บทที่ 31 โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ซูซีมู่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของโล่เฟยเอ๋อจึงเห็นว่าเธอไม่ได้สวมรองเท้า เขานิ่งไปพักหนึ่งถึงวางเอกสารลงบนโซฟาแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ทางเข้า
เขาจะออกไปแล้วเหรอ? โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วในขณะที่มองตามหลังซูซีมู่ไป
ซูซีมู่ไม่ได้ออกไปอย่างที่โล่เฟยเอ๋อคิด ที่เขาเดินไปที่ทางเข้านั้นเพื่อไปหยิบสลิปเปอร์ที่ตู้รองเท้ามาให้โล่เฟยเอ๋อ “ใส่ซะ พื้นมันเย็น”
โล่เฟยเอ๋อตอบรับอย่างเชื่อฟัง หยิบเอาสลิปปเปอร์ในมือของซูซีมู่มาสวม
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อสวมสลิปเปอร์แล้วซูซีมู่ก็มองจนทั่วเรือนร่างของโล่เฟยเอ๋อแล้วถามขึ้นมา “หิวไหม?”
โล่เฟยเอ๋อมองเขาด้วยความงุนงงโดยไม่พูดอะไร
ซูซีมู่พูดอีกครั้ง “ผมจะไปทำอาหารถ้าคุณหิวก็ทานเค้กรองท้องไปก่อน”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธ “ฉันไม่หิว”
ซูซีมู่ตอบรับแล้วเดินไปทางห้องครัว
โล่เฟยเอ๋ออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
หลังจากที่ซูซีมู่เข้าครัวไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็เห็นกระเป๋าของตัวเองวางอยู่บนโซฟา เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เดินไปหยิบกระเป๋ามาเปิดออกเพื่อหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาแต่แบตเตอรี่กลับหมด
“แบตหมด…” โล่เฟยเอ๋อบ่นพึมพำ หยิบเอาที่ชาร์จแบตออกจากกระเป๋ามาชาร์จโทรศัพท์
ทันทีที่เปิดโทรศัพท์ก็มีแจ้งเตือนเข้ามาไม่หยุด
จนผ่านไปเกือบหนึ่งนาทีเสียงก็เงียบไป
ทั้งหมดนั้นเป็นข้อความจากการที่ไม่ได้รับสายของซูซีมู่ทั้งก่อนและหลังจากที่เธอบอกเขาว่าอยู่ที่ไหน
มองดูการโทรเข้าหลายสิบสายนั้นดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็แดงขึ้น ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาซูซีมู่ก็ส่งเสียงเรียกเธอไปทานข้าว
โล่เฟยเอ๋อหายใจเข้าลึก ๆ ปัดน้ำตาออก วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปทางห้องครัว
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อเข้าไปถึงซูซีมู่ก็ได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว
น้ำตาที่โล่เฟยเอ๋ออดกลั้นเอาไหวไหลออกมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่ กลัวว่าซูซีมู่ก็เห็นเข้าเธอจึงก้มหน้าลงต่ำ
ซูซีมู่มองไปที่เธอที่ไม่ยอมขยับตัว “เป็นอะไร? ไม่ชอบอาหารพวกนี้เหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธแล้วลงมือทานข้าว
ซูซีมู่คิดว่าเธอยังคงคิดถึงเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทดี้ก้วนเขาก็ไม่พูดอะไรต่อนอกจากตักอาหารให้โล่เฟยเอ๋อเป็นครั้งคราว
ระหว่างทานข้าวจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของซูซีมู่ก็ดังขึ้นมา
เขาวางมือจากการทานข้าว หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อออกมาดูแล้วพูดกับโล่เฟยเอ๋อ “ผมขึ้นข้างบนก่อน คุณทานให้เสร็จแล้วทิ้งไว้นี่แหละ ผมจะมาทำความสะอาดทีหลัง”
ซูซีมู่พูดจบก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ชั้นสองโดยไม่รอคำตอบจากโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อมองด้านหลังของซูซีมู่ที่ค่อย ๆ หายไปทางบันไดจนลับตาก็กลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
เมื่อซูซีมู่เข้ามาในห้องทำงานบนชั้นสองแล้วก็พูดกับคนปลายสาย “พูดมา”
คนปลายสายโจวเฉิงพูดด้วยอาการสั่นเทา “คุณ… โล่ถูกใส่ร้าย”
ซูซีมู่ตอบรับ ให้โจวเฉิงพูดต่อ
“งานลอกเลียนแบบนั่นนักออกแบบของคุณโล่เป็นคนทำ เพราะเธอไม่ต้องการทำลายอนาคตของตัวเอง…” โจวเฉิงยังพูดไม่ทันจบซูซีมู่ก็ตัดบทด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “ก็เลยทำลายอนาคตของคนอื่นแทน?”
คนปลายสายโจวเฉิงได้ยินคำพูดของซูซีมู่ก็เกิดตัวสั่นด้วยความกลัวขึ้นมา
และดูเหมือนว่าความโกรธของซูซีมู่จะไม่จบเพียงแค่นั้น ถามกลับต่ออีกครั้ง “มีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอีก?”
“ผมสงสัยว่าหัวหน้าแผนกออกแบบปกปิดเรื่องนี้ไว้ ส่วนเรื่องอื่นไม่มีแล้วครับ” โจวเฉิงกลืนน้ำลายแล้วตอบกลับ
ซูซีมู่ตอบรับ “หัวหน้าทำงานบนความประมาท ถอดเขาออกซะ ส่วนนักออกแบบที่วาดภาพนั่นฉันไม่ต้องการเห็นเธอยู่ในวงการเครื่องประดับนี้อีก”
คนหนึ่งถูกไล่ออก! อีกคนหายไปจากวงการเครื่องประดับ!
ประธาณซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว!
น่าสงสารสองคนนั้นจริง ๆ!
แน่นอนว่าโจวเฉิงแค่คิดว่าพวกเขาน่าสงสารก็แค่นั้น ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจอะไรพวกเขาเลยเพราะคนที่น่าสงสารพวกนี้ทำสิ่งน่ารังเกียจลงไป
ถ้าคนที่ถูกใส่ร้ายไม่ใช่คุณโล่แต่เป็นคนอื่น อนาคตของคนพวกนั้นในวงการเครื่องประดับคงไม่มีอีกแล้ว
“งั้น…ทางคุณโล่พรุ่งนี้ค่อยให้คนที่บริษัทดี้ก้วนแจ้งให้เธอรู้ไหมครับ?” โจวเฉิงถามอย่างระมัดระวัง
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ช้าไป โทรหาเธอวันนี้เลย”
วันนี้? คนปลายสายโจวเฉิงมองไปที่ท้องฟ้าอันมืดสนิท โทรหาตอนกลางคืน?
“ครับ”
ซูซีมู่ตอบรับ กำลังจะวางสายแต่ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดเสริม “ให้เธอพักหนึ่งวัน วันต่อไปค่อยให้ไปทำงาน”
ให้หยุดหนึ่งวัน? โจวเฉิงอยากจะพูดออกไปมากกว่า ประธาณซูโปรดให้วันหยุดกับผมด้วย!
เห็นว่าโจวเฉิงไม่ได้ตอบกลับมาซูซีมู่จึงถามกลับด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ?”
โจวเฉิงรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เริ่มไม่คงที่ของซูซีมู่ก็รีบตอบกลับ “ได้ยินครับ”
ซูซีมู่ตอบรับด้วยความพึงพอใจแล้วถึงกดวางสาย
หลังจากวางสาย ซูซีมู่ก็มองป้ายไฟที่อยู่ด้านนอกผ่านทางหน้าต่างทรงสูงสักพักก็หันกลับแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
เขาเข้าไปในห้องของตัวเองซึ่งอยู่ประตูถัดไปแทนที่จะลงไปข้างล่าง
เมื่อเขาออกมาก็มีถุงใบหนึ่งติดมือมาด้วย
เขาเอาถุงใบนั้นลงไปข้างล่างด้วย
ขณะที่กำลังจะก้าวลงบันไดลงไปชั้นล่างก็หยุดลงเมื่อเขาก็ได้ยินเสียงโล่เฟยเอ๋อกำลังคุยโทรศัพท์
ซูซีมู่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดเบา ๆ ว่าเธอถูกบริษัทใส่ร้ายเรื่องการลอกเลียนแบบงาน
ฟังโล่เฟยเอ๋อบ่นและพูดถึงความอึดอัดใจของเธอให้คนปลายสายฟัง
ซูซีมู่เม้มริมฝีปากแน่น เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นภายในใจ
ทำไมเธอยอมบอกเรื่องพวกนี้กับคนอื่นแต่ไม่ยอมบอกเขา?”
หรือในใจของเธอ เขาด้อยกว่าคนคนนั้น?
ซูซีมู่กำเสื้อและผ้าเช็ดตัวแน่นอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าค่อย ๆ ดำทะมึนขึ้นทีละนิด
ซูซีมู่ยืนอยู่ตรงบันไดจนกระทั่งโล่เฟยเอ๋อจบการสนทนากับคนปลายสาย ใบหน้าของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้งก็เดินลงไปชั้นล่าง
โล่เฟยเอ๋อพึ่งคุยโทรศัพท์กับหซิวหชูเฉียวจบ ได้ยินเสียงสลิปเปอร์ลงมาจากชั้นบน เธอหันกลับไปมองก็เห็นซูซีมู่ที่ใบหน้าเย็นชาถือถุงติดมือลงมาด้วย
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าสีหน้าของซูซีมู่แปลกไป เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย
แม้ซูซีมู่จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้ลงกับโล่เฟยเอ๋อ
เขายื่นถุงให้โล่เฟยเอ๋อแล้วเดินออกไป
โล่เฟยเอ๋อมองไปที่ซูซีมู่สลับกับถุงในมืออย่างไม่เข้าใจ “นี่คือ?”
ซูซีมู่หยุดเท้าลง ก็พูดออกมาสามคำโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง ‘เสื้อผ้าของคุณ’ แล้วเดินไปยังห้องครัวเพื่อทำความสะอาด