ตอนที่ 449 หลังคารั่วฝนตกกลางคืน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเครียด ถามอย่างรวดเร็ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เจียงหวั่นหวั่นมองดูรอบๆ ลดเสียงลงต่ำ “สองสามวันมานี้เธอคงอยู่กับเผยลี่เชิน เพราะเผยซื่อติดต่อเขาไม่ได้ พวกผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงต่างวุ่นวายกันไปหมด ถกเถียงกันเพื่อถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง จนกระทบไปถึงคุณท่านเผย!”
“อะไรนะ?”
เธอคาดไม่ถึง เธอกับเผยลี่เชินจากไปเพียงแค่สามวันเท่านั้นเอง โทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมดจึงทำให้ตัดขาดกับโลกภายนอกแค่สองวัน คิดไม่ถึงสองวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย!
เจียงหวั่นหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันเพียงแค่ได้ยินมา สถานการณ์แท้จริงยังไม่รู้แน่ชัด แต่ว่า ตอนนี้ภายในของเผยซื่อค่อนข้างวุ่นวาย ทางที่ดีเธอไม่ควรเข้าไปยุ่งเด็ดขาด”
เมื่อได้ฟังเธอพูดแบบนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งร้อนใจมากขึ้น เธอไม่รู้แน่ว่าทำไมเผยซื่อในระยะเวลาสั้น พวกผู้บริหารระดับสูงรวมถึงผู้ถือหุ้นทั้งหลายต่างรวมตัวกันเพื่อถอดถอนเผยลี่เชินออกจากตำแหน่ง แต่เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง จงใจทำลายขวัญ ขัดขวางคำสั่งของบริษัท!
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเจียงหวั่นหวั่น พูดเบาๆ “หวั่นหวั่น สองสามวันนี้ลำบากเธอแล้ว แต่ช่วงนี้เธอช่วยดูแลเสี่ยวเจ๋อไปก่อนนะ”
เจียงหวั่นหวั่นรู้สึกประหลาดใจ “เธอจะ…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก พูดอย่างเคร่งขรึม “เผยลี่เชินช่วยฉันมามาก ตอนนี้เขาเกิดเรื่อง ฉันไม่ช่วยเขาไม่ได้”
ขณะพูดเธอมองเจียงหวั่นหวั่นด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ไม่รอให้เธอถามอะไรมาก ก้าวไปตรงทางบันได
สามวันมานี้ เผยลี่เชินสอนเธอมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือสอนให้เธอปล่อยวาง ถ้าไม่ใช่เขา เกรงว่าตอนนี้เธอยังคงจมอยู่กับสาเหตุการตายของพ่อไม่ออกมาสักที
อีกอย่างผ่านประสบการณ์มามากมาย เธอได้มองเห็นใจตัวเองอย่างชัดเจน ได้รู้จักเขาอย่างแน่ชัด
เมื่อเดินไปถึงชั้นสอง ไป๋เสว่เอ๋อร์แง้มประตูเบาๆ จากนั้นผลักประตูเข้าไป
เผยลี่เชินยืนอยู่ตรงหน้าต่างในห้องหนังสือ สีหน้าเคร่งเครียดขณะรับโทรศัพท์ เมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้ามา เขาสั่งกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชากับปลายสาย “ไปทำตามที่ฉันบอกเมื่อกี้นี้ อีกสักครู่ฉันจะออกไป”
พูดจบเขาวางสายโทรศัพท์
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก เอ่ยปากถาม “ร้ายแรงไหม?”
“อย่ามองในแง่โลกในแง่ดีเกินไป” เผยลี่เชินพูดแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ “เดี๋ยวฉันจะออกไปบริษัท เธอก็อย่าไปไหนเสียล่ะ อยู่บ้านดีๆ รู้ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก ไม่อยากเป็นภาระให้กับเขา ดังนั้นจึงพยักหน้ารับปากแต่โดยดี
“ได้คะ”
เห็นเธอรับปากเผยลี่เชินก็โล่งอก เขาเดินออกจากห้องหนังสือ กลับไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้อง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ระเบียงทางเดิน เห็นเงาด้านหลังของเผยลี่เชิน รู้สึกสับสนภายในจิตใจ
เขาทำหลายเรื่องเพื่อเธอ ตอนนี้เธอหวังว่าจะสามารถช่วยเขาได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด
รอจนเผยลี่เชินออกไป ไป๋เสว่เอ๋อร์อดใจรอไม่ไหว คิดไปคิดมาแล้วเธอก็ออกไป
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไป๋เสว่เอ๋อร์มาถึงอาคารสำนักงานของเผยซื่อ เงยหน้าขึ้นไปมองอักษรที่อยู่บนอาคารสูง เธอหายใจลึก รวบรวมความกล้าเดินไปที่ประตู
เมื่อถึงบริษัท เธอโดยสารลิฟต์ ขึ้นไปที่ชั้นสำนักงานประธานบริษัท เธอรู้ว่าถ้าต้องการประชุมใหญ่อย่างเป็นทางการภายในบริษัท ต้องมาประชุมที่ห้องประชุมบนชั้นนี้
เมื่อออกจากลิฟต์ ไป๋เสว่เอ๋อร์สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความกดดัน สีหน้าของผู้ช่วยเลขาของสำนักงานประธานบริษัทดูเคร่งเครียด รีบเร่งผิดปกติ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตรงไปทางห้องประชุม เดินไปถึงครึ่งหนึ่ง ได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยเดินเข้ามาทักทาย
“พี่เสว่เอ๋อร์ พี่มาได้อย่างไร?”
เสี่ยวจางเดินมาข้างหน้า ลากไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปอีกด้าน
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปทางห้องประชุม ถามด้วยเสียงเข้ม “เสี่ยวจาง ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
เสี่ยวจางพูดเบาๆ “กำลังประชุมผู้บริหารระดับสูง บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก พี่เสว่เอ๋อร์ ถ้าพี่อยากไปหาประธานเผย ตอนนี้อย่าพึ่งไปจะดีกว่า”
ได้ยินที่เธอเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว ตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือนว่าตอนนี้สถานการณ์ของเรื่องนี้ร้ายแรง ถ้าเธอผลีผลามเข้าไปตอนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเผยลี่เชินได้ อาจจะทำให้เขาเดือดร้อนมากขึ้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าให้เสี่ยวจาง พูดเบาๆ “ได้ ฉันรู้แล้ว เธอไปทำงานเถอะ”
หลังจากรอให้เสี่ยวจางไปแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปที่ระเบียงที่พักผ่อนที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องประชุมกับสำนักงานประธานบริษัท ตรงนี้เป็นทางที่พวกเขาต้องเดินผ่าน รอจนประชุมเสร็จแล้ว เธอยังคอยสังเกตสถานการณ์อยู่ที่ตรงนี้
ไม่นาน มีเสียงดังพึมพาจากทางด้านห้องประชุม ไม่ช้ากลุ่มผู้บริหารระดับสูงเดินมาทางด้านนี้ สีหน้าแต่ละคนดูจริงจัง หันหน้าถกเถียงกัน
“ตอนนี้เรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว กลัวว่าเผยลี่เชินก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงภาพรวมได้”
“นั่นซิ….พวกเราสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ดีกว่า ตอนนี้เผยอี้มีคุณเวินคอยหนุนหลังอยู่ ซึ่งเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!”
“โอเค พวกเรากลับไปปรึกษากันก่อน….”
“……….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงที่ถกเถียงกันเพียงไม่กี่ประโยค
เผยอี้ คุณเวิน?
ไป๋เสว่เอ๋อร์สับสน คิดพิจารณาอย่างละเอียดถึงคำพูดที่คนเหล่านั้นพูด รู้สึกกังวลอยู่ภายในใจ หรือว่า “คุณเวิน” ที่พวกเขาพูดถึงจะหมายถึงเวินซิวหวี?
ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าตรงทางเดินดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นเผยลี่เชินกำลังเดินมาทางด้านนี้ เธอกำลังจะเดินออกจากระเบียงได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้น “พี่ใหญ่!”
เผยอี้เดินตามมาจากด้านหลัง จิตใจฮึกเหิม อิ่มอกอิ่มใจ ด้านหลังตามมาด้วยผู้ช่วยอีกสองสามคน
เผยลี่เชินหยุดเดิน หันกลับมามองเผยอี้ด้วยสายตาเย็นชา
เผยอี้เดินไปข้างหน้า ยกคิ้วส่งยิ้มให้ “พี่ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เผยซื่อไม่ว่าจะเป็นพี่หรือฉัน ก็เป็นสมบัติตระกูลเผย ถูกต้องไหม?”
เผยลี่เชินน้ำเสียงเข้ม “อาศัยโอกาสสร้างความยุ่งเหยิง ยุยงส่งเสริมให้แตกแยกกัน นายคิดว่าถ้าเผยซื่ออยู่ในมือนาย นายจะรับมือไหวหรือไม่?”
สีหน้าเผยอี้สลดลงเมื่อได้ยินเช่นนี้ “จะทำได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องในภายหลัง สรุปคือตอนนี้ผู้ชนะเป็นเจ้า ฉันว่าพี่ใหญ่คงภูมิใจได้ไม่นาน”
ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้แล้วเผยอี้ก้าวเดินจากไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่ระเบียงเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเผยลี่เชิน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจ
เธอรีบก้าวเดินไปข้างหนาเผยลี่เชินมองเห็นเธอ ใบหน้าแสดงความประหลาดใจ “เธอมาที่นี่ทำไม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มาเป็นเพื่อนคุณ”
ได้ยินหญิงสาวพูดแบบนี้ สายตาเผยลี่เชินรู้สึกเซอร์ไพรส์ เขาจูงมือไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเบาๆ “ไปเถอะ กลับออฟฟิศแล้วฉันจะบอกเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามเขาไปทางสำนักงานประธานบริษัท
กำลังจะถึงประตู ฉีเฟิงเดินก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ประธานเผย คุณท่านเกิดเรื่องแล้วครับ!”
เผยลี่เชินหยุดก้าว สายตาเปลี่ยนเป็นแหลมคม เขาหันกลับมามองฉีเฟิง ด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย “ว่าไงนะ?”
“เมื่อสักครู่ลุงเฝิงโทรศัพท์มาจากที่บ้าน บอกว่าคุณท่านถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตอยู่!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนข้างได้ฟังข่าวนี้เหมือนตนเองถูกตีที่ศีรษะ ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร เผยลี่เชินรีบก้าวเท้าเดินไปทางลิฟต์โดยสาร
เธอรีบตามไปอย่างรวดเร็ว สมองรู้สึกสับสน
บ้านหลังคารั่วแถมมีฝนตกกลางคืน เกิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้ล่วงหน้ากันแน่