่อยู่เบื้องหลัง
กู้หลี่เหลียงเห็นเจียงหวั่นหวั่นหน้าแดงก่ำ ยกมุมปากด้วยความสนใจ “ฉันไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระนะ”
เจียงหวั่นหวั่นได้ยินยิ่งทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวมากขึ้น เธอรีบก้าวเท้าเดินไปด้วยความว่องไว
ทันใดนั้นข้อมือของเธอถูกคนดึงไว้ ยังไม่ทันได้โต้ตอบกลับก็ถูกใครบางคนดึงเข้าไปในประตูกระจกที่มีคนน้อย
เจียงหวั่นหวั่นทั้งโกรธทั้งรำคาญ “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”
กู้หลี่เหลียงสีหน้าเปลี่ยนมาเป็นจริงจัง ก้าวเท้าไปข้างหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น จ้องมองเธอในระยะประชันชิดด้วยสายตาที่ลึกซึ้งในทันที “เจียงหวั่นหวั่น เธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าฉันอยากทำอะไร?”
เจียงหวั่นหวั่นจิตใจอ่อนไหวเมื่อถูกชายหนุ่มจ้องมอง ใบหน้าร้อนผ่าวจนศีรษะแทบลุกเป็นไฟ “ฉัน…ฉันจะรู้ได้อย่างไร?”
“ได้ งั้นฉันจะบอกเธอให้”
กู้หลี่เหลียงพูดไปพร้อมกับกำมือโดยไม่รู้ตัว มองดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมกับริมฝีปากสีชมพูที่อวบอิ่มจนทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอ
สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้หลังของเขารู้สึกชา ยังไม่ทันได้ลิ้มรสอย่างเต็มอิ่ม เจียงหวั่นหวั่นยกมือขึ้นผลักตัวเขาออกไป
วินาทีต่อมา เธอยกมือขึ้นโดยไม่ลังเล ตบกู้หลี่เหลียงเข้าไปหนึ่งที
“ผ๊ะ!” เสียงดังจนทำให้คนที่อยู่ข้างๆ ต้องหันมามองด้านนั้น
“ไอ้คนบ้า!” เจียงหวั่นหวั่นทั้งโกรธทั้งโมโหจนน้ำตาเกือบไหลออกมา เธอวิ่งหนีไปด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
เจียงหวั่นหวั่นรีบวิ่งไปที่ลิฟต์เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้ว หัวใจของเธอเต้นแรงไม่หยุด ริมฝีปากที่ได้รับสัมผัสเมื่อสักครู่ยังคงร้อนผ่าว
เธอกำหมัดด้วยความขุ่นเคือง กู้หลี่เหลียง…ทำไมถึงทำกับเธอแบบนี้! แต่ดูเหมือนในหัวใจกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะเดียวกันที่บริเวณประตูโรงพยาบาล ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่ในรถมองซ้ายแลขวารอเจียงหวั่นหวั่นจนรอไม่ไหว ขณะที่เธอกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออกจากนั้นก็มีคนขึ้นมานั่ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง เมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอคือเผยลี่เชิน สีหน้าของเธอเศร้าหมองลงทันที “คุณมาทำอะไร?”
หลังจากที่เสี่ยวเจ๋อฟื้นเธออุ้มเขามาขึ้นรถแต่ดีที่กล่อมให้เขาหลับไป คิดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินก็มาโดยกะทันหัน
เผยลี่เชินกวาดตามองเสี่ยวเจ๋อที่กำลังหลับอยู่ นิ่งไปสักครู่ ยื่นมือออกมาดึงไป๋เสว่เอ๋อร์ไว้ “ลงรถ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเสียงเข้ม “ฉันไม่ลง ปล่อยฉัน”
เผยลี่เชินไม่มีทางเลือกนอกจากจะพูดเรื่องฆาตกร “เธอไม่อยากรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพ่อของเธอหรือไง?”
แน่นอนว่าไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปหลังจากลังเลสักครู่ก็ก้าวเท้าลงจากรถ
หลังจากปิดประตูไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปที่ด้านข้างอย่างตั้งใจแล้วพูดด้วยเสียงเย็น “คุณอยากพูดอะไร ทำไมพ่อของฉันถึงตาย คุณรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนใช่ไหม?”
เผยลี่เชินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องการตายของคุณลุงไป๋ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักนิด”
“ไม่เกี่ยวข้องกันเลย?” ไป๋เสว่เอ๋อร์จิตใจหม่นหมอง ปรากฏความขมขื่นภายในใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองสายตาของเขา ถามกลับว่า “เผยลี่เชิน คุณเคยถามใช่ไหมว่าทำไมพวกเราถึงกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้? ตอนนี้ฉันจะบอกคุณ เพราะระหว่างเรามีสิ่งขวางกั้น! คุณคิดว่าคุณโกหกฉันมาหกปี ฉันจะไม่รู้อะไรบ้างเลยใช่ไหม!”
สายตาของเผยลี่เชินเศร้าหมอง เขาขมวดคิ้วเข้ม ไม่พูดอะไรออกมาสักพัก
ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดมาไม่ผิด เรื่องเกี่ยวกับไป๋เจิ้งตงเขาปิดบังเธอมาตลอดหกปี
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาพูดด้วยริมฝีปากสั่นเทา “ฉันยอมรับว่าฉันปิดบังเธอมาตลอดหกปี เพราะเธอไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้มันซับซ้อนขนาดไหน ฉันไม่อยากทำร้ายพ่อตาในอนาคต เธอต้องเชื่อฉันนะ”
ขณะที่เขาพูดก็ยื่นมือกุมมือเธอไว้แน่น
ไป๋เสว่เอ๋อร์สะบัดมือเขาออกโดยไม่ลังเล ถามด้วยความเย้ยหยัน “ไม่จำเป็นงั้นเหรอ? แล้ทำไมคุณต้องลงมือทำร้ายตระกูลไป๋ด้วย คุณกล้าพูดไหมว่าเรื่องที่ตระกูลไป๋ล้มละลายไม่เกี่ยวข้องกับคุณ?”
เธอรู้จากลู่เหยานานแล้วตอนที่ตระกูลไป๋ล้มละลาย แม้ว่าต่อหน้าจะเป็นเพราะพ่อถูกเย่ซิวหรงใส่ความ แต่ในความเป็นจริงเผยลี่เชินเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังคนหนึ่ง
ถ้าไม่มีเขาร่วมผสมโรงในที่ลับ ขณะเดียวกันยังเกลี้ยกล่อมให้เธอประกาศล้มละลาย ตระกูลไป๋ก็คงไม่ล่มสลายง่ายๆ แบบนี้
ความทรงจำในอดีตนั้นเหมือนสายน้ำ ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก มองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธภายในใจที่เพิ่มมากขึ้น
เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงลึก “ไป๋เสว่เอ๋อร์ มีสองเรื่องที่เธออยากรู้ ฉันสามารถบอกเธอได้ แต่เรื่องเกี่ยวกับพ่อของเธอ มันซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก”
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พูดสองสามคำก็จะรู้เรื่องได้อย่างชัดเจน แต่เขาเองรู้แน่ชัดว่าการบอกความจริงกับเธอ มันสิ่งที่โหดร้ายรับได้ยากสำหรับเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดวงตาชายหนุ่ม ทันใดนั้นเกิดความลังเลจึงขยับริมฝีปาก ยังไม่พูดอะไรก็ได้ยินที่เขาพูด “ถ้าเธอแน่ใจ กลับไปที่คฤหาสน์กับฉันก่อน ฉันจะค่อยๆ เล่าให้เธอฟัง สถานที่นี้ไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องแบบนี้ อีกอย่างเสี่ยวเจ๋อต้องการพักผ่อนด้วย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น ขณะนั้นไม่รู้ว่าควรตอบเขาอย่างไรดี เธอหายใจลึกกัดริมฝีปาก กำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาในทันที “เสว่เอ๋อร์!”
เมื่อหันไปตามเสียง เธอเห็นเจียงหวั่นหวั่นรีบเดินมาทางด้านนี้
“รอนานไหม ฉันมีเรื่องนิดหน่อยเลยทำให้มาช้า” เจียวหวั่นหวั่นพูดเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว รีบกวาดตามองเผยลี่เชินยังไม่พูดอะไรและเปิดประตูขึ้นรถไป
เผยลี่เชินยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองรถที่ขับออกไปด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง หันกลับมาเห็นกู้หลี่เหลียงที่เดินเข้ามา เขาขมวดคิ้วมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง
กู้หลี่เหลียงเดินเข้ามาถามว่า “เป็นไงบ้าง?”
เผยลี่เชินขี้เกียจจะสนใจเขา ก้าวเท้ายาวเดินไปอีกทางด้านหนึ่ง
กู้หลี่เหลียงรีบเดินตามเขาไป ดึงเผยลี่เชินไว้ “เหล่าเผย นายมันไม่เห็นใจคน ฉันต้องถูกผู้หญิงตบก็เพราะเข้าไปขวางเจียงหวั่นหวั่น!”
ขณะพูดเขาจงใจยกคางขึ้นให้เผยลี่เชินดู
เผยลี่เชินชำเลืองมองและเห็นรอยตบประทับอยู่บนใบหน้าเขาจริงๆ จากนั้นพูดว่า “นายช่วยฉันสืบหน่อยว่าจินจิงจิงตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“จินจิงจิง?” กู้หลี่เหลียงทำหน้าประหลาดใจ “เธอไม่ได้หนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือ?”
เผยลี่เชินสีหน้าเคร่งขรึม “กลับมาแล้ว วันนี้เสี่ยวเจ๋อเกือบจะเกิดเรื่อง ก็เพราะเธอเป็นคนทำ”
กู้หลี่เหลียงสีหน้าท่าทางจริงจังเมื่อได้ยิน “ได้ ฉันจะไปสั่งกำชับพวกพี่น้องของฉัน ถ้าสืบได้ความว่าไง ฉันจะจับตัวเธอมาให้”
“อืม”
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเผยลี่เชินดังขึ้น เขาจึงรับโทรศัพท์ “มีเรื่องอะไร?”
“ประธานเผย ที่บริษัทเกิดเรื่องแล้วครับ เพราะเรื่องการประชุมในวันนี้พวกผู้ถือหุ้นต่างไม่พอใจ มีหลายคนต่างหาเหตุผลไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่ตอนแรกกำหนดไว้วันมะรืน”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้มเมื่อได้ยิน จากนั้นพูดด้วยเสียงเย็นชา “ติดต่อพวกเขาแล้วใช่ไหม?”
“ติดต่อหมดแล้วครับ แต่ไม่รับสาย ดูเหมือนจะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว”
เขาเข้าใจในทันทีว่าขณะนี้สาธารณชนทั้งหลายต่างรู้สึกถึงความวุ่นวายในเผยซื่อ อีกทั้งช่วงนี้เขาจัดการกับเรื่องนี้ เรื่องภายในบริษัทเลยไม่ได้จัดการ ยังมีที่เขาออกจากห้องประชุมกะทันหัน เดิมทีพวกผู้ถือหุ้นที่คิดคดล้วนแต่ไม่ซื่อสัตย์ นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสมรู้ร่วมคิดกันจงใจทำให้เขาอับอาย
เผยลี่เชินมองดูนาฬิกาข้อมือ พูดด้วยน้ำเสียงลึก “ปล่อยให้พวกเขาส่งข้อความไป ใช้ชื่อของฉันนัดพวกเขาออกไปกินข้าว”
ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจแค่ไหน ตอนนี้เขาก็คือเจ้านายของพวกเขา เขาไม่เชื่อว่า พวกเขาวางแผนทำกับเขาแบบนี้!