บทที่ 42 ซูซีมู่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
จุดประสงค์ที่โล่หยิวชิวโทรหาซูซีมู่ครั้งนี้ ก็เพื่อยุแยงซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อ
อันที่จริง คำยุแยงของโล่หยิวชิวครั้งนี้ได้ผลจริงๆ
เมื่อซูซีมู่ได้รับโทรศัพท์จากโล่หยิวชิว เขากำลังขับรถไปลานกว้างหวั้นด๋าได้ครึ่งทาง
ได้ยินโล่หยิวชิวพูดว่าโล่เฟยเอ๋อให้เบอร์โทรศัพท์ของเขากับโล่หยิวชิว ทั้งยังจะแนะนำเขาให้รู้จักกับโล่หยิวชิวอีก
หลังจากเขาตัดสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธและไม่ได้สนใจว่ารถกำลังขับรถอยู่กลางถนน เขาเหยียบเบรกอย่างแรง
พร้อมกับเสียงเบรกที่รุนแรงมากระหว่างรถยนต์กับถนน รถของซูซีมู่ก็หยุดลง
รถของซูซีมู่ที่หยุดกะทันหัน ทำให้รถที่ตามมาด้านหลังเบรกไม่ทัน พุ่งชนเข้ากับรถของซูซีมู่อย่างจัง
โล่เฟยเอ๋อมาถึงที่ลานกว้างหวั้นด๋าตอนสองทุ่มครึ่ง ตอนที่เธอไปถึง หซิวหชูเฉียวมารอเธอที่นั่นแล้ว
“หชูเฉียว รอนานแล้วหรือยัง?”โล่เฟยเอ๋อถามด้วยรอยยิ้ม
หซิวหชูเฉียวพูดว่า:“เพื่อที่จะได้เห็นคนที่อยู่ในใจของเธอ ฉันจะรอนานแค่ไหนก็คุ้ม!”
ใบหน้าโล่เฟยเอ๋อแดงไปหมด แล้วพูดกับหซิวหชูเฉียว:“รอเจอเขาก่อน เธอจะไม่พูดจาไร้สาระแบบนี้”
“ได้ ได้ ฉันสัญญาจะไม่พูดจาไร้สาระแบบนี้”หซิวหชูเฉียวตอบไปด้วยเสียงหัวเราะ
ทั้งสองคนนั่งคุยกันไปพลางรอซูซีมู่ไปพลาง แต่สองทุ่มสี่สิบห้าแล้ว ซูซีมู่ก็ยังไม่มา
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ?” โล่เฟยเอ๋อหันไปมองที่ประตูทางเข้า
หซิวหชูเฉียวที่อยู่ข้างๆพูดว่า:“เธอโทรถามเขาไหม”
โล่เฟยเอ๋อ‘อืม’มาคำหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซูซีมู่ ที่โทรศัพท์มีเสียงสายไม่ว่าง
โล่เฟยเอ๋อจะโทรไปอีกกี่สาย ก็ไม่มีใครรับ
โล่เฟยเอ๋อส่งข้อความไปหาซูซีมู่แต่ก็ยังไม่ตอบกลับมา
เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ไม่ว่าจะส่งข้อความไปกี่รอบหรือโทรไปกี่ครั้ง ก็เหมือนโยนหินลงทะเล
หซิวหชูเฉียวเห็นสีหน้าของโล่เฟยเอ๋อไม่ค่อยดี ก็ถาม “เป็นอะไรไป?”
“อืม โทรไปไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ”โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วแน่น
หซิวหชูเฉียวตบไหล่ให้กำลังใจโล่เฟยเอ๋อเบาๆ:“บางทีเขาอาจจะติดธุระ เสร็จแล้วอาจจะมาทีหลังก็ได้”
“อืม”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
สองทุ่มห้าสิบนาทีถึงเวลาของภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์แล้ว แต่ซูซีมู่ก็ยังคงไม่มา
โล่เฟยเอ๋อยิ้มขอโทษหซิวหชูเฉียว:“หชูเฉียว เขาไม่มา ฉันไม่มีตั๋วรอบปฐมทัศน์ คงไม่ได้ดูแล้ว”
“ไม่เป็นไร เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อก็โอเคแล้ว”หซิวหชูเฉียวตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
โล่เฟยเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม:“ได้อยู่แล้ว”
“พูดแล้วนะ”หซิวหชูเฉียวก็พูดว่า:“กลับตอนนี้เลยไหม?”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปครุ่หนึ่งแล้วพูดว่า:“หชูเฉียว เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะกลับช้าหน่อย”
หซิวหชูเฉียวเข้าใจความหมายของโล่เฟยเอ๋อทันที “เธอจะรอเขาเหรอ?”
“อืม ฉันอยากรอเขา”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
หซิวหชูเฉียวขมวดคิ้ว :“โล่เฟยเอ๋อ เธอกลับไปก่อนเถอะ ถ้าเขาทำธุระเสร็จแล้วเดี๋ยวคงโทรหาเธอ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว“โทรศัพท์เขาอาจจะแบตหมด หรือว่าอาจจะหาย ทำให้ไม่ได้รับโทรศัพท์หรือข้อความฉันรอเขาอยู่ที่นี่ดีกว่า”
หซิวหชูเฉียวรุ้ว่าเปลี่ยนใจโล่เฟยเอ๋อไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจ:“ฉันรอเป็นเพื่อนเธอก็แล้วกัน”
โล่เฟยเอ๋อได้ยินหซิวหชูเฉียวพูดก็รีบส่ายหัวทันที “ ไม่ หชูเฉียว ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก ฉันรออยู่ที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว”
“ทำไมไม่ให้ฉันรอเป็นเพื่อน?โล่เฟยเอ๋อ พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า”
หซิวหชูเฉียวกลอกตาไปมา
“อืม ขอบคุณนะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วขอบคุณหซิวหชูเฉียว
“ก็บอกแล้วว่าเป็นเพื่อนกัน ยังจะพูดขอบคุณทำไมอีก?”หซิวหชูเฉียวตีหัวโล่เฟยเอ๋อเบาๆอย่างไม่พอใจ
โล่เฟยเอ๋อยิ้มแล้วพูดกับหซิวหชูเฉียว:“ฉันผิดเอง ฉันจะไม่พูดแล้ว”
“นี่ก็พอได้แล้ว” หซิวหชูเฉียวพูดเสร็จก็ชี้ไปที่ม้านั่งที่อยู่ไม่ไกล:“พวกเราไปนั่งรอตรงนั้นกันเถอะ”
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าตรงนั้นสามารถเห็นทางเข้าโรงภาพยนตร์อย่างชัดเจน จึงพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากพวกเธอสองคนนั่งลงบนม้านั่ง พวกเธอพูดคุยกันระหว่างรอซูซีมู่
รอบปฐมทัศน์ของ《zero》 จบลงแล้ว ซูซีมู่ ก็ยังไม่มา
โล่เฟยเอ๋อกับหซิวหชูเฉียวไม่ได้คุยกันแล้ว ทำได้เพียงนั่งรอบนม้านั่งอย่างเงียบๆ
ตอนกลางคืนยิ่งมืดมากขึ้นเรื่อยๆและคนในโรงภาพยนตร์ก็ยิ่งลดลง โล่เฟยเอ๋อฝืนยิ้มเพื่อขอโทษหซิวหชูเฉียว ขณะที่เอเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน
หลังจากกลับไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็โทรหาซูซีมู่อีกครั้ง แต่ก็ยังติดต่อไม่เหมือนเดิม
เธอและเขารู้จักกันมานาน ไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน
เธอกดโทรหาซูซีมู่ อย่างใจจดใจจ่อซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังคงติดต่อไม่ได้……
วันรุ่งขึ้น โล่เฟยเอ๋อตื่นแต่เช้าตรู่
เธอนั่งรถแท็กซี่ไปหาซูซีมู่ที่วิลล่าของเขา
แต่ซูซีมู่ก็ไม่อยู่ที่วิลล่า
สุดท้ายเธอก็ไปที่ป้อมยามของหมู่บ้านและถามยามถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนซูซีมู่ไม่ได้กลับมาที่วิลล่า ก่อนที่จะออกจากหมู่บ้านของซูซีมู่
โล่เฟยเอ๋อนั่งรถแท็กซี่ไปถึงบริษัทตอนแปดโมงเช้า เธอยืนรออยู่หน้าทางเข้าบริษัท โทรหาซูซีมู่ไปด้วย รอเขาและโจวเฉิงไปด้วย แต่ก็ไม่มีใครมาสักคน
อย่างไรก็ตาม เธอรอจนถึงเวลาเข้างานก็ไม่เห็นทั้งซูซีมู่ทั้งโจวเฉิง
ไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัวก็ทำงานไปแล้วครึ่งวัน โล่เฟยเอ๋อไม่กินข้าวกลางวัน แต่กลับไปหาซูซีมู่ที่ตึกที่เจอซูซีมู่ครั้งที่แล้ว
ก็ยังไม่พบเขาเหมือนเดิม
เธอกลับไปที่ห้องทำงาน โทรหาซูซีมู่กี่สายไม่รู้ต่อกี่สาย
ก็ยังคงสายไม่ว่างเหมือนเดิม……
ซูซีมู่เบรกกะทันหัน ทำให้รถคันข้างหลังชนเข้ากับท้ายรถของเขา
ถ้าเป็นความเร็วปกติ ซูซีมู่ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่ว่ารถอีกคันนั้นขับมาค่อนข้างเร็ว ดังนั้นซูซีมู่จึงได้รับบาดเจ็บ
โรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเมืองa ในห้องผู้ป่วยVIP ซูซีมู่กำลังนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเพื่อฟังรายงานของโจวเฉิง
“ประธานซู ข่าวอุบัติเหตุรถยนต์ถูกเอาออกหมดแล้ว”
ซูซีมู่ตอบกลับอย่างเมินเฉย‘อืม’ไปเพียงหนึ่งคำ
โจวเฉิงก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดว่า:“คุณท่านทราบเรื่องแล้ว คุณพ่อของท่านทราบเรื่องแล้ว บอกว่าจะกลับจากต่างประเทศมาเยี่ยม”
“ไม่ต้องไปสนใจที่เขาพูด”ซูซีมู่พูดออกมาเบาๆ
“ครับ”โจวเฉิงพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่จากกระเป๋าเอกสารส่งให้ซูซีมู่“ประธาณซูโทรศัพท์ของท่านพังแล้วนี่เป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ของท่าน”
ซูซีมู่มองโทรศัพท์ในมือของโจวเฉิง แล้วไม่ตอบไปพักใหญ่
โจวเฉิงเห็นว่าซูซีมู่ไม่รับไป เขาจึงวางไว้ที่ตู้ข้างเตียง
หลังจากเงียบไปหลายนาที ซูซีมู่ถึงได้เอ่ยปากถาม “ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
“กระดูกต้นคอของท่านได้รับบาดเจ็บ และต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ คาดว่าน่าจะต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์……”
โจวเฉิงพูดยังไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ตัดบทเขา “เตรียมออกจากโรงพยาบาลทันที”
“นี่……”เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของซูซีมู่ โจวเฉิงมีท่าทีลังเล
ซูซีมู่พูดอย่างไม่แยแส “ให้หมอเฉิงกลับไปรักษาก็เหมือนกัน”
“ครับ กระผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ ” โจวเฉิงพยักหน้า แล้วรีบออกจากห้องผู้ป่วยไปจัดการ