ตอนที่ 439 ตอบแทนบุญคุณ
ในเวลาเดียวกันไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนรถมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งเป็นเวลาที่ท้องฟ้ามืดแล้วและมีแสงไฟจากดวงไฟปรากฏความสว่างขึ้นแทนที่ ภายในจิตใจดำดิ่งลึกลงไปอย่างไร้สาเหตุ
ถ้าหากเป็นจริงดังที่เผยลี่เชินพูดอย่างนั้น คนที่ฆ่าพ่อเธอจนตายในตอนแรกเป็นใครกัน? แล้วคำพูดของเขาเป็นความจริงหรือเปล่า?
เจียงหวั่นหวั่นมองรถด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่านจนในที่สุดก็มาถึงทางเข้าชุมชน เธอพูดเบาๆ “เสว่เอ๋อร์ เธอจะกินอะไร? พวกเราจะกลับไปกินหรือจะซื้อกินดี?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอารมณ์เสียอย่างไม่ได้ตั้งใจจนเธอไม่ได้ฟังเจียงหวั่นหวั่นพูดตั้งแต่แรก ถึงตอนนี้เสี่ยวเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ ขยับตัว เธอถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ
เจียงหวั่นหวั่นอดถามไม่ได้ “เสว่เอ๋อร์ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า ไม่มีอะไร” ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหน้า พูดเบาๆ “พวกเรากลับบ้านต้มโจ๊กกินก็พอแล้ว”
“เธอไม่มีความอยากอาหาร ตอนนี้เธอแค่อยากนอนพักผ่อนสักงีบ พรุ่งนี้จะได้พาเสี่ยวเจ๋อออกจากเมืองไห่เฉิง
กลับมาถึงอพาร์ทเมนต์ของเจียงหวั่นหวั่น ไป๋เสว่เอ๋อร์กินอะไรลองท้อง ก่อนนอนก็จองตั๋วเครื่องบิน ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เธอกลับนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมา
ในสมองปรากฏแต่ภาพใบหน้าของชายหนุ่มไปมา เธอกัดฟันหันตัวกลับ เห็นเสี่ยวเจ๋อนอนอยู่บนเตียงลืมตาเบิกกว้างซึ่งไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตอนไหนจ้องมองเธอ
ห้าวเจ๋อน้อยขยับเข้าไปใกล้อ้อมกอดของเธอ พูดเบาๆ “แม่…ต่อไปพวกเราจะไม่ได้เจอลุงเหยี่ยนม่ายโจวแล้วใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อึดอัดใจ ในสมองปรากฏภาพภายในคฤหาสน์ที่พวกเขาสามคนหัวเราะคึกคักเสียงดัง พวกเขาในตอนนั้นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ตอนนี้….
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟันด้วยหัวใจที่ขมขื่น กอดห้าวเจ๋อน้อยไว้ในอ้อมอก พูดปลอบโยนเบาๆ “พรุ่งนี้แม่จะพาลูกกลับเซียงหนาน ถึงตอนนั้นลูกก็จะได้เจอเพื่อนๆ ของลูก”
ห้าวเจ๋อน้อยถึงกับสะอื้นเมื่อได้ยิน พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยุติธรรม “แต่หนูไม่อยากจากลุงเหยี่ยนม่ายโจว….”
ตอนที่เด็กน้อยพูดมีเสียงสะอื้นรวมอยู่ด้วย ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินแบบนี้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก ยกมือขึ้นลูบที่ศีรษะด้านหลังของเสี่ยวเจ๋อ “ไม่เป็นไร มีแม่อยู่เป็นเพื่อนหนูทั้งคน”
หลังจากกล่อมให้เสี่ยวเจ๋อหลับไปอีกครั้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่สามารถต้านทานความง่วงที่รุกคืบเข้ามาได้ จึงนอนหลับไป
เช้าวันต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์กล่อมให้ห้าวเจ๋อน้อยกินอาหารเช้า เจียงหวั่นหวั่นลากเธอออกมาด้านข้าง
เธอลดเสียงลงต่ำ “เธอกลับเซียงหนานครั้งนี้ จะบอกลู่เหยาไหมอ่ะ?”
จากที่เธอพูด ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงนึกขึ้นได้ว่าเรื่องที่เธอกลับเซียงหนานครั้งนี้เธอยังไม่ได้บอกใคร นอกจากเผยลี่เชินแล้วแม้แต่แม่ของเธอเองก็ยังไม่ได้บอก
ลังเลอยู่สักครู่ เธอพูดเบาๆ “ยังไม่ต้องบอก เรื่องที่ฉันกลับไปยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี”
“นั่นซิ” เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้า “แต่เธอแน่ใจนะว่าเผยลี่เชินจะไม่มาขวางทางเธอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินขณะนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ด้วยนิสัยของเผยลี่เชิน ไม่ปล่อยให้เธอจากไปได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่อยู่ข้างๆ เขาอีกต่อไป เพราะอยู่ข้างๆ เขาทีไร นอกจากจะมีอันตราย ก็ยังมีอันตราย
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอไม่กล้ากลับไปคิดถึงมัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากด้วยความแน่วแน่ “ไม่ว่าเขาจะมาขวางฉันหรือไม่ ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องพาเสี่ยวเจ๋อกลับไปให้ได้”
เธอพูดได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์มีไฟกะพริบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลนิดหน่อย ลังเลว่าจะรับดีหรือไม่
“เสว่เอ๋อร์ เธอเป็นอะไร ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมามีสติจนในที่สุดรับโทรศัพท์ที่คุณท่านเผยโทรศัพท์มาหานั่นเอง
“ฮัลโหล? สาวน้อยไป๋ วันนี้เธอพาเสี่ยวเจ๋อมาที่นี่ได้ไหม? วันนี้ฉันจะพาเขาไปเข้าคิวซื้อเค้กเรือกระดาษในเมืองสักหน่อย ได้ยินว่าเด็กๆ ชอบมา….เคอเคอ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกละอายใจเมื่อได้ยิน เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี จะบอกชายชราว่าเธอคิดจะพาเสี่ยวเจ๋อออกจากเมืองไห่เฉิง
เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ชายชราจึงส่งเสียงไอ รีบถามกลับทันที “วันนี้มีเรื่องธุระอะไรหรือเปล่า ถึงมาไม่ได้?”
“ก็ไม่….” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้นปาดน้ำตา แสร้งทำเป็นสงบ “วันนี้เสี่ยวเจ๋อไม่ค่อยสบาย ฉันอยากให้เขาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน อีกสักพักฉันจะไปหาคุณลุงนะคะ”
ชายชราได้ยินจึงถามกลับทันที “อ๋า? ไม่เป็นไรมากใช่ไหม?”
“ไม่คะ…ไม่คะ เมื่อวานเขาแค่ตากลมเย็นมาเท่านั้นเอง”
ชายชราวางใจเมื่อได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์บอกเช่นนั้น “ก็ดี เธอต้องระวังหน่อยนะ อย่าให้เขาเป็นหวัดได้”
“ได้คะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจ แล้วพูดต่อ “รอสักพักแล้วฉันจะไปหาคุณลุงคะ”
วันนี้เธอจะพาเสี่ยวเจ๋อออกจากไห่เฉิง จะได้รับกลับมาเมื่อไรไม่รู้ ก่อนจะจากไปเธอแวะไปเยี่ยมชายชราก่อน ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณครั้งสุดท้าย เนื่องจากเธอเห็นชายชราเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของเธอ
ตอนนี้เธอไปเยี่ยมชายชราที่โรงพยาบาลจากนั้นค่อยพาเสี่ยวเจ๋อออกจากเมืองก็ยังไม่สายเพราะเธอจองตั๋วเครื่องบินไว้ตอนบ่าย
หลังจากตัดสินใจแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ให้เจียงหวั่นหวั่นดูแลห้าวเจ๋อน้อยไปก่อน ส่วนเธอก็ไปทำธุระคนเดียวข้างนอก
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลไป๋เสว่เอ๋อร์ผลักประตูเข้าไปข้างในห้องวอร์ด ภายในห้องมีแต่ชายชราอยู่แค่คนเดียวไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่ซิวหรง
“สาวน้อยไป๋มาแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นเธอ ดวงตาชายชราปรากฏความมีชีวิตชีวา แต่ใบหน้ากลับดูขาวซีดกว่าเมื่อวานที่พวกเขามาเยี่ยม
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม กำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ ชายชราก็ไอขึ้นมาโดยไม่มีใครรู้ได้
เธอขมวดคิ้ว รีบเดินเข้าไปปรับเตียง ยกมือขึ้นตบที่หลังของชายชราเบาๆ ช่วยเขาให้หายใจสะดวกขึ้น
คุณท่านเผยหยุดไอแล้วโบกมือให้หยุดพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ “คนแก่แล้ว ไม่ไหวแล้ว”
เมื่อได้ยินเขาพูด ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นในอก ขมขื่นใจอย่างไร้สาเหตุ
ชายชราในวันนี้ ร่างกายถูกโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้าจนไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนก่อน
เธอนิ่งไปก่อนจะนึกอะไรออกแล้วถามว่า “คุณลุง ช่วงนี้คุณลุงยังดื่มยาจีนนั้นอยู่หรือเปล่า?”
ชายชราพยักหน้ารับ “อืม แต่รู้สึกว่าจะไม่ได้ผลอะไร แต่ยาจีนเห็นผลช้า ไม่มีทางอื่นเลย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก ถามต่อ “น้าซิวล่ะคะ ทำไมถึงปล่อยให้คุณลุงอยู่คนเดียวในห้อง?”
คุณท่านเผยพูดเบาๆ “เธอไปหยิบยาให้ฉัน ยาของฉันนะ บางครั้งคุณหมออันไม่ว่าง เธอก็ช่วยไปหยิบให้ฉัน ลำบากเธอแล้ว”
สายตาไป๋เสว่เอ๋อร์ดำดิ่งเมื่อได้ฟังเขาพูด ลังเลว่าจะบอกเรื่องที่ตัวเธอเองคาดเดากับเขาดีไหม ทันใดนั้นชายชราเอ่ยปากขึ้น “เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาเศร้าใจ รู้สึกเหมือนพวกเธอกำลังจะจากฉันไป จนฉันไม่อาจวางใจได้…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามและมองชายชราด้วยความประหลาดใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
เธอจะพาห้าวเจ๋อน้อยไปจากเมืองนี้จริงๆ
“สาวน้อยไป๋ ถ้าเธอรับปากฉัน อยู่กับเผยลี่เชินตลอดไป ฉันถึงจะวางใจ!” คุณท่านเผยพูดพร้อมกับถอนหายใจ “แต่ฉันไม่บังคับเธอหรอกนะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี จะทำอะไรคิดก่อนเสมอ”
ฟังคุณท่านเผยพร่ำพรรณนา ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ คิดว่าการจากไปครั้งนี้ถือว่าโกหกเขา ในใจรู้สึกไม่ดีเท่าไร
ทันใดนั้นประตูห้องวอร์ดถูกเปิดออก มีเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามา “พ่อ…พ่อต้องการ…”
พูดได้เพียงครึ่งเดียวก็หยุดนิ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์หันมามองพอดีสบตากับเผยลี่เชิน
บรรยากาศในขณะนั้นดูเก้อเขินเล็กน้อย ชายชราเห็นสถานการณ์แบบนี้จึงกระแอมออกมาพูดกับเผยลีเชิน “ตะลึงอะไร? ยังไม่เข้ามาอีก!”