ตอนที่ 445 พ่อตายได้อย่างไร
เช้าวันต่อมา
ตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมา สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาคือเพดานสีขาว เธอขยับตัวเล็กน้อย ศีรษะรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
เมื่อหันมามองเห็นชายหนุ่มนอนราบไปกับเตียง เธอถึงกับตะลึง
ใบหน้าของชายหนุ่มที่มีเส้นแกร่งชัดเจนเหมือนกับใบมีด จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มดำขลับ ทุกส่วนบนใบหน้าไร้ที่ติ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่เฝ้าเธอทั้งคืน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอยกมือขึ้นแตะที่จมูกแหลมๆ ของชายหนุ่มอย่างเบามือ ยังไม่ทันได้ดึงมือกลับมา เผยลี่เชินก็ขมวดคิ้ว ลืมตาตื่นขึ้น
ทั้งสองสบสายตากันเหมือนจะหยุดนิ่งไปทั้งคู่
ทันใดนั้นเผยลี่เชินขยับตัวก่อน ยื่นมือออกมากุมมือเธอไว้ในมือเขา จากนั้นนั่งตัวตรงแล้วยื่นมืออีกข้างขึ้นมาอังที่หน้าผากที่วัดอุณหภูมิ
นิ่งไปสองสามวินาที ความตึงเครียดของเขาที่แสดงออกมาค่อยๆ ผ่อนคลายลง “ไข้ลดลงแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ดึงมือของเธอออกจากมือของเขาหลังจากได้ยินแล้วพูดว่า “งั้นฉันก็ควรไป….”
เธอนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมาทั้งคืน ตอนนี้ไม่รู้ว่าห้าวเจ๋อน้อยและเจียงหวั่นหวั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง
เธอยังไม่ทันได้สวมรองเท้า ร่างของเธอถูกกดไว้ไม่ให้ขยับ จึงเงยหน้ามอง เผยลี่เชินยืนอยู่ตรงหน้าเธอ มองลงมาที่เธอ “เธอจะไปไหน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากเมื่อได้ยิน นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความรู้สึกผิดหวังผุดขึ้นภายในจิตใจของเธอ
เรื่องมาถึงตอนนี้ เธอยังคงไม่เชื่อว่าที่พ่อเธอตายเป็นเพราะการกระทำของแม่อย่างลับๆ เธอจึงอยากไปถามให้แน่ชัด และอยากรู้ด้วยว่าห้าวเจ๋อน้อยและเจียงหวั่นหวั่นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เผยลี่เชินดูเหมือนจะเห็นความคิดของเธออย่างทะลุปรุโปร่งจึงได้พูดว่า “เสี่ยวเจ๋อกับเจียงหวั่นหวั่นตอนนี้อยู่ที่คฤหาสน์ พวกเขาสบายดี ขอเพียงเธอดีขึ้น จะไปหาพวกเขาตอนไหนก็ย่อมได้ แต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือเธอ เธอควรจะดูแลตัวเองให้ดีก่อน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “ฉันสบายดี”
เธอพูดพร้อมกับคิดจะเอามือของเขาออกไป ขณะที่กำลังลุกขึ้นก็ถูกแรงดึงเข้าสู่อ้อมกอด
“ไป๋เสว่เอ๋อร์ คนอื่นดูไม่ออก เธอคิดว่าฉันจะดูไม่ออกใช่ไหม?”
เสียงของชายหนุ่มดังอยู่ข้างหูของเธอ ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์จิตใจหวั่นไหวถึงกับสั่นไปทั้งตัว
“ที่จริงเธอเชื่อตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือ? เพียงแต่เธอไม่ยอมรับเท่านั้นเอง ดังนั้นเธอจึงพยายามหลีกหนี แต่การหลีกหนีไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้ การเก็บอารมณ์และความทุกข์ทั้งหมดไว้ภายในใจก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นเธอรีบบอกฉัน”
เผยลี่เชินพูดด้วยความรู้สึก “เมื่อหกปีก่อน ฉันได้พบเธอ ไม่ว่าจะผ่านมาหกปี หรือสิบหกปี ฉันคือคนที่เธอจะเชื่อใจได้มากที่สุด เข้าใจไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าด้วยความประหลาดใจ สบตาของชายหนุ่ม
เผยลี่เชินพูดต่อ “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอจากฉันไป แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันยินดีที่จะร่วมเผชิญหน้ากับทุกเรื่องไปพร้อมกับเธอ”
ทุกคำทุกประโยคเข้าไปเคาะประตูหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ จนทำให้เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี สะอื้นไห้โดยไม่มีสาเหตุพร้อมกับน้ำในดวงตาที่ไหลออกมา
เมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้ เผยลี่เชินถึงกับตะลึง รีบเอามือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “อย่าร้อง”
แต่ยิ่งเขาปลอบเธอมากเท่าไร ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยิ่งรู้สึกว่าควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นทุกที
ในช่วงเวลาหกปีมานี้ เธอได้เรียนรู้ที่จะทำทุกเรื่องราวเก็บไว้เพียงแต่ในใจของเธอเท่านั้น ทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ดี ไม่ยอมบอกใครทั้งสิ้น
แต่ในเวลานี้ เผยลี่เชินรู้ชัดเจนถึงการตั้งรับและความอ่อนไหวของเธอทั้งหมด ทำให้เธอต้องหน้ากากของตัวเองโดยไม่รู้ตัวและเผยให้เห็นความเปราะบางทั้งหมดของเธอ
เธออ้าแขนทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่ม อดร้องไห้เสียงดังไม่ได้
มองหญิงสาวที่ร้องไห้ในอ้อมกอด เผยลี่เชินกลับรู้สึกหดหู่ใจอย่างลึกลับ
นับแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเจ็บปวดอีกต่อไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ ปาดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า เธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวมองหน้าเผยลี่เชิน หายใจลึกพร้อมกับพูดว่า “ฉันอยากไปหาแม่ฉัน”
หลังจากที่ระเบิดอารมณ์ที่อัดแน่นไว้ภายในจิตใจ ตอนนี้เธอสงบลงแล้ว ในใจยอมรับคำตอบนั้นอย่างเงียบๆ แต่เธอยังคิดอยากไปพบแม่ของเธอ เพื่อถามเธอด้วยตัวเองว่าเพราะอะไร
เพราะอะไรถึงได้ลงมือกับพ่อของเธออย่างโหดเหี้ยม เพราะอะไรถึงใช้วิธีการเช่นนี้ยุติความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
เห็นสายตาที่แน่วแน่ของหญิงสาว สงบลงอย่างมีเหตุมีผลมากกว่าเมื่อสักครู่ เผยลี่เชินนิ่งไปสักครู่ก่อนจะพยักหน้า “ได้ ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอ”
บางทีสิ่งที่เธอต้องการทำมากที่สุดในตอนนี้คือพบหน้าแม่ของเธอ ถามกันซึ่งซึ่งหน้าไปเลย มีเพียงเช่นนี้เธอถึงจะปลดปล่อยหัวใจและยอมรับมันได้
เมื่อออกจากโรงพยาบาล เผยลี่เชินพาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปพบแม่ของเธอที่คฤหาสน์ ระหว่างทางที่ไปไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบไม่พูด สายตาเห็นแต่จุดหมายปลายทางจนเธอรู้สึกตื่นเต้นโดยไม่มีสาเหตุ
ในที่สุดรถก็มาจอดที่ประตูคฤหาสน์ ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก เปิดประตูรถแล้วลงจากรถ
เผยลี่เชินลงจากรถพร้อมกับคำถาม “ต้องการให้ฉันไปเป็นเพื่อนเธอไหม?”
“ไม่ต้อง” ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย “ฉันอยากคุยกับแม่เป็นการส่วนตัว”
เผยลี่เชินพยักหน้าเมื่อได้ยิน “ได้ งั้นฉันรอเธออยู่ข้างนอกนี้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น ปลุกความกล้าเดินเข้าไปที่ประตู กดกริ่ง ไม่นานมีคนใช้มาเปิดประตู เมื่อเห็นว่าเป็นเธอจึงรีบเปิดประตูโดยเร็ว
แม้ว่าคนรับใช้จะเจอไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่กี่ครั้งแต่ก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา ถามด้วยรอยยิ้ม “คุณไป๋ คุณมาหาคุณนายใช่ไหมคะ?”
“อืม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดมาก ก้าวเท้าเดินเข้าไปทางประตู กวาดตามองไปรอบ ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นแม่
“คุณนายเพิ่งจะขึ้นตึกไป คุณรอสักครู่ ฉันจะไปเรียนคุณนายให้ทราบ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า นั่งรออยู่ที่โซฟา มองถ้วยชาร้อนๆ ที่วางอยู่ตรงหน้า ในใจกลับรู้สึกสับสน
ตอนนี้กำลังคิดอยู่ในใจอยู่เงียบๆ มิน่าในช่วงสองสามปีมานี้ทุกครั้งที่เธอกลับมาเพื่อไปเยี่ยมพ่อที่สุสาน แม่ถึงไม่ยอมไปกับเธอด้วย มิน่าตอนที่พ่อเธอเสียชีวิต เธอรู้สึกว่าแม่ไม่ได้โศกเศร้าเสียใจเลย….
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ เธออดรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้
ไม่นานนัก ได้ยินเสียงฝีเท้าจากบันได ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองเห็นคุณแม่ไป่เดินลงมาอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน
เมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนโซฟา คุณแม่ไป๋จึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับถามด้วยรอยยิ้ม “เสว่เอ๋อร์ ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่นี่ได้ ไม่บอกก่อน เสี่ยวเจ๋อล่ะ? ทำไมไม่มาด้วยกัน?”
ใบหน้าคุณแม่ไป๋มีสีแดง เปล่งประกายเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดี แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเห็นแม่เป็นแบบนี้ กลับรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าและแปลกแยก
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือโดยไม่รู้ตัว “แม่ หนูมีเรื่องจะคุยกับแม่”
คุณแม่ไป๋มองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ถามว่า “เป็นอะไรไป สีหน้าทำไมดูแย่ขนาดนั้น?”
ขณะพูดคุณแม่ไป๋ยื่นมือคิดจะไปอังที่หน้าผากของไป๋เสว่เอ๋อร์เพื่อวัดอุณหภูมิ แต่ใครจะไปรู้ได้ไป๋เสว่เอ๋อร์เบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังหลบมือของคุณแม่ไป๋ที่ยื่นออกมา
คุณแม่ไป๋ตะลึง สีหน้าเคร่งขรึม เธอยืนอยู่ตรงที่ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งพร้อมกับคำถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับมาจ้องมองเธออย่างจริงจัง “แม่…แม่จำได้ไหมว่าพ่อตายได้อย่างไร?”
คุณแม่ไป๋ได้ยินถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาของเธอแสดงถึงความสับสนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย เธอละสายตา หยิบถ้วยน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ ดื่มเข้าไปหนึ่งอึก “จู่ๆ ทำไมถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น แสร้งถามอย่างใจเย็น “หนูรู้สึกว่า แม่น่าจะรู้ในเรื่องที่หนูไม่รู้ ดังนั้นหนูจึงอยากถามแม่”
คุณแม่ไป๋ขมวดคิ้วและพูดโน้มน้าวใจ “เสว่เอ๋อร์ พ่อของลูกจากไปหกปีแล้ว ตอนนี้ลูกยังคงเก็บอดีตเอาไว้กับตัว ลูก…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก พูดขัดจังหวะคำพูดของเธอ “แม่ หนูไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้ หนูอยากรู้ว่าเมื่อหกปีก่อนแม่ทำอะไรกับพ่อไว้!”