สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 432

ตอนที่ 432

ตอนที่ 432 ห้าวเจ๋อน้อยถูกลักพาตัว

ในใจของเผยอี้ชัดเจนมากว่า เวินซิวหวีคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย กำลังคิดที่จะอ้าปากปฏิเสธ อยู่ๆชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าก็เดินเข้ามาใกล้เล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นราวกับมองความคิดของเขาออกก็ไม่ปาน “คุณเผย หากได้ล่ะก็ ผมสามารถช่วยให้คุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ รวมไปถึงทั้งบริษัทเผยซื่อ”

เวินซิวหวีเพิ่งจะเอ่ยออกมา สายตาของเผยอี้ก็ล้ำลึกขึ้นมาอย่างกะทันหัน มีความสนใจขึ้นมาในทันที

เขาเอ่ยถามย้อนกลับประโยคนึงด้วยความไม่แน่ใจ “คุณหมายถึง เผยซื่อทั้งบริษัท?”

“ใช่แล้วครับ ทั้งบริษัท” เวินซิวหวียิ้มออกมา หันข้างเล็กน้อย “เชิญครับคุณเผย”

เผยอี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นลังเลอยู่หลายวินาที สุดท้ายก็ยังคงก้าวขาตามเขาขึ้นรถไป

รถหรูที่เสริมความยาวเพิ่งจะขับออกไปได้ไม่เท่าไร ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็จูงมือของห้าวเจ๋อน้อยเดินออกมาจากโรงพยาบาล

ในขณะที่เดินผ่านหน้าประตูโรงพยาบาลนั้น ด้านข้างมีพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังเข็นรถเข็นเล็กๆขายผลไม้อยู่หลายร้าน ข้างๆยังมีรถเข็นคันหนึ่งที่ปักผลไม้เคลือบน้ำตาลเอาไว้เต็มคันรถ

มองเห็นผลไม้เคลือบน้ำตาล สายตาของห้าวเจ๋อน้อยก็เปล่งประกายขึ้น ฝีก้าวก็เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว

ทันใดนั้น เขาก็ยื่นมือออกไป กอดขาของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ เงยใบหน้าเล็กๆจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ น้ำเสียงอ่อนปวกเปียก “แม่ครับ ผมอยากกิน…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองตามมือเล็กๆของเจ้าหนูที่ชี้ไป เห็นรถขายผลไม้เคลือบน้ำตาลเล็กๆ ก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างจนปัญญา เธอก้มศีรษะลงมองไปที่ห้าวเจ๋อน้อย เอ่ยโน้มน้าวออกมาว่าเบาๆว่า “บอกแล้วไม่ใช่หรอจ๊ะ ว่าทานของที่หวานเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นฟันจะมีแมลงขึ้นมานะ!”

ห้าวเจ๋อน้อยได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กอดต้นขาของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้แกว่งไปแกว่งมา ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายกระพริบปริบๆไม่ยอมหยุด

เห็นท่าทางที่บิดพลิ้วของเจ้าหนู ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา ยื่นมือออกไปบีบไปบนใบหน้าเล็กๆของเขาเล็กน้อย “ก็ได้จ้ะ งั้นแม่ซื้อไม้นึง ลูกทานได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ที่เหลือต้องให้แม่ทานเข้าใจไหม?”

ห้าวเจ๋อน้อยพยักหน้าด้วยสายตาที่จริงจัง “ครับ!”

เห็นเขาเชื่อฟัง ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้จูงเขาเดินไปที่หน้าร้าน ให้เขาเลือกมาไม้นึง จากนั้นเตรียมที่จะจ่ายเงิน

หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาพอดี เธอถือโอกาสกดปุ่มรับสาย “ฮัลโหลค่ะ?”

ทางนั้นมีเสียงรบกวน “ปี๊ด…” ดังสะท้อนเข้ามา ที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรอีก

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด รีบเอ่ยปากถามขึ้นมาในทันทีว่า “ฮัลโหล? ใครคะ?”

ที่ฝั่งนั้นสะท้อนกลับมาก็ยังคงเป็นเสียงรบกวน ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเบอร์แปลกหน้าบนหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อย กำลังจะวางสายลง ทันใดนั้นด้านหลังก็มีรถคันหนึ่งขับผ่านด้วยความรวดเร็ว เธอยังไม่มีการตอบสนองกลับคืนมา ก็ได้ยินคุณป้าขายผลไม้เคลือบน้ำตาลที่อยู่ด้านหน้าร้องเรียกขึ้น “เฮ้ยเด็ก…”

เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบหันกลับไป มองเห็นรถตู้สีขาวคันหนึ่งขับจากไปอย่างเด่นชัด ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เธอรีบก้มศีรษะลง กลับพบว่าด้านข้างไม่ได้มีเงาร่างของห้าวเจ๋อน้อยอยู่มาตั้งนานแล้ว และผลไม้เคลือบน้ำตาลไม้นั้นที่เธอเพิ่งยื่นส่งให้กับห้าวเจ๋อน้อยก็ได้ตกลงอยู่บนพื้น!

การตอบสนองกลับคืนมาภายในทันที เธอรู้สึกศีรษะชา ในใจราวกับถูกต่อยเต็มแรง “ห้าวเจ๋อน้อย!”

ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอก้าวขาวิ่งตามรถคันนั้นไปในทันที ทว่าเงารถสีขาวก็ยิ่งเล็กลงไปเรื่อยๆ ขาของไป๋เสว่เอ๋อร์อ่อนแรงลง แทบจะล้มลงไปกองกับพื้น

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากเหลือเกิน!นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

เมื่อครู่นี้เธอเพียงแค่ใช้เวลาในการรับโทรศัพท์ก็เท่านั้น ทำไมอยู่ๆห้าวเจ๋อน้อยถึงถูกลักพาตัวไปได้?

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเบอร์110ด้วยมือที่แทบจะสั่นไปทั้งสองข้าง “สวัสดีค่ะ ฉัน…ฉันต้องการแจ้งความ!”

ฝืนกลั้นหายใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ออกไปหนึ่งรอบ ในวินาทีที่วางสายโทรศัพท์ลงนั้น ขาทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อ่อนแรงลง สติสัมปชัญญะและความสงบเยือกเย็นทั้งหมดต่างก็หายไปในชั่วพริบตา

ในสมองปรากฏใบหน้าของชายหนุ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไป๋เสว่เอ๋อร์มีการตอบสนองกลับคืนมา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารีบโทรไปหาเผยลี่เชิน ในวินาทีที่สายโทรศัพท์ถูกรับขึ้นนั้น เธอก็เอ่ยปากขึ้นอย่างลนลาน ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความสะอึกสะอื้น “เผย…เผยลี่เชิน!ห้าวเจ๋อน้อย…ห้าวเจ๋อน้อยถูกคนลักพาตัวไปแล้ว!”

พอเผยลี่เชินที่อยู่ทางนั้นได้ฟัง ก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาว่า “อะไรนะ!”

“ห้าวเจ๋อน้อยเขา ถูกคนลักพาตัวไปแล้วค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครทำ!ทำยังไงดีคะตอนนี้…”

“คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนไปก่อน บอกผมมาว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” ในขณะที่เผยลี่เชินพูด ก็หมุนตัว เดินออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็วไปในทันที

ผู้บริหารระดับสูงที่ถูกปล่อยไว้อีกด้านอย่างกะทันหันมองดูเผยลี่เชินจากไป ต่างก็มองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ช้า พวกเขาก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม วิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนาๆ

“เฮอะ!นี่เหมือนกับอะไรกัน!การประชุมยังไม่ทันเสร็จสิ้น คิดจะไปก็ไป!”

“นั่นน่ะสิ!ประธานเผยคนนี้น่ะนะ…ช่างทำให้คนรู้สึกผิดหวังจริงๆ!”

“…”

คำวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบเกี่ยวกับเผยลี่เชินนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ฉีเฟิงลุกขึ้นมากำลังคิดที่จะรับผิดชอบจัดการกับสถานการณ์โดยรวม ”ทุกท่านรอสักครู่อย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนนี้ผมไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์สักหน่อย อีกสักครู่แจ้งให้กับ…”

“ยังทำความเข้าใจอะไรอีก? ไปก็ไปแล้ว ยังจะให้พวกเรารออยู่ที่นี่หรือยังไง!”

“นั่นน่ะสิ!ไปเถอะๆ ตัวเองยังไม่ใส่ใจ ยังจะขอร้องพวกเราผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้อีก!”

“ใช่ๆๆ ไปกันเถอะ!”

ผู้บริหารระดับสูงสองสามคนที่มีความคิดเห็นมากที่สุดนำลุกขึ้นยืนในทันที คนที่เหลือก็ลุกตามขึ้นมาอย่างลังเลเล็กน้อย

ฉีเฟิงรู้สึกจนปัญญาไปชั่วขณะ มองดูทุกคนทยอยกันออกไป จึงได้แต่ออกจากห้องประชุมไปด้วยเช่นเดียวกัน เดินไปยังห้องทำงานของท่านประธานด้วยความรวดเร็ว

เขาเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องทำงานของท่านประธาน อยู่ๆประตูห้องก็ถูกคนผลักออก เผยลี่เชินเดินออกมาจากด้านในด้วยสีหน้าที่จริงจัง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะสวมเสื้อคลุมเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก

ไม่รอให้ฉีเฟิงได้พูดอะไรออกมา เผยลี่เชินก็สั่งขึ้นมาก่อน “เตรียมรถเดี๋ยวนี้”

เห็นสีหน้าของชายหนุ่มมืดมนเคร่งขรึม ฉีเฟิงก็ไม่กล้าถามเพิ่มอีกแม้แต่ประโยคเดียว รีบพยักหน้าตอบรับในทันที

อีกด้านหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของสถานีตำรวจ แขนขาทั้งสองข้างเยือกเย็น ร่างกายทั้งตัวก็หนาวเย็นไปหมด

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินผ่านจากทางด้านข้าง ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบลุกขึ้นยืนในทันที จับเขาเอาไว้พร้อมกับเอ่ยถาม “คุณเจ้าหน้าที่ตำรวจคะ มีข่าวคราวของลูกชายฉันบ้างหรือเปล่า? ไป๋ห้าวเจ๋อ อายุห้าขวบ สวมเสื้อคลุมสีฟ้า…”

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นถูกทำให้ตกใจจนชะงัก หลังจากที่มีการตอบสนองกลับมาก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่มีครับ รออีกหน่อยเถอะ”

มือที่จับเสื้อของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ของไป๋เสว่เอ๋อร์กำเข้าหากันแน่นเล็กน้อย “ฉันรออยู่ที่นี่มาตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว!ต่อให้เป็นการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ควรจะตามรอยของรถคันนั้นได้แล้วล่ะมั้งคะ!ลูกชายของฉันเพิ่งจะอายุห้าขวบ…หากเขา…”

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นมีสีหน้าที่จนปัญญา เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ย “ขอโทษนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราว…”

คำพูดเช่นนี้สำหรับไป๋เสว่เอ๋อร์แล้ว ราวกับว่าบนหลังของเธอที่แต่เดิมแบกก้อนหินที่หนักห้าร้อยกิโลกรัมเอาไว้ได้เพิ่มก้อนหินอีกหลายก้อนเข้ามาอีก ชั่วพริบตา ความตื่นตระหนกและความเป็นกังวลที่ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ทั้งหมดต่างก็ได้เปลี่ยนเป็นอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาแทน

เธอกระชากเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าทั้งยังโมโหว่า “พวกคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจแทบจะไม่ได้ตรวจสอบเลยใช่หรือเปล่า? จำเป็นจะต้องรอให้คนหายไปจนถึงสี่สิบแปดชั่วโมงถึงจะสามารถยื่นเรื่องตรวจสอบได้อย่างนั้นหรอ!ลูกชายของฉันเป็นการถูกลักพาตัวไปนะ!นี่คือการโจรกรรม!”

สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นเปลี่ยนไปในทันที “ขอโทษนะครับ พวกเราเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการเกี่ยวกับคดีจำเป็นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน กรุณาปล่อยมือด้วย!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งโมโหทั้งกลัดกลุ้ม “พวกคุณจำเป็นจะต้องให้คำตอบกับฉัน!หากไม่มีการตรวจสอบ ฉันจะไปตรวจสอบเอง!พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องบิดบังคับฉัน!”

ด้านข้างมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นท่า ก้าวขาเดินเข้ามาจะโน้มน้าวไป๋เสว่เอ๋อร์ แต่เธอดูเหมือนสูญเสียสติ เอ่ยถามซ้ำๆด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำ

ทันใดนั้น เงาร่างที่สูงใหญ่ก็เดินเข้ามา เผยลี่เชินกอดไป๋เสว่เอ๋อร์ที่สูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะเข้าไว้ข้างในอ้อมแขนจากทางด้านหลัง นำมือของเธอดึงออก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “คุณปล่อยมือออกก่อน ผมคิดหาวิธี

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท