บทที่ 31 ถูกเขาพามาที่บ้าน
ซูซีมู่คุยโทรศัพท์กับโล่เฟยเอ๋อจบแล้วก็โทรหาคนขับรถให้ขับรถมารอเขาที่หน้าประตู
ดังนั้นเมื่อเขาออกมาคนขับรถก็ขับรถมารอเขาที่ทางออกพอดี
ทันทีที่คนขับรถเห็นซูซีมู่เดินมาก็รีบเปิดประตูรถให้แล้วยื่นกุญแจให้เขา
ซูซีมู่รับกุญแจรถมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร วางเค้กไว้ที่เบาะข้างคนขับ สตาร์ทรถแล้วออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
คนขับรถมองดูวิธีการขับรถของประธาณซูก็เกิดหน้าซีดเซียวขึ้นมา
โห นี่ประธาณซูกำลังแข่งรถอยู่เหรอ? ขับเร็วอะไรขนาดนั้น
ที่ซูซีมู่ขับรถเร็วขนาดนี้ไม่ใช่แข่งรถ แต่เป็นเพราะเขาเป็นห่วงโล่เฟยเอ๋อต่างหาก
โดยปกติแล้วจากบริษัทดี้ก้วนถึงลานกว้างหวั้นด๋าต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง แต่ซูซีมู่ใช้เวลาแค่สี่สิบนาที
ด้วยความรีบร้อนซูซีมู่จึงเหยียบเบรกรถอย่างกะทันหันและรุนแรงเมื่อมาถึงลานกว้างหวั้นด๋า อีกทั้งยังไม่ได้จอดรถให้ดีนัก
เขาไม่คิดแม้แต่ที่จะหยิบกุญแจออกมาก็รีบเปิดประตูลงมาจากรถเสียก่อน
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโล่เฟยเอ๋อในขณะที่วิ่งไปที่ทะเลสาบเย่วไปด้วย
แต่โทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อติดต่อไม่ได้ทำให้ซูซีมู่ขวมดคิ้วมุ่น เขาตามโล่เฟยเอ๋อไปที่ทะเลสาบเย่ว
แม้ทะเลสาบเย่วจะไม่ใช่สถานที่ที่ใหญ่อะไรแต่ก็เป็นที่นิยมพอสมควร
ซูซีมู่มองจนทั่วเพื่อตามหาโล่เฟยเอ๋อ
สุดท้ายซูซีมู่ก็ไปหยุดอยู่ที่สวนหิน มองเห็นโล่เฟยเอ๋อที่มองทะเลสาบเย่วอย่างว่างเปล่า
ครู่ต่อมาซูซีมู่เหมือนเห็นเป็นภาพลวงตาว่าโล่เฟยเอ๋อกระโดดลงทะเลสาบเย่ว
ซูซีมู่ขมวดคิ้วแน่นจนเกิดเป็นรอยยับระหว่างคิ้ว รีบตรงไปหาโล่เฟยเอ๋ออย่างรวดเร็ว
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จากที่มองไปที่ทะเลสาบเย่วก็หันกลับพร้อมหมุนตัวไปมอง
เห็นซูซีมู่วิ่งเข้ามาหาเธอที่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
ซูซีมู่หยุดวิ่งยืนนิ่งด้วยระยะห่างจากเธอไม่มากนัก/หนึ่งเมตรแล้วเรียกชื่อของเธอเสียงดัง “เฟยเอ๋อ!”
เสียงเรียกของซูซีมู่ทำให้ร่างกายของโล่เฟยเอ๋อสั่นเทาและที่ดวงตาคู่นั้นมาน้ำตาไหลออกมา
ทันทีที่ซูซีมู่เห็นว่าโล่เฟยเอ๋อร้องไห้ก็รู้สึกเจ็บปวด เวลานั้นเขาไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากรีบเข้าไปดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเหมือนกำลังได้รับการปกป้องจากซูซีมู่ ความรู้สึกผิดทั้งหมดถูกระบายออกมาด้วยน้ำตา
ซูซีมู่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อรู้สึกผิดจึงปล่อยให้เธอร้องไห้และตบหลังเธอเบา ๆ เป็นการปลอบโยน
โล่เฟยเอ๋อร้องไห้อย่างหนักอยู่ที่หน้าอกของซูซีมู่เป็นเวลานานถึงค่อย ๆ สงบลง
ซูซีมู่หยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋าเพื่อเช็ดน้ำตาให้โล่เฟยเอ๋อและพูดเกลี้ยกล่อมเธอไปด้วย “เรากลับกันเถอะเนอะ? นะ?”
โล่เฟยเอ๋อทำเพียงพยักหน้า ไม่พูดอะไรออกมา
ซูซีมู่พยักหน้า จับมือโล่เฟยเอ๋อพาเดินออกไปจากลานกว้างหวั้นด๋า
ซูซีมู่พาโล่เฟยเอ๋อมาขึ้นรถ
โล่เฟยเอ๋อสงบขึ้นเยอะเมื่อมาถึงที่รถ
ซูซีมู่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโล่เฟยเอ๋อแต่ก็ยังคงต้องการให้โล่เฟยเอ๋อเป็นคนพูดเองจึงถามออกไป “เกิดอะไรขึ้น?”
ได้ยินคำถามของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็เกือบจะระบายความคับข้องใจออกไปให้ซูซีมู่ฟัง แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของหัวหน้าว่าการลอกเลียนแบบงานนี้จะกระทบต่อบริษัทดี้ก้วนเป็นอย่างมาก เธอกังวลว่าถ้าหากซูซีมู่รู้จะไม่ยอมให้เธอเกี่ยวข้อง โล่เฟยเอ๋อหลับตาลงเหมือนต้องการจะบอกว่า ‘ไม่มีอะไร’
ซูซีมู่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโล่เฟยเอ๋อถึงไม่ยอมบอกเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยบอกเธอแต่เธอก็ควรจะรู้หรือเปล่าว่าตำแหน่งของเขาในบริษัทดี้ก้วนไม่ได้ต่ำต้อยอะไร?
จริง ๆ แล้วซูซีมู่อยากจะถามโล่เฟยเอ๋อไปตรง ๆ แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็นึกเปลี่ยนใจ
โล่เฟยเอ๋อเอนหลังพิงเบาะรถ แกล้งหลับเพราะไม่ต้องการตอบคำถามของซูซีมู่แต่กลายเป็นว่าหลับไปเสียจริง ๆ
เธอหลับได้อย่างไม่สบายใจนัก แถมยังขมวดคิ้วเป็นปมอยู่ตลอด
ซูซีมู่เห็นว่าเธอหลับไปทั้งแบบนั้นก็หยุดรถลงข้างทาง
เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ต/โค้ทออกคลุมให้โล่เฟยเอ๋อแล้วออกรถอีกครั้งตรงไปยังคฤหาสน์ของตัวเอง
ขับรถจากบริษัทดี้ก้วนถึงลานกว้างหวั้นด๋าปกติใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ซูซีมู่ใช้เวลาแค่สี่สิบนาที
และขับรถจากลานกว้างหวั้นด๋าถึงวิลล่าหลันถิงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ซูซีมู่จึงใช้เวลาขับรถไปทั้งหมดหนึ่งชั่วโมง
ซูซีมู่ค่อย ๆ จอดรถตรงหน้าคฤหาสน์ แล้วเปิดประตูลงจากรถ
เขาเปิดประตูคฤหาสน์ก่อนแล้วถึงกลับไปที่รถเพื่ออุ้มโล่เฟยเอ๋อออกมา
โล่เฟยเอ๋อร้องครวญเพราะถูกซูซีมู่อุ้มไว้ หัวขยับส่ายไปมาเพราะรู้สึกไม่สบายตัวจนสุดท้ายก็มุดเข้าหาซูซีมู่แล้วหลับไปอีกครั้ง
ซูซีมู่เม้มริมฝีปากแน่น ใช้เท้าข้างหนึ่งเตะเพื่อปิดประตูรถแล้วอุ้มโล่เฟยเอ๋อเข้าคฤหาสน์ไป
พอเข้าไปในคฤหาสน์ก็ตรงพาโล่เฟยเอ๋อไปวางลงที่เตียงนอนในห้องของเขาทันที
หลังจากที่ซูซีมู่ถอดรองเท้าให้โล่เฟยเอ๋อก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเธอแล้วออกจากห้องไป
พอลงมาข้างล่างเขาก็หยิบกุญแจรถแล้วออกไปอีกครั้ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขากลับมาพร้อมกับถุงขนาดใหญ่แล้วตรงเข้าห้องครัวและจัดการธุระอยู่นาน
โล่เฟยเอ๋อหลับไปหลายชั่วโมงจนท้องฟ้าเริ่มมืดถึงตื่นขึ้นมา
โล่เฟยเอ๋อยืดบิดขี้เกียจ เธอหาวออกมาก่อนจะมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง ยื่นมือออกไปที่โต๊ะข้างเตียงเพื่อที่จะหยิบโทรศัพท์…แต่มันไม่มี
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว มือยังคงควานหาโทรศัพท์ทั้งที่นอนอยู่แต่ก็หาไม่เจอจนยอมลุกขึ้นมานั่ง
เห็นหมอนสีขาว ผ้าปูที่นอนสีขาว และแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ในห้องทั้งหมดก็ล้วนเป็นสีขาว เธอมองไปรอบ ๆ ห้องแล้วตาก็ต้องเบิกกว้าง
นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ…ที่นี่ที่ไหน?
โล่เฟยเอ๋อนิ่งค้างไปสักพักถึงคิดอะไรออก เธอตกหลุมพรางของหลินยี่ หลังจากถูกไล่ออกจากบริษัทก็ไปที่ทะเลสาบเย่ว
แล้วซูซีมู่ก็โทรมาถามว่าเธออยู่ที่ไหนแล้วเขาก็มาที่ทะเลสาบเย่ว
เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขาอยู่นาน เขาพาเธอไปขึ้นรถ แล้วเธอก็หลับอยู่ในรถของเขา…
ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คงจะเป็นคฤหาสน์ของเขา! โล่เฟยเอ๋อมองไปรอบ ๆ อีกครั้งถึงเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกจากเตียง
โล่เฟยเอ๋อออกมาจากห้อง มองดูการตกแต่งรอบ ๆ และเดินไปทางบันได
เพราะโล่เฟยเอ๋อไม่ได้สวมรองเท้าตลอดทางเดินจนมาถึงข้างล่างจึงไม่เกิดเสียงอะไร
ซูซีมู่นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องมาทางหน้าต่างทรงสูงของคฤหาสน์ถูกใบหน้าอันงดงามของเขานั้นยิ่งทำให้เขาดูสง่างามมากขึ้น
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองเขาอยู่ไม่นานก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดปกติไป ตั้งใจเบี่ยงสายตาไปทางอื่นแต่ไม่คิดว่าซูซีมู่จะเงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน ทำให้สายตาของทั้งคู่ประสานกันพอดี
ดวงตาของซูซีมู่เยือกเย็นและไม่ไหวติง ในขณะที่โล่เฟยเอ๋อมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหม่า บีบเคล้นเสื้อผ้าในมือจนแทบจะขาดวิ่น