ตอนที่ 437 ยิ่งนานเท่าไรยิ่งดี
อีกด้านของโทรศัพท์ กู้หลี่เหลี่ยงหาวอย่างเกียจคร้านฟังเสียงที่ดุดันของเผยลี่เชิน รีบพูดอย่างจริงจัง “ใคร? ไป๋เจิ้งตง?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปทางห้องวอร์ด รู้สึกไม่สบายใจ “อืม ดูเหมือนไป๋เสว่เอ๋อร์จะรู้เรื่องอะไรเข้าแล้ว”
เขารู้จักนิสัยของไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นอย่างดี ถ้าหากเธอรู้เรื่องการตายของไป๋เจิ้งตงเมื่อหกปีก่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว อีกทั้งเขายังปิดบังเธออีก เกรงว่าไป๋เสว่เอ๋อร์คงจะไม่ยอมยกโทษให้เขาง่ายๆ แน่
แต่เมื่อสักครู่ได้ฟังความหมายที่เธอพูด ดูเหมือนเธอจะมั่นใจว่าเขาเป็นคนฆ่าไป๋เจิ้งตง นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เสียงของกู้หลี่เหลียงดังมาจากในโทรศัพท์ “เรื่องเมื่อหกปีก่อน…ฉันจำได้ว่าจัดการเรียบร้อยหมดจดดีแล้วนะ แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหล่าเผย? ไม่ใช่ว่านายไปเผยพิรุธเข้าล่ะ?”
เผยลี่เชินหายใจลึก พูดด้วยเสียงเข้ม “ให้คนของนายไปสืบมา ส่วนนายก็รีบมาที่โรงพยาบาลจูงซินด่วน ฉันมีเรื่องอยากรบกวนนาย”
“ฉันส่งพี่ชายที่เป็นลูกน้องไปแทนได้ไหม? เมื่อคืนฉันอยู่ที่นี่ทั้งคืนยังไม่ได้นอน…”
“อีกเดี๋ยวเจียงหวั่นหวั่นก็จะมาแล้ว ถ้านายไม่มาก็ช่างเถอะ”
ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ เผยลี่เชินวางสายโทรศัพท์โดยไม่ลังเล
เมื่อสักครู่ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะโทรศัพท์ ก็ควรจะโทรศัพท์หาเจียงหวั่นหวั่น ถ้าตอนนี้เธอคิดจะจากไปอย่างแน่นอน เธอก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ถ้าเขาเดาไม่ผิด รออีกสักครู่เจียงหวั่นหวั่นต้องมาแน่
เรื่องมาถึงขนาดนี้ เขาไม่อาจมองดูเธอพาเสี่ยวเจ๋อจากไปโดยไม่ทำอะไร ในเมื่อห้ามไม่ได้ เขาจำใจให้กู้หลี่เหลียงมาที่นี่เพื่อช่วยเขาถ่วงเวลาไว้ ให้โอกาสเขาได้อธิบาย
“เสี่ยวเจ๋อ ลูกเป็นอย่างไงบ้าง?”
เผยลี่เชินได้ยินเสียงไป๋เสว่เอ๋อร์จากประตูวอร์ดห้องข้างๆ เขาก้าวเดินไปด้วยความตื่นเต้นพยายามผลักประตูเข้าไป แต่ประตูล็อก เขาจึงเปิดประตูไม่ได้
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เดินไปอย่างเงียบๆ เพื่อรอคอย
เขาไม่เคยรู้สึกวิตกกังวลห่วงใยใครแบบนี้มาก่อน ตอนนี้มีไป๋เสว่เอ๋อร์ มีเสี่ยวเจ๋อ เขาถึงได้รู้ซึ้งความหมายของคำว่าคนในครอบครัวว่าหมายความว่าอย่างไร
ไม่ถึงยี่สิบนาที เผยลี่เชินซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องวอร์ดก็มองเห็นกู้หลี่เหลียงเดินก้าวมาทางนี้ เขาผมยุ่งเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่มีเวลาหวีผมให้เรียบร้อยก็ต้องออกมาก่อน
กู้หลี่เหลียงกวาดตามองไปรอบๆ เห็นประตูห้องวอร์ดปิดสนิท หัวเราะด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น “นายถูกล็อกให้อยู่ด้านนอก ไม่ให้เข้าไป? เหล่าเผย นายมัน….”
เผยลี่เชินมองด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งไม่รอให้กู้หลี่เหลียงพูดจาไร้สาระ นิ่งไปเพื่อให้เขาหุบปาก
กู้หลี่เหลียงมองไปรอบๆ อีกครั้ง แล้วถามขึ้นอย่างกะทันหัน “คนอ่ะ?”
เผยลี่เชินถามด้วยสีหน้าเย็นชา “ใคร?”
“นายพูดว่าเธอจะมา……”
กู้หลี่เหลียงกำลังพูด เผยลี่เชินยังไม่ทันได้ตอบ เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดินข้างๆ ด้วยความรีบร้อน เจียงหวั่นหวั่นรีบเดินเข้ามาทางนี้ เห็นเผยลี่เชินกับกู้หลี่เหลียงยืนอยู่หน้าประตู อดตะลึงไม่ได้
กู้หลี่เหลียงเลิกคิ้วก้าวเท้าเข้ามาขวางไว้ที่หน้าประตู “คนโง่ เธอมาที่นี่ทำไม?”
“ใครคนโง่? ระวังคำพูดด้วยนะกู้หลี่เหลียง” สีหน้าเจียงหวั่นหวั่นเย็นชา โต้กลับทันควัน
กู้หลี่เหลียงกำลังจะพูดต่อ เผยลี่เชินซึ่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นก่อน “นายปล่อยเธอไป ให้เธอเข้าไปข้างใน”
“เฮ้..เหล่าเผย นาย….” กู้หลี่เหลียงพูดได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เห็นสีหน้าของเผยลี่เชินไม่ค่อยดีจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก เดินไปอยู่ข้างๆ ปล่อยให้เธอเข้าไป
เจียงหวั่นหวั่นจ้องมองเขาครั้งหนึ่ง กำลังจะเคาะประตู ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก ปรากฏร่างของไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่หน้าประตู
“หวั่นหวั่น เข้ามาเถอะ”
เจียงหวั่นหวั่นรีบเดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคำถาม “เสว่เอ๋อร์ เสี่ยวเจ๋อเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ปั้ง!”
เสียงปิดประตูดังขึ้น ดังไปถึงห้องข้างๆ
กู้หลี่เหลียงขมวดคิ้ว เงยหน้ามองเผยลี่เชิน ลดเสียงถาม “เหล่าเผย นายเรียกฉันมาที่นี่คงจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ บอกมา อยากให้ฉันทำอะไร?”
เผยลี่เชินเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา ลดเสียงพูดลงมา “ไป๋เสว่เอ๋อร์คงรู้แล้วอะไรบางอย่าง ตอนนี้เธออยากจะไปจากเมืองไห่เฉิง ฉันอยากหาโอกาสพูดเพื่ออธิบายให้เธอฟัง ฉันอยากให้นายคิดหาวิธีถ่วงเวลาเจียงหวั่นหวั่น ที่เหลือฉันจัดการเอง”
สีหน้าของกู้หลี่เหลียงจริงจังมากเมื่อได้ยิน เขาพยักหน้า พูดด้วยเสียงเข้ม “ได้ ให้ฉันจัดการเอง”
ผ่านไปสิบนาที ประตูห้องวอร์ดเปิดออก เจียงหวั่นหวั่นรีบเดินออกมาจากนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์อุ้มห้าวเจ๋อน้อยออกมาจากห้องวอร์ด
“เสว่เอ๋อร์ ฉันให้กุญแจรถเธอไว้ รถฉันจอดอยู่ตรงประตู เดี๋ยวฉันไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล เธอพาเสี่ยวเจ๋อไปรอฉันในรถนะ”
เจียงหวั่นหวั่นกำชับเสร็จแล้วก็เงยหน้ามองด้านนอกห้องวอร์ด กวาดตามองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใคร เผยลี่เชินกับกู้หลี่เหลียงก็ไม่เห็น
เธอเบ้ปากหันกลับไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมพูดว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าพวกเขาต้องไปแล้วแน่ๆ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองออกไปด้านนอกไม่มีใคร พูดเสียงเบา “พวกเราไปกันเถอะ เธอไปจัดการเรื่องโรงพยาบาลฉันลงไปข้างล่างก่อน”
เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้ารับปาก “โอเค”
ทั้งสองคนแยกกันตรงบริเวณทางเข้าลิฟต์ ไม่มีใครสังเกตเห็นบริเวณมุมที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ที่มีเงาที่คุ้นเคยยืนอยู่สองคน
เผยลี่เชินเงยคางขึ้น ส่งสัญญาณให้กู้หลี่เหลียง “เจียงหวั่นหวั่นฉันยกให้นาย ถ่วงเวลาเธอให้นาน ยิ่งนานเท่าไรยิ่งดี”
“ฉันรับผิดชอบเอง!”
กู้หลี่เหลียงยกคิ้วปรากฎรอยยิ้มในดวงตาของเขา จากนั้นก้าวเท้าเดินตามเจียงหวั่นหวั่น
เผยลี่เชินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นพวกเขาเดินไปไกลแล้วถึงได้เดินมาที่ลิฟต์กดลิฟต์รอ
ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะไม่ให้ไป๋เสว่เอ๋อร์จากเขาไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม!
เจียงหวั่นหวั่นยืนตรงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล เข้าคิวอยู่นานกว่าจะถึงคิวของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีร่างสูงดันเข้ามาที่เธอจนถึงตรงหน้าเธอ
เจียงหวั่นหวั่นตะลึง สายตาหยุดนิ่ง เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใครถึงกับนิ่งไปสักครู่ “กู้หลี่เหลียง คุณไม่สบายหรือเปล่า?”
เธอโกรธมากถึงขนาดผลักออกไป เอาเอกสารทั้งหมดส่งให้กับพนักงาน “สวัสดีค่ะ ฉันจะทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคะ”
กู้หลี่เหลียงยืนอยู่ด้านข้าง ไม่รู้สึกโกรธสักนิด หรี่ตามองเธอด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับคำถาม “เสร็จแล้วพวกเราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม? ฉันรู้จักร้านอาหารสิงคโปร์ที่เพิ่งเปิดใหม่ รสชาติไม่เลว ไปไหม?”
สีหน้าเจียงหวั่นหวั่นดูจริงจัง เหมือนไม่ได้ยินอะไรสักนิด ไม่ตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น
กู้หลี่เหลียงเห็นตัวเองถูกทอดทิ้งจึงกวาดตามองพนักงานที่กำลังดำเนินการให้ เขายกมุมปากถามด้วยรอยยิ้ม “คุณผู้หญิง คุณคิดว่าผมกับแฟนผมเหมาะสมกันไหม?”
พนักงานกวาดตามองพวกเขาทั้งคู่หลังจากที่ได้ยินพร้อมด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าเจียงหวั่นหวั่นนิ่งไป รีบพูดโต้ตอบทันที “ใครแฟนคุณ อย่ามามั่ว! ถอยไป!”
เธอยื่นมือออกเพื่อผลักกู้หลี่เหลียงให้ถอยห่างออกไป แต่หลายครั้งที่กู้หลี่เหลียงยื่นมือออกไปเพื่อกุมมือของเจียงหวั่นหวั่น แล้วพูดในทำนองตัดพ้อต่อว่า “หวั่นหวั่น อย่าโกรธเลยนะ ฉันผิดไปแล้ว จากนี้ไปฉันจะไม่ทิ้งเธออีกแล้ว”
เจียงหวั่นหวั่นได้ฟังแล้วรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว เธอรีบดึงมือออกจากมือของฝ่ายชาย รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
พนักงานดำเนินงานเสร็จเรียบร้อย นำเอกสารทั้งหมดส่งคืนให้กับเจียงหวั่นหวั่น พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณเหมาะสมกันมาก”
เจียงหวั่นหวั่นหน้าแดง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี รีบรับเอกสารด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้วหันหลังเดินกลับไป
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว กู้หลี่เหลียงก็เดินตามมาทัน “ทำไมถึงเดินเร็วนัก? รอด้วยซิ!”
เจียงหวั่นหวั่นก้าวเดินและมองเขาด้วยความโกรธ “กู้หลี่เหลียง คุณอย่ามาพูดเรื่องไร้สาระกับฉันนะ!