ตอนที่ 450 ชายชราสิ้นชีวา
พวกเขารีบเดินทางไปโรงพยาบาล ใบหน้าของเผยลี่เชินเคร่งเครียดจนน่ากลัว ไป๋เสว่เอ๋อร์ซึ่งนั่งข้างๆ ดูเหมือนยังไม่กล้าหายใจ
ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องสับสนวุ่นวาย ชายชราก็มาป่วยหนัก กลัวว่าพวกผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นทั้งหลายจะใช้ช่วงเวลานี้ทำอะไรตามอำเภอใจมากยิ่งขึ้น
ไม่ต้องพูดเรื่องในเผยซื่อ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือสุขภาพของชายชราซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไร สามวันดีสี่วันไข้…..
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจ เธอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปาก
ในที่สุดรถก็มาจอดสนิทที่ประตูโรงพยาบาล เผยลี่เชินรีบลงจากรถแล้วก้าวเท้าเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบตามเขาไป ดูเหมือนต้องวิ่งถึงจะไล่ตามการก้าวของเขา โดยสารลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องฉุกเฉินชั้นห้า เธอซึ่งอยู่ไกลไกลมองเห็นคนสองสามคนยืนอยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน
ล้วนแล้วแต่เป็นคนรับใช้ของตระกูลเผยทั้งสิ้น ยังมีพ่อบ้านลุงเฝิงด้วย
เมื่อเห็นเผยลี่เชินมาถึง ลุงเฝิงรีบกล่าวทักทายด้วยสายตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า สีหน้าแสดงความวิตกกังวล
“คุณชายใหญ่…..”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
เผยลี่เชินพยายามระงับความโกรธ แต่เมื่อก้มลงมองมือที่กำจนแน่นแสดงให้เห็นถึงความโกรธที่พุ่งพล่านของเขาในขณะนี้
“ตอนแรกคุณท่านนอนพักกลางวันอยู่ที่ห้องนอน ผมเห็นคุณท่านนอนยังไม่ตื่น จึงเข้าไปในห้องนอนดูสักหน่อย ถึงได้พบว่าห้องนอนถูกล็อค เมื่อหากุญแจพบและไขประตูห้องได้แล้ว ถึงได้เห็นคุณท่านนอนอยู่ที่พื้น ไอออกมาเป็นเลือด ลมหายใจแผ่วเบา….ผมจึงรีบเรียกรถพยาบาล….”
ลุงเฝิงใจเย็นสงบสติอารมณ์ไว้ แต่ในเวลานี้กลับยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นกว่าเดิม น้ำตาไหลอยู่ในดวงตาของเขา
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามกลับ “เย่ซิงหรงอยู่ไหน?”
“เธอ…เธอเอายาจีนให้คุณท่านเมื่อตอนเที่ยง หลังจากลงมาก็บอกว่าจะออกไปทำธุระข้างนอก” ลุงเฝิงพูดด้วยเสียงสั่นเทา “ตอนนี้ยังติดต่อเธอไม่ได้…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้างๆ ได้ฟังที่เขาพูด ในใจทรุดฮวบ ความรู้สึกไม่สบายใจทวีความรุนแรงมากขึ้น
ตอนนี้เธอคาดเดาอะไรออกแล้ว
หน้าผากเผยลี่เชินเต็มไปด้วยเส้นเขียวขล้ำ พูดเสียงขรึม “ส่งคนไปตามหา! รีบไป!”
ลุงเฝิงรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว รีบให้ลูกน้องออกไปตามสืบ
เผยลี่เชินยังไม่หยุดสั่งการ รีบกำชับให้ฉีเฟิงให้เขาพาคนไปที่บ้านเก่าเพื่อตรวจสอบทันที
เรื่องที่ต้องสั่งก็สั่งหมดแล้ว แต่ไฟแดงที่ห้องฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ เผยลี่เชินเดินวนไปวนมาด้วยความกระวนกระวายใจ
แม้ว่าเขากับชายชราจะไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมตามประสาพ่อลูก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ชายชราก็คือพ่อแท้ๆ ของเขา คือญาติสนิทของเขา เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องใดๆ กับชายชรา
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์จุกอัดอยู่บริเวณลำคอ มองจอแสดงการใช้เวลาที่ด้านนอกห้องผ่าตัด เธอเองก็รู้สึกวิตกกังวลเป็นห่วงเช่นกัน
คุณท่านเผยเองทำงานหนักมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคน้อยใหญ่ต่างก็ฝ่าฟันมานับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าชายชราจะสามารถผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปอย่างราบรื่น
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อก่อนเธอรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับเผยลี่เชินว่าจะช่วยเขาสืบเรื่องของเย่ซิวหรง แต่คิดไม่ถึงพวกเขายังไม่ทันได้ความคืบหน้าอะไร เย่ซิวหรงกลับลงมืออย่างอาจหาญ!
ทันใดนั้นไฟแดงที่ด้านนอกห้องฉุกเฉินเปลี่ยนเป็นสีเขียว ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว หมอรีบเดินออกจากด้านในด้วยสีหน้าที่ไม่ดี
“คุณหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”
เผยลี่เชินก้าวไปข้างหน้ารีบถาม
หมอเงยหน้าขึ้นมองเผยลี่เชินนิ่งไปสักครู่แล้วส่ายหน้าพูดว่า “พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว คนไข้ไปสบายแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วย”
ขณะพูดเขาก้าวเท้าเดินจากไป
สีหน้าของเผยลี่เชินเปลี่ยนไปทันที เขายื่นมือขวางทางหมอไว้ ถามซ้ำเพราะความไม่เชื่อ “หมอพูดว่าอะไร?”
หมอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอโทษด้วย พวกเราทำเต็มที่แล้ว”
เผยลี่เชินได้ยินถึงกับกำหมัดแน่นพร้อมที่จะปล่อยออกไปได้ทุกเมื่อ ราวกับอีกหนึ่งวินาทีจะชกคู่ต่อสู้ ดวงตาเขาเป็นสีแดง ลมหายใจกระจายไปทั่วร่างกายจนทำให้คนถึงกับหนาวสั่นได้
ลุงเฝิงที่อยู่ข้างๆ ก้าวเดินมาข้างหน้า ดึงมือของเผยลี่เชินไว้ “คุณชาย….”
หมอส่ายหน้ามองเผยลี่เชินครั้งหนึ่งแล้วเดินจากไป
เผยลี่เชินยังคงยืนตัวแข็งที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก น้ำตาไหลออกมา แต่ไม่กล้าทำเสียงดังออกมา
ทำไมเรื่องถึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้? ชีวิตคนเรา ทำไมพูดว่าไม่ก็ไม่?
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินโซเซ ตามไปถามหมอ “หมอคะ หมอบอกสาเหตุการตายได้ไหมคะ?”
หมอขมวดคิ้ว หยุดก้าวเดิน “เขาใช้ยาจีนธาตุเย็นมานานอวัยวะสำคัญภายในต่างก็ได้รับผลกระทบ ครั้งนี้เขาใช้ยาจีนเกินขนาด รวมถึงไอเป็นเลือดออกมาไม่มีใครพบเห็น และมาส่งโรงพยาบาลช้าไป ดังนั้น…”
คำพูดที่เหลือหมอไม่ได้พูดออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าใจได้
แน่นอนว่ายาจีนที่เย่ซิวหรงเป็นคนจัดให้ชายชราดื่มทุกวันนั้นต้องมีปัญหา! ไม่เช่นนั้นทุกครั้งที่เขาดื่มยาไม่เพียงแต่ไม่หาย แต่ยังทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น!
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากยืนอยู่ที่เดิม มองดูหมอเดินจากไปแต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ
เรื่องมาถึงขนาดนี้แม้จะไม่ต้องตรวจสอบ เธอก็พอเดาออกว่าใครคือฆาตกร!
นอกจากเย่ซิวหรงแล้ว ไม่สามารถเป็นคนอื่นได้!
เธอให้ชายชราดื่มยาจีนนี้มานานมาก แต่อาการป่วยของชายชรากลับแย่ลงทุกวัน ตอนนี้ให้ชายชราดื่มยาจีนนี้เกินขนาด ล็อกประตูห้อง แล้วตัวเองก็หนีไป
ฉีเฟิงมาถึงอย่างรวดเร็ว รายงานสถานการณ์ให้เผยลี่เชินรับทราบ “ประธานเผย สืบได้ความแล้วครับ สายโทรศัพท์ในห้องนอนของคุณท่านถูกตัดขาด หน้าต่างก็ปิดสนิท ไม่มีทางติดต่อกับคนภายนอกได้ พวกเราเข้าไปค้นที่ห้องนอนของเย่ซิวหรงแล้ว ของมีค่าเครื่องประดับหายไปหมด ยังมีอีก พวกเราไปพบยาจีนอยู่ในห้องครัว รวบรวมนำไปตรวจสอบแล้ว ไม่นานคงจะทราบผล ผมส่งคนไปสองคนเพื่อตามหาหมออันแล้ว”
เบาะแสทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยว่าฆาตกรคือ—-เย่ซิวหรง!
สีหน้าเผยลี่เชินเคร่งเครียด ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหนอยู่นาน
“ประธานเผย ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรต่อ?”
“ส่งคนของเราไปสืบ สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง สนามบินทุกที่สืบให้หมด! แล้วรีบกลับมารายงาน ขอความช่วยเหลือจากตำรวจก็ได้ ไม่ว่าต้องพลิกทั้งเมืองไห่เฉิงก็ต้องหาเย่ซิวหรงให้พบ!”
“ครับ!”
ฉีเฟิงไม่รอช้า รีบไปดำเนินการ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ข้าง สั่นไปทั้งตัว เธอไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเผยลี่เชินมาก่อน ยิ่งคาดไม่ถึงเรื่องชายชราพูดว่าไม่ก็คือไม่
ทันใดนั้นประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พยาบาลสองสามคนเข็นเปลหามออกมาคนที่นอนอยู่บนเตียงถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้
ลุงเฝิงที่อยู่ข้างๆ เห็นฉากนี้ หยุดนิ่งน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง “คุณ…คุณท่าน!”
เผยลี่เชินเงยหน้า เห็นรถเปลเข็นออกมาอย่างช้าๆ สายตาของเขาเป็นสีแดงน่ากลัว
เขาก้าวเท้าเดินไปด้วยขาสั่นคลอน ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัว แต่ยังคงเดินก้าวไปข้างหน้า
เมื่อเห็นชายชราถูกผ้าคลุมปิดตาไว้ มีเพียงร่างที่บวมขึ้น เผยลี่เชินไม่คิดเปิดผ้าคลุมออก
พยาบาลเข็นเปลไปหยุดอยู่ที่ห้องว่างถัดไป ให้เวลาญาติได้ดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามเผยลี่เชินเข้าไปข้างในห้อง ด้วยหัวใจที่ขมขื่นเจ็บปวดยิ่งนัก
รอจนเผยลี่เชินเปิดผ้าคลุมหน้าออก เห็นใบหน้าอันขาวซีด ไม่ปรากฏสีเลือดบนใบหน้าเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดมองสองวินาที แล้วรีบละสายตาอย่างรวดเร็ว เธอสะอื้นไห้ ไม่ได้ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา
ชายชราปฏิบัติต่อเธอไม่เลว เมื่อไม่กี่วันก่อนยังพบหน้าพูดคุยกัน มาตอนนี้กลับต้องมาพบเธอด้วยสภาพเช่นนี้ เธอไม่สามารถยอมรับได้
เธอวิ่งออกไปจากห้อง รู้สึกเหมือนถูกกดทับจนหายใจไม่ออก