ตอนที่ 460 ตัดขาสองข้าง
เช้าตรู่วันต่อมา สื่อทุกสำนักในเมืองไห่เฉิงได้รับรูปถ่ายของพินัยกรรมที่คุณท่านเผยได้ร่างไว้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ข่าวเรื่องพินัยกรรมของตระกูลเผยถูกถ่ายทอดแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเผยอี้ตื่นขึ้นมาเห็นข่าวเช่นนี้ เขาโมโหจนแทบจะระเบิด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคุณท่านเผยทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ อีกทั้งแบ่งมรดกให้เขาเพียงแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น! จำนวนนี้ช่างต่างกับที่เขาคาดหมายไว้เสียจริง ทำไมถึงต่างกันได้ขนาดนี้!
ไม่ว่าคุณท่านเผยจะเห็นดีเห็นชอบให้ความสำคัญกับเผยลี่เชินเพียงไหน แต่เรื่องมรดกก็ควรจะแบ่งให้เท่ากัน คิดไม่ถึงเลยว่า….
เผยอี้นั่งอยู่บนเตียง กำหมัดแน่น โกรธจนบ่นพึมพำออกมา ลุกขึ้นไปห้องน้ำด้วยท่าทีหงุดหงิด
ที่แท้ในใจของคุณท่านก็ลำเอียงมาตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเขาจะคอยดูแลคุณท่านตอนอยู่ที่บ้านมากมายเพียงไหน ไม่ว่าแม่ของเขาจะทุ่มเทพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาเพียงใด แต่สุดท้าย ทุกอย่างกลับสูญเปล่า!
เผยอี้ยิ่งคิดยิ่งแค้น เขวี้ยงแปรงสีฟันในมือจนกระเด็นไปอีกด้านนั้น จากนั้นรีบล้างหน้าและเดินออกไป
เมื่อกลับไปที่ห้องนอน มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น เผยอี้เปิดหน้าจอดู กดรับสายทันที
“ฮัลโหล?”
เสียงของคู่สายฟังดูร้อนใจ “รองประธานเผย เกิดเรื่องแล้วครับ!”
เผยอี้พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “ก็แค่เรื่องพินัยกรรมไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นแล้ว!”
ผู้ช่วยของเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ครับ! เรื่องแม่ของคุณ….”
“ว่าไงนะ?” เผยอี้สีหน้านิ่งไปทันที เขารีบถามต่อ “แม่เป็นอะไร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน!”
“หล่อน…ตอนนี้หล่อนน่าจะอยู่ที่สถานีตำรวจใจกลางเมือง เมื่อครู่ผมได้รับข้อความจากเพื่อนวงใน บอกว่าเพื่อนร่วมงานกะเช้าของพวกเขาเห็นแม่ของคุณล้มลงไปที่หน้าประตูสถานีตำรวจ….ขาทั้งสองขาขาด”
สีหน้าของเผยอี้ซึม ย้อนถามด้วยความไม่เชื่อ “นี่เรื่องอะไรกัน!”
ผู้ช่วยของเขาลังเลที่จะพูด “อาการไม่สู้ดีนัก ผมว่าคุณไปหาท่านที่สถานีตำรวจด้วยตัวเองดีกว่าครับ”
เผยอี้ได้ยินเช่นนั้น ไม่พูดอะไรต่อ รีบตัดสายทันที หยิบเสื้อคลุม เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขารีบตามไปที่สถานีตำรวจกลางเมืองทันที เผยอี้ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปก็ถูกกันไวเสียก่อน “ขอโทษครับ คุณมาทีนี่เพื่อ…..”
“แม่ผมล่ะ!” ตาทั้งสองข้างของเผยอี้แดงฉาด มองหาด้วยความกระวนกระวายใจ สุดท้ายสายตาของเขาหันไปหยุดอยู่ที่ตำรวจทั้งสองที่ขวางทางตนไว้ “แม่ของผม เย่หรงชิว ตอนนี้แม่อยู่ไหน! ผมต้องพบหล่อน!”
ตำรวจนายหนึ่งพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ขอโทษครับ ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบคดี ยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ครับ”
“ผมไม่สน! ผมต้องเจอแม่! พวกนายอย่ามาขวาง! ”
เผยอี้โกรธจนสติหลุด เขายื่นมือออกมาจะผลักตำรวจออก แต่ตำรวจที่อยู่ระแวกนั้นกลับพากันวิ่งเข้ามา ขวางเขาไว้เป็นกำแพงกั้น
ตำรวจพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ขอโทษนะครับ ช่วยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยครับ ถ้าผลการสืบสวนออกมาแล้ว จึงจะอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้!”
เผยอี้ควบคุมความโกรธของตัวเองไว้ กำหมัดแน่น กัดฟัน รู้สึกหมดหนทาง
ในตอนนี้ เขาไม่สามารถตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้เองได้ หากเขายังขืนหนีเข้าไป ก็คงไม่มีโอกาส!
เผยอี้พึมพำถามขึ้น “งั้นพวกนายบอกมา ตอนนี้แม่ผมเป็นยังไงบ้าง? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับขาของแม่?”
ตำรวจที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอโทษนะครับ ยังไงคุณรอประกาศอย่างเป็นทางการดีกว่านะครับ”
เผยอี้ได้ยินเช่นนั้น โกรธจนฉวัดเฉวียง พูดอะไรไม่ออก ว่าไปแล้ว คงมีคำสั่งมาที่สถานีตำรวจก่อนหน้านี้แล้ว ถึงเขาจะมาที่ก็ไปหาแม่ไม่ได้อยู่ดี
เมื่อย้อนนึกถึงคำพูดที่ผู้ช่วยพูดขึ้น อีกทั้งพวกเขาขวางไม่ให้เขาไปพบแม่ ตอนนั้นเขาทั้งโกรธทั้งหมดหนทาง
เขาไม่เชื่อเรื่องที่แม่เข้าไปเกี่ยวข้องบงการการเสียชีวิตของคุณท่านเผย ส่วนคลิปวิดีโอที่แม่แย่งพินัยกรรมส่งต่อกันอย่างสะพัดในอินเทอร์เน็ต เขาเข้าใจดีว่าแม่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า แม่จะถูกจับอย่างกะทันหันแบบนี้ และขาทั้งสองขาก็โดนตัด อีกอย่างพินัยกรรมถูกนำมาเปิดโปงเมื่อเช้านี้ เรื่องราวทั้งหมดนี้ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน!
ต้องเป็นเผยลี่เชินไม่ใช่ใครอื่น! เรื่องทั้งหมดนี้ต้องเป็นแผนการของเขาแน่นอน!
เผยอี้โกรธจนกัดฟันกรามแน่น จากนั้นรีบเดินหันหลังออกไปที่ประตูสถานีตำรวจ โทรศัพท์หาผู้ช่วย พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม “ไปสืบมา ว่าตอนนี้เผยลี่เชินอยู่ที่ไหน!”
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องผู้ป่วยVIP เผยลี่เชินนั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ สีหน้าอิดโรยเล็กน้อย
เขาเฝ้าไป๋เสว่เอ๋อร์มาตลอดทั้งคืน หากเขาง่วงจนทนไม่ไหวจึงจะยอมงีบ แต่นอกนั้นเขาตื่นเฝ้าดูหล่อนตลอด
แต่เขาก็เป็นคน ไม่ใช่เหล็กกล้าอะไร ร่างกายคงต้านทานไม่ไหว
“ปั้งๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เผยลี่เชินหันไป เห็นประตูห้องคนไข้ถูกผลักออก ฉีเฟิงยืนอยู่หน้าประตู “ประธานเผย ผมซื้ออาหารเช้ามาครับ”
เผยลี่เชินลุกขึ้น เดินไปที่ประตู ยังไม่ทันได้พูดอะไร สีหน้าของฉีเฟิงก็เปลี่ยนไปทันที
เขาขมวดคิ้วถามขึ้น “เป็นอะไร?”
ฉีเฟิงอึกอัก “คุณอดนอนมาทั้งคืนเลยใช่ไหมครับ? ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป…”
ไม่รีรอให้เขาพูดจบ เผยลี่เชินก็พูดขึ้น “เดี๋ยวฉันไปล้างหน้าล้างตา นายช่วยฉันเฝ้าไปก่อนนะ”
ตอนนี้ปล่อยให้ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ลำพังไม่ได้ ถ้าตอนที่เขาหลับหรือไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นมา เขาคงไม่มีทางที่จะให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
ฉีเฟิงได้ยินเช่นนั้น จึงหยุดพูดในสิ่งที่กำลังจะพูดต่อ มองดูเผยลี่เชินเดินออกไป และหันกลับมามองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่บนเตียงคนไข้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่พึมพำขึ้น “ตื่นมาเร็วๆเถอะครับ ถ้าคุณยังไม่ตื่นผมเกรงว่าประธานเผยอาจจะล้มป่วยป่วยไปด้วยอีกคน….”
“พี่เฟิง พี่คิดว่าเราจะต้องเฝ้าแบบนี้ไปตลอดเลยจริงเหรอ? นี่จะต้องเฝ้าไปถึงเมื่อไหร่กัน!” ลูกน้องที่นั่งกินซาลาเปาด้านข้างบ่นขึ้น
สีหน้าของฉีเฟิงนิ่งขรึม “ให้นายเฝ้าก็เฝ้า ประธานเผยก็เฝ้าอยู่ที่นี่เช่นกันไม่ใช่หรือไง?”
เมื่อลูกน้องคนนั้นได้ยิน ยิ้มเจื่อน พยักหน้าลง “ก็จริงนะ”
ทั้งสองพูดคุยโต้เถียงกันไปมา จู่ๆก็มีเสียงคนเดินมาอย่างเร่งรีบที่โถงทางเดิน จากนั้น มีเสียงของผู้ชายตะโกนขึ้นด้วยท่าทีโมโห “เผยลี่เชิน!”
ฉีเฟิงได้ยินเช่นนั้น ลุกขึ้นยืนตรงทันที เขาหันหน้าออกไปมอง เมื่อเห็นเผยอี้ตรงปรี่เข้ามาด้วยท่าทีโมโหสุดขีด เขาตกใจเกร็งทันที เดินตรงเข้าไป “รองประธานเผย ทำไมคุณ….”
“ออกไป!”
สีน่าของเผยอี้เคร่งขรึม ยื่นมือผลักฉีเฟิงออก จากนั้นเดินเข้าไปในห้องคนไข้ทันที “เผยลี่เชิน นายออกมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อลูกน้องที่เพิ่งกินซาลาเปาเสร็จเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น จึงรีบเข้าไปขวางประตู ฉีเฟิงเพิ่งจะทรงตัวได้ รีบวิ่งตามไปทันที
“รองประธานเผย ตอนนี้ประธานเผยไม่อยู่ด้านใน กรุณาคุณรอด้านนอกก่อนนะครับ…”
ฉีเฟิงยังพูดไม่ทันจบ คอเสื้อของเขาถูกกระชากขึ้น เผยอี้จ้องหน้าเขาตาแดงเขม็ง “ฉันบอกให้นายออกไปไง!”
เขาพูดพลาง ผลักฉีเฟิงเซไปอีกข้าง
ฉีเฟิงขมวดคิ้วขึ้น ยืนอยู่ที่เดิม พูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ประธานเผยไม่อยู่ในห้องคนไข้ คุณห้ามเข้าไปเด็ดขาด”
คำพูดของฉีเฟิงทำให้เผยอี้โกรธมากขึ้น เขาโมโหจนกระชากคอเสื้อฉีเฟิงอย่างเต็มแรง “ฉันจะเข้าไป!”
เขายังพูดไม่ทันบ ทันใดนั้นมีเสียงเคร่งขรึมดังขึ้นมาจากด้านข้าง “บังอาจ