ตอนที่ 462 ไป๋เสว่เอ๋อร์ฟื้นแล้ว
เมื่อเผยลี่เชินที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินเช่นนั้น สายตาเป็นประกายขึ้นมาทันที รีบเดินเข้าไปในห้อง
เจียงหวั่นหวั่นกับกู้หลี่เหลียงหันมาสบตากัน รีบเดินตามเข้าไปในห้องคนไข้
เผยลี่เชินยืนอยู่ที่ประตู เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นมา ตนอนนั้นใจของเขาเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา
หล่อน…ฟื้นแล้วจริงๆ!
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวเล็กน้อย แต่รู้สึกเหมือนมีก้อนหินกดทับอยู่ทั้งตัว ทั้งหนักทั้งแข็ง
“เจ๋อน้อย…”
หล่อนขยับปากเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนแรง
เจ๋อน้อยจับมือหล่อนไว้แน่น ทั้งดีใจทั้งตื่นตกใจ และก็กลัวว่าจะไปทำให้หล่อนเจ็บ ค่อยๆถามขึ้น “คุณแม่…แม่หายแล้วยังครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สะอื้น พูดอะไรไม่ออก
สองสามวันที่ผ่านมานี้ หล่อนราวกับตกอยู่ในห้องของความฝันที่ยาวนาน อยากจะตื่นแต่กลับตื่นไม่ได้ เมื่อหล่อนลืมตาขึ้นมาเห็นเจ๋อน้อยเป็นคนแรก หล่อนก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่หยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียง จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “ไป๋เสว่เอ๋อร์!”
สายตาคู่นั้นที่มองตรงมายังเผยลี่เชิน สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่ซับซ้อนไปหมด น้ำตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ไหลรินลงมา
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดูไม่เหมือนเมื่อก่อน ใบหน้าของเขาดูซูบผอมลงไป หนวดเคราที่คางของเขารกเต็มไปหมด ใต้ตาดำคล้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนให้เขาในสภาพอิดโรยเยี่ยงนี้
ไม่รีรอให้หล่อนพูดอะไร เผยลี่เชินก็เดินเข้ามา ยื่นมือไปจับมือของหล่อนไว้
ทั้งสองใกล้กันมากขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หล่อนคงจะลังเล คิดมาก ครุ่นคิดไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง แต่เมื่อผ่านเรื่องราวมากมายมาขนาดนี้แล้ว หล่อนรู้แล้วว่าในใจหล่อนยังมีเผยลี่เชิน และเข้าใจดีว่ายังรักเขามาตลอด
เผยลี่เชินก้มหน้าลงมา ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ปากของเขาสั่นเล็กน้อย ท้ายสุดจึงพูดขึ้น “ผมเคยบอกไว้ว่า ผมจะไม่มีทางจากคุณไปไหน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พลิกมือจับมือเขา พูดด้วยความซาบซึ้ง “วางใจได้นะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ไปไหนอีก”
“เสว่เอ๋อ!” เจียงหวั่นหวั่นรีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ฟื้นแล้ว ตาของหล่อนแดงขึ้นทันที “เธอ…ในที่สุดเธอก็ฟื้นแล้ว! ฉันยังคิดว่าเธอจะ…”
พูดมาครึ่งหนึ่ง เจียงหวั่นหวั่นก็พูดอะไรต่อไม่ออก
ไป๋เสว่เอ๋อร์กวาดสายตามองไปรอบๆ มีเผยลี่เชินที่นั่งอยู่ข้างเตียง รวมถึงห้าวเจ๋อน้อยและเจียงหวั่นหวั่น หล่อนรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก ผ่านเรื่องเลวร้ายมาขนาดนี้ ราวกับตกนรกมาแล้วหนึ่งรอบ หล่อนรู้สึกซาบซึ้งใจและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนเหล่านี้คอยอยู่เคียงข้าง
เมื่อเห็นเจียงหวั่นหวั่นที่ร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออก ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งขำทั้งเอ็นดู “อย่าร้องไห้ไปเลย ฉันฟื้นมาแล้วนี่ไงล่ะ”
“นั่นสิ! นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดี! ร้องไห้ทำไมกัน!” กู้หลี่เหลียงเดินเข้ามา ยกมือลูบหัวเจียงหวั่นหวั่น พูดบ่น “เหมือนเด็กโง่!”
เจียงหวั่นหวั่นโกรธจนจ้องเขาตาเป็นเขม็ง “ไอ้บ้า!”
เวลานั้น ทั้งห้องคนไข้ครึกครื้นขึ้นมาทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูทุกคนที่อยู่รอบข้าง รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานนัก คุณหมอและพยาบาลก็เข้ามา เพื่อตรวจดูอาการให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ เมื่อคุณหมอกลับออกไป เผยลี่เชินนั่งอยู่ข้างเตียงจับมือไป๋เสว่เอ๋อร์ไว้ไม่ยอมปล่อย
ห้าวเจ๋อน้อยที่พยายามเบียดเข้ามาอยู่นานยังเบียดเข้ามาใกล้ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้ จนเขาเบ้ปากไม่พอใจ “คุณอาข้าวโอ๊ต ผมขอแม่ผมคืนได้ไหมครับ?”
เผยลี่เชินได้ยินเช่นนั้น ยิ้มให้เขา เงยหน้ามองไปที่กู้หลี่เหลียง “ให้คุณอากู้กับคุณน้าหวั่นหวั่นพาหนูออกไปเล่นข้างนอกก่อนนะ อามีเรื่องจะคุยกับแม่หนู”
ห้าวเจ๋อน้อยปฏิเสธด้วยความไม่พอใจ แต่กู้หลี่เหลียงที่ได้รับสัญญาณบอกเป็นนัยจากเผยลี่เชินก็เดินเข้ามา อุ้มเจ๋อน้อยออกไปทันที “ใช่ๆๆๆ เจ๋อน้อย พวกเราออกไปเล่นกันเถอะ เดี๋ยวเราค่อยกลับมาเยี่ยมแม่กัน!”
ไม่สนใจว่าห้าวเจ๋อน้อยจะงองแงงขนาดไหน กู้หลี่เหลียงหันไปหาเจียงหวั่นหวั่น สายตาดู พูดขึ้นด้วยเสียงขรึม “ยังไปไม่อีก! อยากอยู่เป็นก้างหรือไง?”
เจียงหวั่นหวั่นจึงจะตื่นตัวขึ้นมา กระแอมขึ้น รับเจ๋อน้อยมาจากกู้หลี่เหลียง จูงเขาออกจากห้องคนไข้ไป เมื่อพวกเขาออกไป ภายในห้องคนไข้สงบลงทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งโกรธทั้งขำ ยิ้มขึ้นหยอกเขา “คุณทำอะไรน่ะ…”
“ชู่ อย่าเพิ่งพูดอะไร” สีหน้าของเผยลี่เชินพูดขึ้นอย่างจริงจัง ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หล่อน “ให้ผมดูคุณดีก่อนๆนะ”
ช่วงที่ผ่านมานี้ เขาเฝ้าหล่อนหามรุ่งหามค่ำ เป็นห่วงหล่อนตลอดเวลา ในขณะที่เขากำลังคิดว่าหล่อนไม่ตื่นมาแล้ว ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างทำให้หล่อนฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ความรู้สึกเสียไปแล้วได้กลับมาเช่นนี้ช่างเป็นความรู้สึกที่มีค่าและมิอาจลืมเลือนได้ ผิดกับความฝัน ที่จะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อตื่นขึ้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้นมาจับคางเขา ยิ้มและพูดขึ้น “หนวดเครายาวแล้วนะ”
เผยลี่เชินพลิกมือจับมือหล่อนขึ้นมาจูบ พูดกระซิบขึ้น “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณทำให้ผมเกิดความรู้สึกกลัว ผมกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน ผมกลัวว่าคุณจะจากไป กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
จู่ๆผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็พูดความในใจมาเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งชะงักไป รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
หล่อนเข้าใจดีว่า เส้นทางชีวิตระหว่างหล่อนกับเผยลี่เชิน ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมาย การได้มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ
เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้นมองหล่อนด้วยสีหน้าจริงจัง “สัญญากับผมนะ จากนนี้เป็นต้นไปเราจะอยู่ด้วยกัน ห้ามจากกันไปไหน อยู่ด้วยกันสามคนครอบครัวอบอุ่น”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น น้ำตารินไหลออกมาทันที หล่อนสูดหายใจเฮือกใหญ่ พยักหน้าลง พูดต่อ “โอเคค่ะ ฉันสัญญา”
ทันใดนั้น หล่อนก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “เย่หรงชิว…”
สีหน้าของเผยลี่เชินเย็นชาขึ้นทันที “สบายใจได้ จับได้แล้วและส่งให้ตำรวจเรียบร้อยแล้ว พินัยกรรมของคุณท่านเผยผมดปิดเผยให้สาธารณะได้รับทราบ ตอนนี้สถานการณ์ที่บริษัทสงบลงแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วง รอให้แผลของคุณหายดีก่อน ผมจะพาคุณกับห้าวเจ๋อน้อยไปจากที่นี่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจตะลึง ถามขึ้น “ไปไหน?”
สายตาของเผยลี่เชินเปลี่ยนไปทันที พูดขึ้น “ก่อนหน้านี้คุณอยากจะหนีออกไปจากเมืองไห่เฉิงตลอดไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้ผมจะพาคุณไป ที่เซียงหนานก็ดี ที่อื่นก็ได้ ขอเพียงแค่ครอบครัวพวกเราสามคนอยู่ด้วยกัน ไปที่ไหนก็ได้”
“แล้วบริษัทตระกูลเผยล่ะ…”
เผยลี่เชินยิ้ม ยกมือลูบหัวของหล่อน พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “อย่าคิดมากไปเลย ผมเตรียมการไว้แล้ว”
ในขณะเดียวกัน ที่สวนหน้าโรงพยาบาล กู้หลี่เหลียงซื้อของเล่นที่ร้านแผงลอยแถวนั้นมาเต็มไปหมด ทั้งรูปวาด เครื่องเป่าฟองสบู่ และอีกหลายๆอย่าง ยื่นให้เขา “เจ๋อน้อยเป็นเด็กดีนะ หนูเล่นตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเราค่อยกลับไปหาแม่หนูกัน”
เจ๋อน้อยยกมือกอดอก โกรธจนบ่นพึมพำ “หนูจะหาแม่!”
กู้หลี่เหลียงไม่รู้จะทำยังไงต่อ จึงหันไปหาเจียงหวั่นหวั่นที่อยู่ด้านข้าง ขอให้หล่อนช่วย “เจียงหวั่นหวั่น คุณมาปลอบเขาเร็ว”
เจียงหวั่นหวั่นเหลือบตามองบนใส่เขา พูดเสียงเย็นชา “ทำไมฉันต้องช่วยคุณด้วย? ฉันก็โกรธเหมือนกัน!”
กู้หลี่เหลียงยืนมองดูทั้งสองที่โกรธโมโห คิดไม่ออกเลยจริงๆว่าต้องทำยังไงต่อ
เขาขมวดคิ้ว เดินเข้าไปคุยกับเจียงหวั่นหวั่น “ผมว่านะ คุณโตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กๆอีก?”
เจียงหวั่นหวั่นเหลือบตามองเขา ฮึดฮัด ไม่พูดอะไร
กู้หลี่เหลียงไม่รู้จะทำยังไงจึงยกมือดึงชายเสื้อของหล่อน พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “โอเคนะ อย่าโกรธไปเลย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งฟื้นขึ้นมา คุณก็ยังอยากจะเป็นก้างขวางคอ ไม่ดูอะไรเลย!”
เจียงหวั่นหวั่นได้ยินเช่นนั้น ขมวดคิ้วขึ้น สิ่งที่เขาพูดไม่ได้ทำให้หล่อนหายโกรธแต่กลับทำให้โกรธมากขึ้น “คุณว่าใครไม่ดู ไม่รู้เรื่อง?”
กู้หลี่เหลียงเดินเข้าไปใกล้ จ้องไปที่หน้าหล่อน “คุณน่ะ! ไม่ได้เพียงไม่ดูเหตุการณ์ ทั้งยังตาบอดอีกด้วย”
เมื่อหล่อนได้ยินเช่นนั้น หน้าแดงโกรธขึ้นมาทันที หล่อนชี้ไปที่หน้าของฝ่ายชาย “คุณ…นี่คุณอะไรกับฉันนักหนา กู้หลี่เหลียง!”
หล่อนเพิ่งจะยื่นมือออกมา กู้หลี่เหลียงก็ยกมือขึ้นกันหล่อนไว้ เขาเดินใกล้เข้ามา กดหล่อนพิงไปกับเสาหิน ค่อยๆพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถ้าคุณไม่ได้ตาบอด แล้วทำไมถึงดูไม่ออกว่าผมชอบคุณ?