บทที่ 26 เอายามาให้เขา
สามารถทำให้ซูซีมู่กลับบ้านอย่างว่าง่ายเช่นนี้จะเป็นใครไปได้? แน่นอนคือโล่เฟยเอ๋อนั่นเอง
ที่จริงถ้าหากซูซีมู่ไม่ได้ดื่มจนเมา เขาอาจจะไม่ว่าง่ายขนาดนี้ก็ได้ แต่น่าเสียดายเขาดื่มจนเมาเสียแล้ว เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อส่งข้อความมา อยากให้เขารีบกลับบ้านไปพักผ่อน เขาก็กลับเชื่อฟังอย่างว่าง่าย
เพราะว่าดื่มเยอะเกินไป วันต่อมา ซูซีมู่ก็เวียนหัวและเจ็บคออย่างหนัก จึงไม่ได้เข้าบริษัทแล้วนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
เขาโทรสั่งงานโจวเฉิง จากนั้นก็หลับต่ออยู่บนเตียง
ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว พยายามลืมตา มองไปที่หน้าจออยู่สักพัก จากนั้นก็ลุกจากที่นอนไปรับโทรศัพท์
“ฮาโหล …” เสียงของซูซีมู่แหบแห้ง เหมือนเสียงจากเครื่องทอผ้า
“คุณ คอของคุณเป็นอะไรไป?” เสียงของโล่เฟยเอ๋อดังมาตามสาย
“เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย เลยเจ็บคอนิดหน่อย” ซูซีมู่อยู่ ๆ ก็ปวดระหว่างคิ้วจึงนั่งลงบนโซฟา “มีเรื่องอะไร?”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปไม่กี่วินาทีก็ตอบกลับมาว่า “เสื้อผ้าฉันน่าจะลืมไว้ที่โมงแรม”
ซูซีมู่ส่งเสียงอึมในลำคือ จากนั้นก็พูดว่า “เดี๋ยวผมให้คนไปเอามาให้”
โล่เฟยเอ๋อรีบพูดขึ้นมา “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหอกค่ะ ฉันเลิกงานแล้วค่อยแวะไปเอาก็ได้ เพียงแค่อยากให้คุณช่วยโทรไปหาทางโรงแรมให้เก็บไว้ให้หน่อย”
ซูซีมู่นิ้งไปชั่วครู่ “ไม่มีเบอร์โรงแรม ผมให้คนไปเอามาให้คุณ”
“ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยค่ะ” โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปสักพัก ก็ถามต่อว่า “คุณทานยาหรือยัง?”
“ยัง” ซูซีมู่ตอบไปโดยไม่ได้ใส่ใจ
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนไปก่อน ฉันวางสายก่อนนะ”
ทางนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ได้ยินเสียงสัญญานติดติดขัดขัดมาจากปลายสาย
โล่เฟยเอ๋อกำโทรศัพท์ไว้ในมือมีทีท่าลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องทำงานของหลินยี่เพื่อลางาน
ได้รับอนุญาตจากหลินยี่ โล่เฟยเอ๋อก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานหยิบเอากระเป๋าและโทรศัพท์รีบออกจากบริษัทไป
หลังจากเธออกมาจากบริษัท ก็บอกให้คนขับรถแวะร้านยาซื้อยาไปให้ซูซีมู่ ถูกต้อง โล่เฟยเอ๋อลางานเป็นพิเศษเพื่อไปเยี่ยมซูซีมู่
โล่เฟยเอ๋อพูดอาการคร่าว ๆ ของซูซีมู่ให้เภสัชฟัง เภสัชจึงออกยาแก้อักเสบกับยาแก้เจ็บคอมาให้
หลังจากซื้อยาเรียบร้อยแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็เรียกรถแท็กซี่ตรงไปยังวิลล่าหลันถิง
ตอนที่เธอออกมาจากบริษัทนั้นประมาณสิบโมงเช้า เมื่อเธอมาถึงวิลล่าหลันถิงก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว
เธอลงรถที่หน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็เดินต่อไปอีกสิบกว่านาที ถึงจะเดินมาถึงคฤหาสน์ของซูซีมู่
เธอเดินไปที่ประตูและกดกริ่ง เธอถอยหลังไปสองก้าวและยืนรอ
สองนาทีถัดมา ซูซีมู่ที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักก็เดินออกมาเปิดประตู
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือโล่เฟยเอ๋อ สายตาบ่อบอกความไม่คาดคิดนั้นปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
โล่เฟยเอ๋อยกถุงในมือขึ้น “ฉันเอายามาให้คุณ”
ซูซีมู่ส่งเสียงอึมเบา ๆ ในลำคอ จากนั้นจึงถอยหลังไปก้าวหนึ่งเป็นการเชิญให้โล่เฟยเอ๋อเข้าไปในบ้าน
โล่เฟยเอ๋อที่กำลังเปลี่ยนรองเท้าก็ถามขึ้นว่า “นอกจากเจ็บคอแล้ว ปวดหัวมั้ย?”
เขาจองไปที่เธอและนิ่งไปชั่วครู่ ตากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้ส่งเสียงอะไร
โล่เฟยเอ๋อเอื้อมมือไปเปิดประตู จากนั้นจากนั้นก็พุ่งไปหาเขา สอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ พลางพูดว่า “คุณไปนั่งรอตรงโซฟานะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้
เมื่อพูดจบโล่เฟยเอ๋อก็เดินตรงเข้าไปในครัว เดินไปพึมพำไป “กินยาแก้อักเสบก่อน จากนั้นค่อยกินยาแก้เจ็บคอ …”
ซูซีมู่เห็นเธอพึมพำพึมพำไปทางครัว มุมปากก็ค่อย ๆ ยกขึ้นที่ละนิด
ไม่กี่นาทีต่อมา โล่เฟยเอ๋อก็เดินออกมาจากครัวพร้อมกับมือข้างหนึ่งถือยา มืออีกข้างถือน้ำ
“รีบกินยาเร็วเข้า อีกสักพักก็จะดีขึ้นแล้ว”
ซูซีมู่เหม่อมองเธออยู่สองสามวิ จากนั้นก็ยื่นมืออกมารับยาและแก้วน้ำ ค่อย ๆ กลืนยาลงคออย่างว่าง่าย
โล่เฟยเอ๋อรับแก้วน้ำมาจากมือเขาแล้วเข้าไปในครัว
เมื่อเธอเดินออกมา มือก็ถือยาแก้เจ็บคอมาหนึ่งกล่อง
“อันนี้อมไว้ในปาก” โล่เฟยเอ๋อพูดพลางแกะกล่อง หยิบยาเม็ดหนึ่งออกจากกล่องแล้วยื่นให้กับซูซีมู่
เมื่อรับรู้ถึงรสชาตของมิ้นท์ ก็ทำให้ซูซีมู่ต้องขมวดคิ้วอย่างแรง จากนั้นก็หันหลังเดินไป
โล่เฟยเอ๋อรีบเดินตามไป “อมยาอมนี้ไว้จะรู้สึกดีกว่านะ”
“ไม่… ต้อง” ซูซีมู่ส่ายหน้าไปมา และนั่งลงบนโซฟา
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วพลางพูด “คุณเจ็บคอถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่ต้อง?
ซูซีมู่จ้องไปที่โล่เฟยเอ๋อสักพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงแหบแห้งออกมา “ผมไม่ชอบรสมิ้นท์”
ไม่ชอบรสมิ้นท์ก็เลยไม่กิน ทำไมเหมือนเด็กน้อยแบบนี้ แต่ว่ายาอมแก้เจ็บคอก็เป็นรสมิ้นท์ทั้งนั้น! โล่เฟยเอ๋อยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน อยู่ดีดีเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าตอนที่คุณพ่อดื่มเหล้าเยอะเกินไปจนเจ็บคอ คุณป้าเหยาก็ต้มชาอะไรสักอย่างให้คุณพ่อดื่ม
หลังจากชะงักไปสักพักหนึ่ง โล่เฟยเอ๋อก็วางยาอมนี้ไว้บนถาดน้ำชา และค่อย ๆ เดินเข้าครัวไป
ซูซีมู่เห็นว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ได้บังคับให้เขากินยาอมนั้นแล้ว ก็วางใจลงได้บ้าง
แต่ว่าเขานั่งอยู่บนโซฟาได้สักพักใหญ่ ก็ยังไม่เป็นโล่เฟยเอ๋อเดินออกมาจากครัว
เธอทำอะไรอยู่ในนั้น? ซูซีมู่มองอยู่ไม่กี่วินาทีก็เดินตามไปที่ห้องครัว
เมื่อเดินมาถึงประตูครัว ก็ได้ยินเสียงของโล่เฟยเอ๋อกำลังคุยโทรศัพท์ “… ดอกเก๊กฮวย ดอกสายน้ำผึ้งต้มเป็นน้ำชาดื่มก็ได้แล้วใช่มั้ย?”
ซูซีมู่รู้ดีกว่าดอกเก๊กฮวยกับดอกสายน้ำผึ้งต้มเป็นน้ำชาจะช่วยคลายร้อน และถอนพิษได้
เป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบรสชาติของมิ้นท์ โล่เฟยเอ๋อก็เลยโทรหาคนอื่นเพื่อหาวิธีอย่างนั้นหรือ?
ในใจของซูซีมู่เกิดความร็สึกบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้
“ต้มด้วยน้ำร้อน หนูรู้แล้วค่ะ … ขอบคุณค่ะคุณป้าเหยา …แล้วเจอกันค่ะ!” โล่เฟยเอ๋อวางสายด้วยความดีใจ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์หมุนตัวกลับมา ก็เห็นว่าซูซีมู่ยืนอยู่ที่ประตูครัวมองเธออยู่
เธอชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงถามว่า “คุณมาอยู่ที่ครัวทำไม?”
ซูซีมู่ทำปากยุกยิกยุกยิก แล้วพูดออกไปว่า “ดื่มน้ำ”
โล่เฟยเอ๋อตอบรับในลำคอ จากนั้นก็เดินไปที่เครื่องทำน้ำดื่ม กดน้ำมาให้เขาหนึ่งแก้ว
ตอนที่ยื่นน้ำให้เขา โล่เฟยเอ๋อก็ถามขึ้นมา “ดอกสายน้ำผึ้งกับดอกเก๊กฮวยคุณชอบมั้ย?”
ขนตายาว ๆ ของซูซีมู่สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปซื้อก่อน” โล่เฟยเอ๋อที่มีทีท่าร่าเริงก็หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอก เดินไปได้สองก้าว เธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหมุนตัวกลับมา “ใช่แล้ว ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี คุณอยากกินอะไร? เดี๋ยวฉันจะซื้อกลับมา”
“อะไรก็ได้” ซูซีมู่พูดอย่างไม่ใช่มจนัก
โล่เฟยเอ๋อส่งเสียง อ้อ ตอบรับ จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก ยังไม่ทันจะถึงประตูใหญ่ ซูซีมู่ก็เรียกเธอไว้ “ขับรถไป”
“หืม?” โล่เฟยเอ๋อหันไปมองทางเขา
ซูซีมู่มองไปยังโล่เฟยเอ๋อแล้วพูดคำพูดเมื่อครู่ การพูดนั้นช้าลงละละเอียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณขับรถไปจะเร็วกว่า กุญแจอยู่ตรงประตูทางเข้า”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า หยิบกุญแจตรงประตูทางเข้าแล้วก็ออกจากบ้านไป
ซูซีมู่นั่งพิงอยู่บนโซฟา ฟังเสียงปิดประตุจากด้านนอกต่อด้วยเสียงสตาร์ทรถ
จนกระทั่งเสียงนั้นหายไป เขาจึงค่อย ๆ หลับตาลง