บทที่ 25 ไม่ใช่แฟนสาว
ในรถกลับมาเงียบกริบเช่นเดิม โล่เฟยเอ๋อทำปากพะงาบ ๆ เหมือนอยากจะช่วยอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาก็เปลี่ยนไปมองแสงไฟสีแดงที่สาดส่องตลอดทาง
ครึ่งชั่วโมงถัดมา ซูซีมู่ก็จอดรดให้โล่เฟยเอ๋อลงตรงหน้าประตูใหญ่ของชุมชนปี้ไห
รอจนรถจอดสนิท โล่เฟยเอ๋อก็ปลดสายเข็มขัดนิรภัยพลางพูดกับซูซีมู่ว่า “ขอบคุณค่ะที่มาส่งฉัน”
ซูซีมู่พยักหน้าเล็กน้อย ถือว่าเป็นการตอบรับ
โล่เฟยเอ๋อหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินลงจากรถ ก่อนจะปิดประตูเธอก็อดไม่ได้ที่จะกับชับเขา “คุณขับรถระวัง ๆ นะคะ”
ซูซีมู่ทำเสียงอึมในลำคอตอบรับ ทั้งยังบอกว่า “ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์!” โล่เฟยเอ๋อปิดประตูพร้อมกลับหมุนตัว
ซูซีมู่หันไปมองเธอครู่หนึ่งจึงได้ขับรถออกไป
โล่เฟยเอ๋อยืนส่งเขาจนรถของเขาหายเข้าไปในความมืดถึงจะหมุนตัวเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
เมื่อเดินเข้าไปยังที่พัก หซิวหชูเฉียวนั้นหลับไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อกลัวว่าจะทำเสียงดังจนเธอตื่น จึงไม่ได้อาบน้ำ เพราะถึงยังไงก่อนหน้านี้อาบมาจากห้องที่โรงแรมนั้นแล้ว
เธอเพียงแค่ล้างหน้าแปลงฟันจากนั้นก็ขึ้นไปนอนพักบนเตียง
ถึงแม้ว่ามันจะดึกมากแล้ว แต่โล่เฟยเอ๋อกลับนอนไม่หลับ
เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงครั้งแล้วครั้งเล่า นึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
เธอเปียกปอนไปทั้งตัว เขาดึงดันที่จะจองห้องพักอีกทั้งยังให้คนไปซื้อเสื้อผ้ามาส่งให้ถึงโรงแรม
เธอใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อโกหกคนอื่น เขาไม่เพียงแค่ไม่โมโห แต่กลับช่วยเธอให้หลุดจากวงนั้นด้วย
เขาช่วยเธอตบหน้าถังหซิวฉีและกู้ชิงหลันเข้าอย่างจัง …
เขายังช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ …
คิดไปคิดมา โล่เฟยเอ๋อก็คิดไปถึงการจูบของซูซีมู่ ทำให้เธอหน้าแดง ร้อนรุ่ม ทั้งยังใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จูบตอบด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
โล่เฟยเอ๋อไม่มีประสบการณ์นำการจูบ นั่นเป็นจูบแรกของเธอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาจูบต้องรู้สึกอย่างไร
เธอยกมือขึ้นแตะริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้มันจะผ่านช่วงเวลาที่ซูซีมู่จูบเธอไปเป็นเวลาค่อนข้างนานแล้ว แต่ว่าบนริมฝีปากกลับยังมีร่องรอยของรสชาตและความอบอุ่นของเขาอยู่ …
อยู่ ๆ โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึกเหมือนถูกความร้อนลวกขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้นเธอจึงเอามือออก
“โล่เฟยเอ๋อ เธอคิดอะไรอยู่? เขาก็แค่แสดงละครเพื่อช่วยเธอเท่านั้น ยังจะมาคิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดไม่หย่อนทำไมอีก?”
โล่เฟยเอ๋อสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัว เธอลุกขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เที่ยงคืนครึ่งแล้ว พอดีกับที่ซูซีมู่กลับจากที่นี่ไปถึงคฤหาสน์
อยู่ ๆ เธอก็มีความคิดย้อนขึ้นมาในหัว เขาจะถึงบ้านหรือยัง? เตรียมที่จะส่งข้อความให้ซูซีมู่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อครู่นี้เขาคุยโทรศัพท์บนรถเหมือนว่าจะไปที่ไหนสักที
นิ้วของโล่เฟยเอ๋อค้างอยู่อย่างนั้น ลบข้อความที่พิมพ์ไว้ออก เปลี่ยนเป็น “รีบกลับบ้านไปพักผ่อนนะ” หลังจากส่งข้อความออกไป โล่เฟยเอ๋อก็วางโทรศัพท์เอาไว้บนตู้หัวเตียง ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง หลับตาลง เพียงแค่เสี้ยววินาทีเธอก็หลับไป
เมื่อซูซีมู่มาถึงคลับดี้เหา ก็เที่ยงคืนพอดี ในห้องVIPมีเพียงแค่ลู่ยู่คนเดียว
“ประธาณซู ดึกหน่อยของแกนี่มันดึกจริง ๆ !” ลู่ยู่พูดแขวะซูซีมู่
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร ถอดเสื้อสูทให้กับพนักงานแล้วจึงนั่งลงบนโซฟา
เห็นว่าซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร ก็พูดขึ้นโดยไม่เกรงกลัว “คืองี้นะซูซีมู่ ผู้หญิงในโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ใครวะ?”
ซูซีมู่มองหน้าเขาแวบหนึ่งไม่พูดอะไร เพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบรีโมทเพื่อเปิดโทรทัศน์ ค่อย ๆ เลื่อนหาช่องที่ต้องการ
“ซูซีมู่ อย่าแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้น่า พูดมา” ลู่ยู่แสดงชัดเจนว่าไม่ยอมง่าย ๆ
“เพื่อนคนหนึ่ง” ซูซีมู่ตอบขึ้นมาเบา ๆ
“ซูซีมู่ แกมีแฟนแล้วเหรอวะ?” ลู่ยู่ทำเสียงตื่นเต้นราวกับเพิ่งค้นพบแผ่นดินใหม่
แฟน? ซูซีมู่ชะงักไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่”
ลู่ยู่จ้องไปที่ซูซีมู่สักพัก “ไม่ใช่จริงอะ?”
ซูซีมู่หันไปมองลู่ยู่แวบหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรต่อ
ลู่ยู่กระพริบตาปริบปริบ จากนั้นก็พูดขึ้นมากึ่งเล่นกึ่งจริง “ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นเพราะมาก ยังไงก็ไม่ใช่แฟนแกอยู่แล้ว งั้นก็แนะนำให้ฉัน …”
ลู่ยู่ยังไม่ทันจะพูดจบ ซูซีมู่ก็ตัดบทขึ้นมา “ไม่ได้”
ลู่ยู่รู้จักกับซูซีมู่มาก็นานมากแล้ว แต่ไม่เคยเห็นปฏิกิริยาเขาแบบนี้มาก่อนเลย เขากระพริบตารัว ๆ ถึงจะได้สติคืนมา “ทำไมไม่ได้อะ? ยังไงฉันก็รูปโฉมงดงามราวกับรูปปั้นหยกเลยนะ!”
คำพูดของลู่ยู่นี้ไม่ได้หลงตัวเองแต่อย่างใด ถึงเขาจะไม่ได้ดูดีเว่อร์วังเท่ากับซูซีมู่ แต่ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหน้าตาดีมาก ๆ ที่สามารถจะยืนเคียงข้างโล่เฟยเอ๋อได้ แต่พอซูซีมู่คิดไปว่าลู่ยู่จะต้องไปยืนอยู่ข้างๆโล่เฟยเอ๋อ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
เขาไม่มีเวลาไปคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพียงแค่หันไปบอกลู่ยู่ว่า “แกมันเป็นพวกรักสนุก ไม่อนุญาตให้ไปยุ่งกับเธอ”
ได้ยินซูซีมู่พูดประโยคนี้ ลู่ยู่ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “เฮ้ยเฮ้ย จะมาว่าฉันเป็นพวกรักสนุกได้ไง ฉันก็แค่มองหาคนที่เหมาะสมกับฉัน …” ลู่ยู่ยังไม่ทันที่จะได้พูดให้จบประโยค ซูซีมู่ก็ใช้สายตาเย็นชากวาดไปมองที่เขาแวบหนึ่งแล้วจึงหันกลับมา
สายตาที่แอบแฝงไปด้วยความโกรธและเหมือนกับจะมีความอยากฆ่าคนแฝงอยู่เล็ก ๆ
ลู่ยู่รีบฟุบปากในทันที สายตาของซูซีมู่นั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว แถมยังมีแววตาเหมือนจะฆ่าคนผสมอยู่ด้วย!
ถึงแม้จะเตือนลู่ยู่ไปแล้ว และก็รู้ดีว่าลู่ยู่จะไม่ไปยุ่งกับโล่เฟยเอ๋อ แต่ซูซีมู่ก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี
เขาดึงเนคไทอย่างหงุดหงิด แต่เหมือนจะรู้ว่าไม่ได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายจึงยกเมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอลขึ้นมาดู
ลู่ยู่พูดออกมาด้วยความตกใจ “ซูซีมู่ แกจะดื่มเหรอ?”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เรียกพนักงานและสั่งเหล้า
ลู่ยู่มองดูซูซีมู่ที่สั่งตั้งแต่เบียร์ไปจนถึงเหล้าขาว ยังสั่งแชมเปญ ไวน์ สุดท้ายก็สั่งเหล้านอก เขายื่นแก้วให้ลู่ยู่จากนั้นก็เริ่มดื่ม
ลู่ยู่เห็นเขาดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ก็พยายามพูดกล่อมว่า “ดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย เดี๋ยวเมา!”
ซูซีมู่ไม่ตอบอะไร เขายึดแก้วในมือลู่ยู่มาแล้วกระดกลงไปรวดเดียว
ลู่ยู่มองไปที่ขวดเหล้าในมือ แล้วก็หันไปมองซูซีมู่ สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็คงต้องอยู่เป็นเพื่อนเขา
แน่นอน ลู่ยู่ไม่ได้ดื่มมากเท่าซูซีมู่ อยู่กันสองคนยังไงก็ต้องมีหนึ่งคนที่มีสติ!
ซูซีมู่ดื่มหมดไปหนึ่งขวดก็ต่อขวดที่สอง กำลังจะเปิดขวดที่สาม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซูซีมู่ที่กำลังกระดกเหล้าไม่ลืมหูลืมตานั้นก็หยุดลงชั่วครู่
วินาทีต่อมาลู่ยู่ก็เห็นซูซีมู่โยนแก้วลงกลับพื้น จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ก็ไม่รู้ว่าเห็นข้อความอะไร เขาลุกขึ้นยืน หยิบชุดสูทบนชั้นลงมา จากนั้นก็เปิดประตูออกจากห้องวีไอพีไป
“เห้ย … ซูซีมู่ไปไหนวะ?” ลู่ยู่ลุกขึ้นพลางตะโกนถาม
“กลับแล้ว … ” ซูซีมู่พูดออกมาอย่างไม่ค่อยชัดนัก
“เมาขนาดนี้กลับยังไงล่ะ? มา เดี๋ยวฉันหาคนไปส่ง”
ลู่ยู่ส่งซูซีมู่ขึ้นรถ ถึงจะนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นเพราะเขาเห็นข้อความในโทรศัพท์ จึงลุกขึ้นกลับทันที
What! ใครช่างมีอิทธิพลขนาดนี้ แค่ข้อความเดียว ก็สามารถทำให้คนที่เมาหัวแทบราน้ำอย่างซูซีมู่กลับบ้านได้โดยไม่งอแง