บทที่ 12 สงครามเย็น
โจวเฉิงแต่เดิมคิดว่าซูซีมู่สั่งให้เขาพาโล่เฟยเอ๋อขึ้นรถเป็นพิเศษ คือจะถามโล่เฟยเอ๋อเกี่ยวกับผู้ชายที่จับมือเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่ถามถึงผู้ชายคนนั้น แต่อย่างน้อยก็น่าจะคุยกันไหม
หลังจากผ่านไปสิบนาที เขาพบว่าเขาคิดผิดแล้ว
หลังจากประธานซูของพวกเขาพูดขึ้นมาเองสองคำ ก็ไม่ได้เปิดปากทองคำพูดอีก ส่วนคุณโล่ที่กำลังมองออกไปนอกรถไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆในรถ โจวเฉิงก็ลำบากใจ
ประธานซูครับ ทำไมคุณไม่คุยกับคุณโล่ครับ
อย่างไรก็ตามซูซีมู่ไม่ได้ยินเสียงในใจของเขา และแน่นอนว่าถึงแม้ว่าเธอจะได้ยิน เธอก็คงไม่เปิดปากพูดแน่ๆ สุดท้ายแล้วซูซีมู่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเย็นชา
โจวเฉิงเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ในที่สุดก็เป็นคนเริ่มเอง “คุณผู้หญิงออกมาช็อปปิ้งเหรอครับ?”
โล่เฟยเอ๋อด็ดึงสายตาจากนอกหน้าต่างรถกลับมา แล้วพูดว่า “อย่าเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงเลยค่ะ ฉันชื่อโล่เฟยเอ๋อ คุณเรียกชื่อฉันได้เลย หรือเรียกฉันว่าเฟยเอ๋อก็ได้ค่ะ”
แต่โจวเฉิงไม่ได้กล้าเรียกโล่เฟยเอ๋อว่าเฟยเอ๋อได้ขนาดนั้น ดังนั้นเขาก็เลยเลือกที่จะเรียกโล่เฟยเอ๋อว่าคุณโล่
ได้ยินสามคำว่า ‘คุณโล่’ โล่เฟยเอ๋อเอามือก่ายหน้าผาก ขี้เกียจที่จะแก้ไขแล้ว เพียงแค่ตอบคำถามก่อนหน้านั้นของโจวเฉิง “ใช่ค่ะ ฉันออกมาช็อปปิ้ง”
โจวเฉิงมองไปที่ถุงที่อยู่ในมือของโล่เฟยเอ๋อ แล้วพูดว่า “คุณโล่มาช็อปปิ้งซื้อของน้อยจังเลยนะครับ”
“จริงเหรอคะ?” โล่เฟยเอ๋อก้มหัวมองถุงที่อยู่ในมือ แล้วยกคิ้วขึ้น
โจวเฉิงพยักหน้า “อือ ผมมีลูกพี่ลูกน้อง ทุกครั้งที่ช็อปปิ้ง พวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ถ้าไม่กี่สิบถุงเธอจะไม่หยุดช็อปครับ”
โล่เฟยเอ๋อหัวเราะแล้วตอบว่า “ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”
โล่เฟยเอ๋อก็พูดคุยกับโจวเฉิงแก้เขินไป ซูซีมู่ถึงแม้ว่าจะไม่พูด แต่ก็ฟังอยู่ตลอด
ฟังเสียงนุ่มนวลของโล่เฟยเอ๋อ ในใจหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆสงบลง
คุยกับไปสักพัก เสียงโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อก็ดังขึ้น
เธอพูดขอโทษโจวเฉิง หลังจากนั้นก็เปิดซิปกระเป๋าแล้วหาโทรศัพท์
จับไปสองสามรอบก็จับไม่ได้ เธอก็วางถุงที่อยู่ในมือวางข้างเท้าอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นก็ใช้สองมือเปิดกระเป๋าเพื่อค้นหา
หาโทรศัพท์เจอแล้วก็ กดปุ่มรับสาย
“อือ เรียบร้อยแล้ว กินข้าว? กินที่ไหน….”
ซูซีมู่มองไปที่โล่เฟยเอ๋อที่ก้มหัวลง กำลังรูดซิปกระเป๋า น้ำเสียงอ่อนโยนที่กำลังพูดคุยกับสายตรงข้าม แม้กระทั่งไม่ได้สังเกตตัวเองที่คิ้วค่อยๆขมวดขึ้นทีน้อยๆ
คนที่คุยโทรศัพท์กับเธอเป็นใคร? สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วยังกินข้าวด้วยกันอีก?
ซูซีมู่ไม่รู้เลยสักนิด ว่าเขาหึงอยู่ในใจเต็มไปหมด
โล่เฟยเอ๋อพูดมากอยู่กับสายตรงข้ามนานสิบกว่านาทีแล้ว และซูซีมู่จ้องเธอมามากกว่าสิบกว่านาทีแล้วเหมือนกัน
หลังจากโล่เฟยเอ๋อวางสายโทรศัพท์ ก็สังเกตเห็นว่าซูซีมู่กำลังมองเธอ เธอก็ถามด้วยความมึนงง “ทำไมคะ?”
ถูกโล่เฟยเอ๋อจับได้แล้ว สีหน้าของซูซีมู่ก็แสดงออกมาว่าอับอาย หลังจากนั้นก็ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ แล้วก็มองออกจานอกหน้าต่างรถด้วยความเย็นชา เหมือนว่าถ้ามองเธอมากกว่านี้ ก็จะรู้สึกไม่ดี
ดูการเคลื่อนไหวของซูซีมู่ สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อก็นิ่งแข็ง
ดวงตาของเธอมีประกายของความเจ็บปวด ร่างกายค่อยๆขยับไปทางประตูอย่างเงียบๆ
ซูซีมู่รู้สึกอารมณ์เสียที่เมื่อกี้เขาแอบมองเธอแล้วถูกเธอจับได้ ตอนนี้เมื่อสังเกตเห็นดวงตาและการเคลื่อนไหวของโล่เฟยเอ๋อ ก็มีความรู้สึกแปลกๆไหลผ่านหัวใจของเขา
เขากดมุมปากของเขาอย่างรุนแรง สายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถกลายเป็นความสับสน
ผ่านไปแล้วอีกสิบกว่านาที ตอนที่กำลังผ่านตึกอวิ๋นเหซียง โล่เฟยเอ๋อก็พูดขึ้นทันที “รบกวนจอดตรงนี้ด้วยค่ะ”
โจวเฉิงได้ยินคำพูดของเธอก็เหยียบเบรกทันที
ไม่รอให้รถหยุด โล่เฟยเอ๋อก็รีบลงจากรถ “พวกคุณพวกคุณที่มาส่งฉัน” หลังจากโล่เฟยเอ๋อพูดขอบคุณเสร็จ ก็ปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว แล้วหันหลังเดินจากไป
ได้ยินเสียงปิดประตูรถ ซูซีมู่ก็หันหัวกลับไปมอง เห็นเพียงแค่ด้านหลังของโล่เฟยเอ๋อที่หายไปกับฝูงชน
ค่อยๆละสายตา ก็เห็นเขากับถุงช็อปปิ้งของโล่เฟยเอ๋อที่เท้า
เมื่อกี้โล่เฟยเอ๋อรีบเดินไป แล้วก็ลืมของไว้
ซูซีมู่จ้องมองถุงช็อปปิ้งอย่างไม่หยุดนานสิบกว่านาที หลังจากนั้นก็หยิบถุงขึ้นมา
โจวเฉิงมองจากกระจกหลัง เห็นถุงที่อยู่ในมือของซูซีมู่ ก็พูดว่า “ประธานซูครับ ถุงของคุณโล่ เมื่อกี้เธอรีบเดินไป แล้วลืมไว้”
ซูซีมู่มองไปที่ถนนที่วุ่นวายด้านนอก แล้วก็มองถุงที่อยู่ในมือ ท้ายที่สุดก็ไม่พูดอะไร
“ประธานซูครับ นี่….” โจวเฉิงจะถามซูซีมู่ว่าจะทำยังไงกับถุงของโล่เฟยเอ๋อ แต่ถูกซูซีมู่ขัดจังหวะ “กลับบ้าน”
โจวเฉิงถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมซูซีมู่ถึงเปลี่ยนใจไม่ไปที่บริษัท แต่กลับบ้านแทน แต่ก็ไม่ได้ถามซูซีมู่
ท้องฟ้าถึงแม้จะยังไม่มืด แต่รถก็ติดเกินไป ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงห้าโมง พวกเขาก็มาถึงวิลล่าหลันถิงที่ซูซีมู่อาศัยอยู่
รถขับผ่านบ้านพัก ก็หยุดอยู่ด้านหน้าบ้านพักของซูซีมู่
“มาที่นี่ตอนเจ็ดโมงเช้า” หลังจากพูดเสร็จ ซูซีมู่ก็ไม่รอให้โจวเฉิงตอบกลับ แล้วก็ถือถุงของโล่เฟยเอ๋อลงจากรถแล้วเข้าบ้าน
โจวเฉิงยืนตัวแข็งอยู่สองสามวินาที แล้วก็ไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่ซูซีมู่พูด
หลังจากที่ซูซีมู่เข้าบ้าน ก็หยิบถุงวางไว้บนระเบียง เขาพึ่งวางลง ก็หยิบถุงขึ้นมาอีกครั้ง แล้วระหว่างทางก็หิ้วถุงเข้าห้องนอน
หลังจากวางถุงลงบนโต๊ะในห้องนอนแล้ว เขาก็เดินเข้าห้องน้ำ
อาบน้ำอุ่น ซูซีมู่ใส่ชุดนอนอย่างสบาย ในมือถือผ้าขนหนู เช็ดหยดน้ำบนเส้นผมอีกครั้ง ในขณะที่ออกมาจากห้องน้ำ
ตอนที่เดินผ่านโต๊ะ เท้าของเขาก็หยุดก้าว สายตามองลงมาที่ถุงที่อยู่บนโต๊ะ
ซูซีมู่รู้ว่ายังไม่ได้รับอนุญาตจากโล่เฟยเอ๋อที่จะดูของส่วนตัวของเธอ ซึ่งเป็นการไม่เคารพสิทธิ์ของเธอ
แต่เขาอยากรู้อยากเห็นจริงๆ ว่าของที่โล่เฟยเอ๋อซื้อมาคืออะไรกันแน่
สายตาของซูซีมู่ที่จ้องมองถุงอย่างไม่กระพริบตาเป็นเวลานาน สุดท้ายก็เอื้อมมือออกไปอย่างไรจริยธรรม หยิบถุงขึ้นมา
เปิดถุง ไม่ใช่เสื้อผ้าที่คาดไว้ แล้วก็ไม่ใช้กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง แต่เป็นแฟ้มรูปภาพและพู่กันบางส่วน
ในดวงตาของซูซีมู่มีความประหลาดใจ จ้องมองที่แฟ้มรูปภาพเป็นเวลานาน ซูซีมู่ก็เอาแฟ้มรูปภาพใส่กลับเข้าไปในถุง