บทที่14 โล่เฟยเอ๋อนัดซูซีมู่
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อโทรศัพท์หาซูซีมู่ ซูซีมู่ยังอยู่ระหว่างทางกำลังไปบริษัท
เห็นหมายเลขแปลกๆบนโทรศัพท์ เขายกคิ้วขึ้น แล้วกดรับ แต่ไม่ได้เปิดปากพูด
ประมาณสามสี่วินาที เสียงของโล่เฟยเอ๋อก็ส่งเสียงมา “สวัสดีค่ะ ประธานซู ฉันโล่เฟยเอ๋อนะคะ”
ได้ยินเสียงของโล่เฟยเอ๋อ ปฏิกิริยาแรกของซูซีมู่คือการกวาดสายตาไปที่โจวเฉิงที่นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ
แม้แต่ทนายยังไม่มีสิทธิ์ให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาให้กับใครเลย แต่เขากล้ามาก!
โจวเฉิงรู้สึกถึงพายุเฮอริเคนที่เย็นชาจากทางด้านหลัง หลังจากแอบมองซูซีมู่ที่กระจกมองหลัง ก็ได้รับสายตาที่เย็นชาของซูซีมู่ โจวเฉิงก็หนาวสั่น
จากนั้นก็ย่นคอ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป
ซูซีมู่ ละสายตา ตอบด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ผมเอง”
หลังจากได้รับคำตอบของซูซีมู่กลับมา โล่เฟยเอ๋อก็พูดต่อว่า “คุณซูคะ ที่ฉันโทรศัพท์มาหาคุณ ฉันอยากจะขอบคุณคุณ ที่คุณช่วยฉันครั้งแล้วครั้งเล่า”
คิ้วของซูซีมู่ขมวดเล็กน้อย ที่แท้เธอก็อยากจะขอบคุณเขา! ถึงแม้ว่าเธอจะขอบคุณเขาอย่างที่คาดไว้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของซูซีมู่รู้สึกเหมือนถูกปิดกั้น
ซูซีมู่กำลังจะพูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่เสียงของโล่เฟยเอ๋อก็พูดกลับมาอีก
“เอ่อ… เย็นวันนี้คุณซูว่างไหมคะ? ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณค่ะ”
คิ้วของซูซีมู่ยกขึ้น กำลังเตรียมจะปฏิเสธ โล่เฟยเอ๋อพูดอีกครั้ง “ฉันร็ว่าคุณค่อนข้างยุ่ง ถ้าเกิดว่าเย็นวันนี้คุณไม่ว่าง งั้นคุณดูวันไหนที่ว่าง……”
โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ตอบกลับมาเบาๆว่า ‘ครับ’
“คุณชอบกินอะไรคะ? อาหารตะวันตก อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น หรือว่าอย่างอื่นคะ?” น้ำเสียงของโล่เฟยเอ๋อคล่องมากอย่างเห็นได้ชัด
มีความสุขขนาดนี้เลยเหรอ? มุมปากของซูซีมู่ยกขึ้นเบาๆ ถ้าไม่ได้ดูอย่างใกล้ชิด จะไม่พบว่า “อาหารจีน”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปสองสามวินาที แล้วก็ถามว่า “โรงแรมเมืองAได้ไหมคะ?”
ซูซีมู่ ‘อือ’ ไปเบาๆหนึ่งคำ ก็ถือว่าตอบแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นพบกันที่โรงแรมเมืองAหนึ่งทุ่มนะคะ”
“ครับ” ซูซีมู่ทิ้งท้าย แล้ววางสายโทรศัพท์โดยตรง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ซูซีมู่ก็เอนหลังพิงเบาะ นึกถึงเนื้อหาที่พึ่งสนทนากับโล่เฟยเอ๋อ มุมปากก็ค่อยๆยกขึ้นอีกครั้ง
“ประธานซู?ครับ ประธานซู? ครับ” โจวเฉิงเรียก ซูซีมู่หลายครั้งด้วยความระมัดระวัง
“มีอะไร?” เมื่อความคิดของเขาถูกขัดจังหวะ ซูซีมู่ไม่พอใจมาก น้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
โจวเฉิงพูดสั่นๆว่า “ถึงแล้วครับ ประธานซู……”
ดวงตาของซูซีมู่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ หลังจากนั้นก็เปิดประตูรถแล้วลงรถไป
โจวเฉิงลูบจมูก แล้วรีบลงรถตามไปอย่างรวดเร็ว
ห้าโมงครึ่ง ได้เวลาเลิกงานแล้ว โล่เฟยเอ๋อรีบเก็บของบนโต๊ะทำงาน หลังจากนั้นก็รีบไปที่ลิฟต์พร้อมกับกระเป๋า
ตอนที่เธอวิ่งไปที่หน้าลิฟต์ ลิฟต์ก็ปิดประตูลงพอดี โล่เฟยเอ๋อรีบกดปุ่มเปิดปิด หลังจากนั้นก็เห็นถังหซิวฉียืนอยู่ข้างใน
ใบหน้าของถังหซิวฉีแต่งหน้าด้วยความประณีต สวมกระโปรงรัดรูปสีแดงที่แทบจะปิดสะโพกไม่มิด ขาทั้งสองข้างสวมถุงน่องบางๆ ในช่วงต้นฤดูหนาวนี้ มันดูสวยจริงๆ
มองดูโล่เฟยเอ๋อ ถังหซิวฉียกมุมเบาๆพูดว่า “เธอดูรีบแบบนี้ รีบไปเดทเหรอ? อ๋อ…. ฉันลืมไป เธอไม่ได้มีคนที่ชอบ จะมีเดทได้ยังไง?”
สายตาของโล่เฟยเอ๋อตั้งใจมองไปทั่วตัวของถังหซิวฉี แล้วพูดว่า “จึจึ….. แล้วเธอรีบไปขายเนื้อเหรอ?”
“เธอขายแค่เนื้อนี่” ได้ฟังคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ถังหซิวฉีแทบจะเป็นบ้า
โล่เฟยเอ๋อยักไหล่ “ใครขายเนื้อ นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?”
“เธอ….” หน้าอกของถังหซิวฉีกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง สายตาที่บ้าคลั่ง อดไม่ได้ที่จะจ้องโล่เฟยเอ๋อแทบเป็นแทบตาย
ตอนนี้ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งพอดี โล่เฟยเอ๋อยิ้มบางๆไปที่ถังหซิวฉี แล้วก็ก้าวออกจากลิฟต์
หลังจากออกมาจากบริษัท โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ขึ้นรถไฟใต้ดินเหมือนปกติ แต่เรียกแท็กซี่แทน บอกที่อยู่ของโรงแรมเมืองA
ชั่วโมงเร่งด่วนตอนเลิกงาน การจราจรติดขัด บริษัทดี้ก้วนอยู่ห่างจากร้านอาหารในเมืองAค่อนข้างไกล ตอนที่โล่เฟยเอ๋อมาถึงก็หกโมงครึ่งแล้ว
ก้าวเข้าสู่ล็อบบี้ ก็มีพนักงานบริการเข้ามาตอนรับทันที “ยินดีต้อนรับค่ะ”
“สอบถามหน่อยค่ะว่ายังมีห้องส่วนตัวว่างไหมคะ?” โล่เฟยเอ๋อถามด้วยรอยยิ้ม
พนักงานบริการตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “มีค่ะ เชิญคุณผู้หญิงตามดิฉันมาเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” โล่เฟยเอ๋อขอบคุณ แล้วตามพนักงาสนรบริการขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสาม
พนักงานบริการรินชาให้โล่เฟยเอ๋อหนึ่งถ้วย หลังจากนั้นก็ถามด้วยเสียงนุ่มว่า “คุณผู้หญิงต้องการจะสั่งอาหารตอนนี้เลยไหมคะ?”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวเบาๆ “รออีกสักครู่นะคะ”
“ค่ะ” พนักงานบริการโค้งตัวอย่างสุภาพ แล้วก้าวออกจากห้อง
โล่เฟยเอ๋อกวาดตามองไปรอบๆห้อง หลังจากนั้นก็นำโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ส่งหมายเลขห้องไปให้ซูซีมู่ แล้วก็อดทนรอ
ไม่ช้าก็ถึงเวลาหนึ่งทุ่ม โล่เฟยเอ๋อเดาว่าซูซีมู่ยังคงยุ่งอยู่ ดังนั้นก็รอต่อไปอย่างอดทน
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จนถึงสองทุ่ม พนักงานบริการก็มาเคาะประตู
“คุณผู้หญิง ขอถามว่าคุณจะสั่งอาหารไหมคะ?”
โล่เฟยเอ๋อคิดได้ว่าเวลาที่นัดกับซูซีมู่ได้ผ่านไปแล้ว เธอพูดกับพนักงานบริการอย่างอายๆว่า “ขอโทษนะคะ ฉันขอโทรศัพท์หาเขาครู่หนึ่ง”
พูดจบโล่เฟยเอ๋อก็โทรศัพท์ไปหาซูซีมู่ แต่ไม่มีคนรับสาย
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว โทรไปอีกครั้ง ก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม
เธอพูดกับพนักงานบริการอย่างอายๆว่า “ขอรออีกสักครู่หนึ่งนะคะ”
“ก็ได้ค่ะ” พนักงานบริการตอบอย่างไม่เต็มใจ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา พนักงานบริการก็เข้ามาอีกครั้ง ท่าทีครั้งนี้ของเธอชัดเจนว่าไม่โอเค
“คุณผู้หญิง จะสั่งอาหารไหมคะ? ถ้าไม่สั่งอาหาร ก็ขอเชิญออกมาจากห้อง ห้องส่วนตัวของร้านอาหารเราไม่พอ คุณครองไว้อย่างนี้ จะส่งผลต่อร้านอาหารของเรานะคะ”
โล่เฟยเอ๋อยังไม่ได้ตอบคำพูดของเธอ ก็มีเสียงเย็นชาพูด “ใครที่กล้าไล่เธอไป?