บทที่ 28 ความห่วงใยของเธอ
วันต่อมา ซูซีมู่ไม่ปวดหัวแล้ว แต่เสียงก็ยังคงแหบแห้ง ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังไปทำงานเช่นเดิม
โจวเฉิงสังเกตว่าน้ำเสียงนายแหบแห้ง จึงเอ่ยปากถามด้วยความระมัดระวัง “ประธาณซู เสียงนายแหบแห้งขนาดนี้ ให้ผมไปซื้อยาให้นายมั้ย?
ซูซีมู่ชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงส่ายหน้า “ไม่ต้อง ผมมี” ยาของเขาคือยาที่เมื่อวานโล่เฟยเอ๋อตั้งใจซื้อมาให้เขา เมื่อนึกถึงโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปถามโจวเฉิง “เสื้อผ้าล่ะ?”
“เสื้อผ้า?” โจวเฉิงงงไปหลายวินาที ถึงจะได้สติคืนมาเมื่อวานซูซีมู่ให้เขาไปเอาเสื้อผ้าที่โรงแรมหมิงจู “อยู่ที่ห้องทำงานผม”
ซูซีมู่ส่งเสียงอึมตอบรับ “ไปเอามาที่นี่”
“ครับ” โจวเฉิงพยักหน้า รีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของตัวเองแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา
หลังจากได้เสื้อผ้ามาแล้ว ซูซีมู่ก็ส่งข้อความไปหาโล่เฟยเอ๋อก่อน บอกเธอว่าเอาเสื้อผ้ามาจากโรงแรมแล้ว
โล่เฟยเอ๋อน่าจะกำลังยุ่งอยู่ ไม่ได้ตอบเขากลับในทันที
ซูซีมู่มองชื่อของโล่เฟยเอ๋อในโทรศัพท์มือถืออยู่นาน สุดท้ายก็วางมันลงบนโต๊ะทำงาน เปิดคอมแล้วจึงเข้าสู่โหมดทำงาน
โล่เฟยเอ๋อเพิ่งจะเห็นข้อความของซูซีมู่ก็ตอนเที่ยง
ราวกับว่ามือไปไวกว่าความคิด โทรกลับไปหาซูซีมู่ทันที
ซูซีมู่น่าจะกำลังยุ่งอยู่ โทรศัพท์ดังอยู่สักพักยังไม่รับ โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว กำลังจะตัดสายโทรศัพท์ ซูซีมู่ก็รับสายเสียก่อน
“ฮาโหล… ” เสียงของซูซีมู่ต่ำมาก เกือบจะฟังไม่ออก
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เมื่อเช้ายุ่งนิดหน่อยถึงเพิ่งเห็นข้อความจากคุณ”
“ไม่เป็นไร” ครั้งนี้เสียงแหบแห้งอย่างชัดเจนของซูซีมู่ลอยมาตามสาย
โล่เฟยเอ๋อยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปอีก “เสียงคุณทำไมยังแหบขนาดนี้?”
ซูซีมู่ไอออกมาเบา ๆ ครั้งหนึ่ง “แค่ก … สบายดี”
ถ้าพูดกันตามจริงน่าจะดีขึ้นแล้วสิ! ทำไมเสียงยังแหบแห้งอยู่แบบนี้? โล่เฟยเอ๋อครุ่นคิดอยู่กับตัวเองในใจ “กินยาหรือยัง?”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปสองสามวิ “ยัง”
“ยัง?” ได้ยินซูซีมู่พูดว่ายัง เสียงของโล่เฟยเอ๋อก็สูงขึ้นมาแปดหลอด “คุณไม่กินยา คอจะหายดีได้ยังไง? คุณคิดว่าคุณสามารถหายเองได้อัตโนมัติเหรอ?”
“ยาแก้อักเสบต้องกิน ชาเก๊กฮวยกับดอกสายน้ำผึ้งก็ต้องดื่ม ….”
โล่เฟยเอ๋อพูดรัวออกมาชุดใหญ่ แต่ซูซีมู่กลับไม่ได้พูดอะไรแม่แต่คำเดียว
“ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย โตขนาดนี้แล้ว จริง ๆ เลย … ” เนิ่นนานที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรจากซูซีมู่ เสียงของโล่เฟยเอ๋อก็หยุดลงไปดื้อ ๆ “เอ่อ … คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
ซูซีมู่ยังไม่ได้ตอบกลับ โล่เฟยเอ๋อก็พูดต่อขึ้นมา “ถ้างั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว”
พูดจบโล่เฟยเอ๋อก็ตัดสายไปด้วยความรวดเร็ว
พอวางสายเสร็จ เธอถึงได้นึกขึ้นได้ว่า เธอโทรหาซูซีมู่เพราะจะถามเรื่องเสื้อผ้า
แต่เมื่อครู่เธอไม่ได้พูดอะไรที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าเลย
เธออยากจะตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?
อีกอย่างเธอบ่นไปชุดใหญ่ขนาดนั้น เขาจะรู้สึกว่าเธอพูดมากน่ารำคาญหรือเปล่า? จะคิดว่าเธอเหมือนยายแก่ ๆ หรือเปล่า …
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อโทรหาซูซีมู่ ซูซีมู่กำลังรับลูกค้าอยู่
เขารอให้ลูกค้าพูดจบก่อนจากนั้นจึงเอ่ยคำขอโทษ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับรองแขก หาที่เงียบ ๆ ที่หนึ่งรับโทรศัพท์โล่เฟยเอ๋อ
ในสายนั้นเหมือนว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายยังถูกเธอวางหูใส่อีก
ซูซีมู่จ้องไปที่โทรศัพท์ที่เพิ่งถูกวางสายใส่ เธอถามเขาว่ายุ่งอยู่หรือเปล่า เขายังไม่ทันได้ตอบ ปรากฏว่าเธอก็รีบวางสายไปเลย?
ซูซีมู่คิดย้อนไปถึงคำพูดที่รัวมาในสายของโล่เฟยเอ๋อ ทั้งหมดคือความเป็นห่วงเขา ซูซีมู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบาง ๆ
ในเวลานั้นเอง เสียงของโจวเฉิงก็ดังตามมาด้านหลัง “ประธาณซู”
“อึม?” ซูซีมู่เก็บสีหน้าที่กำลังยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้านิ่งเรียบดังเดิม จากนั้นจึงกดโทรศัพท์อีกครั้งเพื่ออกกจากการสนทนา
โจวเฉิงแอบเหลือบมอง ปรากฏว่ามองเห็นหน้าจอของซูซีมู่แสดงคำว่า “โล่เฟยเอ๋อ” ในใจเต้นตึกตัก คุณโล่โทรหาประธาณซูแล้ว? จากวันที่เขาเอาเบอร์ของประธาณซูให้กับคุณโล่นั้นมันก็สิบกว่าวันแล้ว คุณโล่เพิ่งจะโทรหาประธาณซูงั้นหรือ? หรือจะพูดว่า ประธาณซูรู้แล้วว่าเขาเป็นคนเอาเบอร์ไปให้คุณโล่?
โจวเฉิงเหลือบตาไปหมองโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยความระวัง “ประธาณซู คุณจู๋เชี่ย ยังรอนายอยู่”
ก็แค่ลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น! จะรีบอะไรนักหนา! ซูซีมู่ทำเสียง เฮอะ ออกมาอย่างเย็นชาแล้วจึงเดินไปยังห้องรับรองแขก
ได้ยินเสียงเย็น ๆ จากซูซีมู่ โจวเฉิงก็คิดไปเองว่าซูซีมู่โมโหเขาที่เอาเบอร์ส่วนตัวไปให้โล่เฟยเอ๋อ ตกใจจนเหงื่อไหลถึงพื้น
ยิ่งเมื่อซูซีมู่เดินไปแค่สองก้าว ก็หยุดฝีเท้าลงดื้อ ๆ ลมหายใจของโจวเฉิงก็ถูกหยุดอยู่ตรงนั้น
ซูซีมู่จ้องไปทางโจวเฉิง แล้วพูดออกมาเสียงเรียบ “ไม่ต้องตามผมมาแล้ว … ”
โจวเฉิงตาเบิกโพล่ง ไม่ต้องตามเขาแล้ว? หมายความว่าไล่เขาออกหรือ?
ตั้งแต่วันแรกที่ได้อยู่ข้างซูซีมู่ เขาก็เข้าใจดีว่าซูซีมู่ไม่ชอบให้ใครยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
ที่จริงตอนที่เอาเบอร์ของซูซีมู่ให้โล่เฟยเอ๋อไปนั้น เขาก็คิดจุดจบนี้เอาไว้แล้ว …
โจวเฉิงไม่ได้รู้สึกไม่ยุติธรรมแต่อย่างใด เดิมที่ก็เป็นเขาที่ทำผิด ก็ควรจะยอมรับผล! ไม่เช่นนั้นก็ไม่สมควรยืนอยู่ข้างซูซีมู่
เสียงเย็นชาของซูซีมู่ดังขึ้นอีกครั้ง “… ไปที่บ้านผม เอาของให้ผมหน่อย … ”
“ตู้เย็นชั้นบนสุดในห้องครัว มียาแก้อักเสบกล่องหนึ่ง แล้วก็มีดอกเก๊กฮวยกับดอกสายน้ำผึ้งอย่างละห่อ” เขายืนงงอยู่เช่นนั้น ซูซีมู่ก็พูดเสริมไปอีกครั้ง “ตอนที่ฉันออกมาจากห้องรับรองลูกค้า ต้องเห็นมัน”
ซูซีมู่ที่สั่งเสร็จสรรพก็หมุนตัวเดินเข้าไปที่ห้องลูกค้าโดยไม่หยุดแม้แต่ก้าวเดียว
แต่โจวเฉิงยังคงยืนมึนอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ถึงจะได้สติคืนมา
“โอ้ยให้ตายเถอะพระพุทธ! ตกใจเกือบตาย!” พึมพำเสร็จ โจวเฉิงก็นึกถึงคำที่ซูซีมู่บอกไว้ว่าต้องได้เห็นมันตอนที่ออกจากห้องลูกค้า ก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองทันที จากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟท์
โจวเฉิงรีบร้อนมาจนถึงคฤหาสน์ของซูซีมู่ ทำตามที่ซูซีมู่พูดไว้ เอาของออกมาได้ครบก็รีบกลับไปที่บริษัท ความจริงซูซีมู่คุยกับลูกค้าเสร็จนานแล้ว
“ประธาณซู ของที่นายต้องการ” โจวเฉิงยื่นของให้ซูซีมู่แบบหายใจเกือบไม่ทัน
ซูซีมู่มองเขาด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
โจวเฉิงรีบพูดขึ้นมาว่า “ประธาณซู ผมไปต้มชาให้นาย …”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ซูซีมู่ก็ตัดบทเขา “พรุ่งนี้งานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทดี้ก้วนวางแผนไว้ให้ใครไป?”
โจวเฉิงชะงักไปสองสามวินาที ถึงจะตามความคิดของซูซีมู่ได้ทัน “ผู้จัดการจางไปครับ”
“เปลี่ยนเป็นคุณไปแทน” พูดเสียงนิ่งเรียบ
“หา?” โจวเฉิงมึนงงไปหมด
ซูซีมู่หันไปมองหน้าโจวเฉิงแล้วพูดต่อ “ก่อนไป เข้าไปรับผมที่บ้าน”
ที่แท้ประธาณซูก็วางแผนว่าจะไปเองนี่เอง! โจวเฉิงสบายใจขึ้นมาบ้าง “ครับ”
ซูซีมู่ส่งเสียงอึมออกมา จากนั้นชี้ไปที่ห่อดอกเก๊กฮวยกับดอกสายน้ำผึ้งในมือโจวเฉิง “ไปต้มให้ผมหน่อย”
“ครับ … ” โจวเฉิงรีบเอาดอกเก๊กฮวยกับดอกสายน้ำผึ้งเดินเข้าไปตรงที่ชงกาแฟ