บทที่ 47 เธอมาทำให้แปลกใจ
เมื่อโล่เฟยเอ๋อขึ้นแท็กซี่ไปถึงซีจีเมเจอร์ หซิวหชูเฉียวก็กำลังรอเธออยู่ที่นั่น
“โล่เฟยเอ๋อ เธอมาแล้ว”
“หชูเฉียว นี่ตั๋วหนัง”โล่เฟยเอ๋อนำตั๋วหนังออกจากกระเป๋าของเธอแล้วส่งไปหซิวหชูเฉียว
หซิวหชูเฉียวฮ:“โล่เฟยเอ๋อ,ดูด้วยกันจริงๆเหรอ?เธอก็รู้ว่าตั๋งเรื่อง《zero》กว่าจะได้มายากแค่ไหน”
“ไม่ดูแล้ว”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว
หซิวหชูเฉียวเหย้าแหย่:“ได้ ฉันรู้ว่าไม่มีคนๆนั้น เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะดูหนังหรอก”
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อมืดลงแล้วพูดว่า:“ฉันไปก่อนนะ”
“อืม”หซิวหชูเฉียวพยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อโบกมือให้เธอ แล้วหันหลังกลับไป
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ไปหาซูซีมู่ทันที แต่ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อผลไม้ไปนิดหน่อย
ไม่รู้ว่าซูซีมู่ชอบผลไม้ชนิดไหน โล่เฟยเอ๋อเลยซื้อไปทุกชนิด
เมื่ออยู่บนรถแท็กซี่ โล่เฟยเอ๋อสังเกตเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงห้าสิบนาทีแล้ว
“ฉันไม่รู้ว่าเขากินข้าวเย็นหรือยัง?ถ้ายังไม่ได้กินก็ถือโอกาสเอาอาหารเย็นไปให้เขาเลย”โล่เฟยเอ๋อพึมพำเบาๆแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาซูซีมู่
ซูซีมู่ใช้เวลาตลอดช่วงเช้าเพื่อตรวจสอบและอนุมัติเอกสารที่โจวเฉิงส่งมาให้เขา และในตอนเที่ยงหมอเฉิงก็มารักษาให้เขา
หลังจากพักผ่อนช่วงบ่ายครู่หนึ่ง ก็เริ่มการประชุมทางวิดีโอ
หลังจากประชุมเสร็จตอนห้าโมงเย็น เขาพักเกือบชั่วโมงก่อนจะโทรสั่งอาหารเย็นอาหารเย็นมาส่งตอนหกโมงสิบห้านาที,ซูซีมู่ลูบต้นคอที่เมื่อยเล็กน้อย,เขานังลงที่โต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบขึ้นมา ยังไม่ทันจะได้กินข้าว โทรศัพท์ของขาก็ดังขึ้นมา
ซูซีมู่ วางตะเกียบลง แล้วล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า ที่หน้าจอเป็นเบอร์ของโล่เฟยเอ๋อโทรมา เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงรับสาย
มีเสียงของโล่เฟยเอ๋อดังขึ้นมา“ซูซีมู่?”
ซูซีมู่ตอบกลับคนในโทรศัพท์‘อืม’หนึ่งคำ“เลิกงานแล้วเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับมา“เลิกแล้ว กำลังจะถึงเขตตะวันออก”
เขตตะวันออก?ใช่แล้ว ทำไมเขาถึงลืมว่าคืนนี้เธอต้องไปดูหนังที่เขตตะวันออก?ภาพยนตร์เรื่องนี้จะฉายตอนหกโมงสามสิบนาทีตอนนี้หกโมงสิบห้านาที เธอควรจะรอเข้าโรงหนังแล้วไม่ใช่เหรอ
ซูซีมู่ตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวลไปหนึ่งคำ‘อ่อ’
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปสองสามวินาทีแล้วถามว่า “คุณกินข้าวแล้วหรือยัง?”
ซูซีมู่มองดูอาหารบนโต๊ะแล้วตอบว่า “กินแล้ว”
“อืม,งั้นฉันวางสายก่อนนะ”โล่เฟยเอ๋อบอกเขา
ซูซีมู่ตอบกลับไปแค่‘โอเค’แล้ววางสายไป
หลังจากวางสายไป ซูซีมู่มองอาหารบนโต๊ะ แล้วกินไม่ลง
เขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นไปที่ชั้นสอง
เขาปลดกระดุมเสื้อไปด้วยแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากอาบน้ำอุ่นๆ ,ซูซีมู่สวมชุดนอนแล้วหยิบผ้าขนหนูเช็ดผมที่มีน้ำหยดลงมาไปด้วย แล้วเดินไปที่ระเบียง
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว แต่ในตอนกลางคืนก็ยังคงเย็นอยู่,ซูซีมู่สวมแค่ชุดนอนบางๆ ยืนที่ระเบียงได้ไม่นานก็รู้สหนาวไปทั้งตัว ต้นคอที่เมื่อยอยู่ก่อนแล้วรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมา
ซูซีมู่ยังคงนิ่งเฉย มองลงไปที่โคมไฟถนนส่องแสงสีเหลืองอบอุ่นที่อยู่ไม่ไกล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆซูซีมู่ก็เห็นเงาคนที่คุ้นเคยกำลังพยายามถือของหนักๆเดินมาที่วิลล่าจากไกลๆ
เธอมาได้ยังไง?ไม่ใช่ว่าเธอไปดูหนังเหรอ?
เมื่อโล่เฟยเอ๋อเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของซูซีมู่ก็เต้นแรงขึ้นมา
เขามองดูโล่เฟยเอ๋อเดินเข้าไปที่ลานบ้าน และเดินผ่านเข้ามาในที่สุดก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูข้างล่างดังขึ้น เขาถึงหายเข้าไป
จากนั้นก็รีบลงบันไดไปเปิดประตูและเห็นโล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ข้างนอก
เธอยืนอยู่เงียบๆใต้โคมไฟสีเหลืองที่ประตู และมองเข้าไปในดวงตาของเขาที่ส่องสว่างดั่งน้ำใส
ประมาณครึ่งนาทีผ่านไป โล่เฟยเอ๋อยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า “เห็นฉันแล้วประหลาดใจมากเลยเหรอ?”
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร เขาละสายตาจากโล่เฟยเอ๋อไปมองถุงใส่ของในมือเธอเขาเอื้อมมือจะไปหยิบถุงในมือโล่เฟยเอ๋อ แต่โล่เฟยเอ๋อเบี่ยงตัวหลบเขา
“ไม่หนัก ฉันถือเองได้”โล่เฟยเอ๋อก็เปลี่ยนรองเท้า แล้วถือของเข้าไปในครัว
ซูซีมู่มองตามหลังเธอไปสองสามวินาที เขาเอื้อมมือปิดประตูแล้วตามเธอเข้าไป
โล่เฟยเอ๋อวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะน้ำชา จู่ๆก็หันไปเห็นไปที่อาหารที่ยังไม่มีใครกินต้องบนโต๊ะอาหารแล้วถามว่า “คุณไม่ได้บอกว่ากินข้าวแล้วเหรอ?ทำทั้งหมดนี้ยังไม่ได้กินเลย?”
ได้ยินคำถามของโล่เฟยเอ๋อใบหน้าของซูซีมู่ก็เก้อเขินเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี แต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง。โล่เฟยเอ๋อโกรธแต่ไม่ได้ว่าเขาและไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่ตอบกลับไปว่า:“ฉันก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน อยากกินด้วยกันสักหน่อยไหม?”
“อืม”ซูซีมู่พยักหน้ากำลังเตรียมจะเอาอาหารไปอุ่นในครัว แต่โล่เฟยเอ๋อห้ามเขาไว้“ฉันเอง คุณไปนั่งรอเฉยๆ”
หลังจากโล่เฟยเอ๋อแสดงท่าทีให้ซูซีมู่เห็นว่า ‘คุณอย่าขยับดีที่สุด’ก็ถือจานอาหารเข้าไปในครัว
ครั้งนี้อาหารจานร้อนไม่ได้ดูน่าตกใจเหมือนครั้งที่แล้วมันน่าตื่นเต้น
หลังจากกินอาหารเสร็จ ซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อก็นั่งลงบนโซฟา
ท่ามกลางความเงียบ บรรยากาศดูเหมือนจะอึดอัดเล็กน้อย โล่เฟยเอ๋อทำได้เพียงแต่เริ่มชวนคุย
“จะกินผลไม้ไหม?ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบอันไหน ก็เลยซื้อมาหมดเลย”
ซูซีมู่มองการกระทำของเธอโดยไม่ได้แสดงสีหน้า และไม่ได้พูดอะไรโล่เฟยเอ๋อชินกับการที่ซูซีมู่เงียบไป เธอหยิบผลไม้ออกจากถุงแล้วถามซูซีมู่“แอปเปิลได้ไหม?”
“อืม”ซูซีมู่พยักหน้าเล็กน้อย
เห็นซูซีมู่พยักหน้า โล่เฟยเอ๋อยิ้มจนคิ้วของเธอย่นไปหมด“ฉันปอกเปลือกก่อน”
โล่เฟยเอ๋อหยิบมีดปอกผลไม้ออกจากถุงมาปอกแอปเปิลให้ซูซีมู่ น่าเสียดาย ฝีมือของเธอไม่ดี พอกดมีดหั่นลงไปแอปเปิลชิ้นหนึ่งก็ลอยไปที่โต๊ะน้ำชา
เห็นมีดในมือโล่เฟยเอ๋อแล้ว ใบหน้าไร้อารมณ์ของซูซีมู่ก็กระตุก “ผมเอง”
“ฉันทำได้”โล่เฟยเอ๋อโยนเศษแอปเปิลบนโต๊ะน้ำชาลงถังขยะ แล้วกดมีดลงไปอีกครั้ง แต่หั่นออกมาได้ขนาดเท่าเล็บมือ
ครั้งนี้ซูซีมู่ไม่ได้พูด แต่หยิบมีดออกจากมือโล่เฟยเอ๋อ แล้วหยิบแอปเปิลลูกใหม่มาปอก
ดูแอปเปิลที่สวยงามของซูซีมู่ นิ้วที่เรียวยามกำลังหมุนไปรอบๆปอกเปลือกออกเป็นเส้นโดยไม่ขาดโล่เฟยเอ๋อ มองตาไม่กะพริบ
“ซูซีมู่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะปอกแอปเปิลได้สวยขนาดนี้ คุณเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบจริงๆเลย มีเงิน มีเสน่ห์ ทำงานบ้านได้ เข้าครัวเป็น……เอ่อ……” ดูเหมือนตัวเองจะล่วงเกินเขาไป โล่เฟยเอ๋อรีบปิดปากทันที แล้วมองไปที่ซูซีมู่อย่างระมัดระวัง
มีรอยยิ้มน้อยๆบนหน้าของเขา มุมปากเขายกขึ้นมาเล็กน้อย
ยิ้ม?เธอมองผิดไปหรือเปล่า?โล่เฟยเอ๋อหันไปมองอีกที พบว่าใบหน้าของซูซีมู่ไม่เห็นจะยิ้ม ก็เป็นเหมือนปกติ ยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ที่แท้ก็มองผิดไป เขาจะยิ้มได้ยังไง?โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวไปมา