บทที่52 เธอเกือบจะจูบเขาอย่างดูดดื่ม
เขาทำอะไร? ในใจของซูซีมู่เองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
หลังจากนั้นสักพัก เขาหันไปพูดกับโล่เฟยเอ๋ออย่างเรียบเฉย “อยู่ห่าง ๆ เจ้าเพลย์บอยนั่นหน่อย”
ใช่ เขาไม่อยากให้หนุ่มเพลย์บอยอย่างลู่ยู่เข้ามายุ่มย่ามกับโล่เฟยเอ๋อ เพราะลู่ยู่เคยพูดก่อนหน้านี้ให้เขาแนะนำโล่เฟยเอ๋อให้กับเขา
โล่เฟยเอ๋อ อึ้งไปแล้วพยักหน้า
ทำเอาลู่ยู่ที่อยู่ตรงนั้นร้อนตัวขึ้นมา “เพลย์บอยอะไรกัน ซูซีมู่นายทำลายชื่อเสียงฉัน”
ซูซีมู่ไม่สนใจเขาสักนิด แต่กลับลากโล่เฟยเอ๋อไปที่ระเบียงไกล ๆ
ลู่ยู่ ทำตาปริบ ๆ คุยเล่นกับโล่เฟยเอ๋อ
“โล่เฟยเอ๋อคุณรู้จักกับซูซีมู่ตอนไหน?”
โล่เฟยเอ๋อมองไปด้านนอกระเบียงแล้วพูด: “เมื่อราว ๆ เดือนกว่าก่อนหน้านี้”
“เดือนกว่า?” ลู่ยู่อุทาน
แค่เดือนกว่า เธอสนิทกับซูซีมู่ขนาดนี้แล้วเหรอ? เวลานั้นเขาเฝ้าเอาอกเอาใจตามติดซูซีมู่อยู่หกเดือน สุดท้ายเขาก็ยังหน้าด้านหน้าทนตามติดซูซีมู่
ทำไมถึงได้ทำอะไรก็ไม่ดีเหมือนคนอื่นน่าโมโหจริง ๆ?
ไม่ใช่สิ ซูซีมู่ไม่เคยชอบผู้หญิงเลยนี่นา? โล่เฟยเอ๋อคนนี้มีอะไรดีนะ?
ลู่ยู่พิจารณาไปพลางและถามโล่เฟยเอ๋อไปพลาง “โล่เฟยเอ๋อคุณรู้จักซูซีมู่ได้ยังไง?”
รู้จักได้ยังไง? โล่เฟยเอ๋อหันไปมองซูซีมู่โดยไม่รู้ตัว
ซึ่งคนหลังนั้นยืนพิงราวเหล็กอยู่ มองออกไปด้านนอกด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เหมือนกับตอนที่เธอพบเขาครั้งแรกไม่มีผิด…
ไม่เคยเป็นมาก่อน โล่เฟยเอ๋อไม่ค่อยอยากจะแบ่งปันเรื่องราวการพบกันครั้งแรกระหว่างเธอกับซูซีมู่เท่าไรนัก จึงตอบเขาไปแบบส่ง ๆ: “ก็รู้จักกันแบบนั้นแหละ”
อันที่จริงซูซีมู่ก็อยากรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะบอกกับลู่ยู่ว่าการพบกันครั้งของพวกเขาเป็นอย่างไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะใช้คำตอบแบบขอไปทีแบบนี้ตอบลู่ยู่
มีช่วงเวลาผิดหวังเล็ก ๆ แต่เขากลับรู้สึกพอใจที่เล็ก ๆ เช่นกันที่โล่เฟยเอ๋อ ไม่บอกลู่ยู่
“รู้จักแบบนั้นแหละ? นี่มันคำตอบแบบไหนกัน? โล่เฟยเอ๋อคุณ…” ยังไม่ทันที่ลู่ยู่จะพูดจบ ซูซีมู่กวาดสายตามองไปที่เขา
เมื่อได้รับสายตาที่เป็นการประกาศเตือนจากซูซีมู่ ลู่ยู่รู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าไม่ควรจะถามอีกต่อไป และเรียกบริกรมา “โล่เฟยเอ๋อ คุณดื่มน้ำผลไม้หรือไวน์ดี?”
“น้ำผลไม้ ขอบคุณค่ะ” โล่เฟยเอ๋อกล่าวขอบคุณและยิ้มอ่อน
ลู่ยู่ส่งน้ำผลไม้ที่บริกรเทแล้ววางไว้บนโต๊ะให้โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นจึงหยิบไวน์สองแก้วขึ้นโต๊ะ แก้วหนึ่งส่งให้ซูซีมู่
ซูซีมู่ที่กำลังยื่นมือไปรับแก้ว เสียงของโล่เฟยเอ๋อก็ลอยมา
“ซูซีมู่คุณดื่มเหล้าไม่ได้ค่ะ”
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อพูดจบ แก้วทรงสูงในมือซูซีมู่ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อรับไป วางกลับไปที่ถาดของบริกร
ดูจากทุกขั้นตอน โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ดูเป็นธรรมชาติ และรู้กันขนาดนั้น
ลู่ยู่มีสีหน้าเหมือนถูกสายฟ้าฟาดแบบนั้น
พระเจ้า สิ่งที่เขาเห็นคืออะไร? การได้เห็นผู้หญิงแย่งแก้วไวน์ไปจากมือของซูซีมู่ แถมซูซีมู่ยังเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำพูด
“น้ำผมไม้ไหม?” โล่เฟยเอ๋อกลับไม่เห็นสีหน้าตกตะลึงเหมือนถูกฟ้าผ่าของลู่ยู่และหันไปถามซูซีมู่
“ขอน้ำเปล่าให้ผมแก้วหนึ่ง” ซูซีมู่สั่งบริกร
“โอ้โห โล่เฟยเอ๋อคุณเก่งมากเลยนะ สามารถจัดการซูซีมู่ได้” ลู่ยู่ร้องออกมาเสียงดังอยู่ด้านข้าง
“สภาพของเขาตอนนี้ไม่เหมาะที่จะดื่มเหล้าค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยท่าทีจริงจัง
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดเช่นนี้ ลู่ยู่ก็พูดเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้เช่นกัน “ใช่แล้ว ซูซีมู่เกิดเหตุรถชนเมื่อหลายวันก่อน…”
ลู่ยู่ยังพูดไม่จบ ซูซีมู่ ยื่นมือออกไปจับคอเสื้อของลู่ยู่แล้วลากเขาออกไปจากระเบียง
“แค่ก ๆ… ซูซีมู่นี่นายจะก่อเหตุฆาตกรรมรึไง?” ลู่ยู่ไอประท้วง
มือของซูซีมู่ยังคงจับอยู่ที่คอเสื้อของลู่ยู่ “อย่าพูดจากเพ้อเจ้อ”
ลู่ยู่หันไปมองโล่เฟยเอ๋อที่ยืนอยู่ที่ระเบียง จากนั้นจึงทำท่ารูดซิปปาก
ซูซีมู่เหมือนจะพอใจแล้ว จึงได้ละสายตาไปจากลู่ยู่
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเห็นซูซีมู่และลู่ยู่ไปที่ระเบียง จึงไม่มีใครเข้ามาทักทายพวกเขา
ตอนนี้พวกเขาออกมาจากที่ระเบียงแล้ว ผู้คนมากมายต่างกรูเข้ามารายล้อมพวกเขา กล่าวทักทาย
ลู่ยู่นั้นมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ เรื่องพวกนี้ถือเป็นเรื่องชำนาญ
ซูซีมู่ไม่ค่อยชื่นชอบ กลับไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้ ดังนั้นจึงได้แต่เงียบ และใช้ความเป็นชนชั้นสูง ก็เพียงพอให้เขารับมือกับสถานการณ์เหล่านี้
เมื่อคืนโล่เฟยเอ๋อนอนดึกมาก เช้าก็ต้องรีบมาที่คฤหาสน์ของซูซีมู่ ตอนนี้ยืนเบื่ออยู่ที่ระเบียง จึงเกิดความรู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย
เธอยกมือขวาขึ้นมาตบหน้าหลายทีเพื่อขับไล่ความง่วง จากนั้นจึงหันไปมองภายในห้อง ก็พบกับซูซีมู่และลู่ยู่ ที่ถูกรายล้อมอยู่
ซูซีมู่ยืนไร้อารมณ์อยู่ข้าง ๆ ลู่ยู่ ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
โล่เฟยเอ๋อยกมุมปากด้วยความตลก จากนั้นจึงใช้มือล้วงไปหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋า ก้มหน้าส่งข้อความตลกไปให้ซูซีมู่
ผ่านไปประมาณสิบกว่าวินาที โล่เฟยเอ๋อเห็นซูซีมู่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นผ่านไปไม่กี่วินาที ซูซีมู่เงยหน้าและมองมาที่ระเบียง
โล่เฟยเอ๋อมองไปที่เขาแล้วหัวเราะจนตาหยี จากนั้นจึงก้มหน้า แล้วพิมพ์ข้อความตลกอีกครั้ง เตรียมจะส่งให้ซูซีมู่
รอบนี้เธอยังไม่ได้พิมพ์เสร็จ ก็มีเงาดำปรากฏอยู่เหนือศีรษะเธอ จากนั้นก็ได้กลิ่นกายหอมที่คุ้นเคยของซูซีมู่
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตาสงสัยของซูซีมู่พอดี
ดวงตาของซูซีมู่เหมือนดั่งน้ำในทะเลสาบที่ลึกจนไม่สามารถมองเห็นก้นบึ้งได้ เป็นเหมือนดั่งแม่เหล็กที่ดึงดูดสายตาของโล่เฟยเอ๋อ เธอไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกในใจที่มีต่อซูซีมู่ เขยิบเข้าไปใกล้ซูซีมู่ทีละนิด ๆ
ได้เห็นหน้าของโล่เฟยเอ๋อเขยิบเข้ามาใกล้ทีละนิด ๆ ดวงตาของซูซีมู่เปลี่ยนไปค่อย ๆ มืดดำลง แต่ไม่มีความคิดที่จะถอยแม้แต่ก้าวเดียว
หน้าของโล่เฟยเอ๋อยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
จนเมื่อหน้าของโล่เฟยเอ๋อแทบจะติดกับหน้าของเขา ทันใดนั้นโทรศัพท์ของซูซีมู่ดังขึ้น
เขากวาดสายตาไปทางอื่นและมองลงต่ำ จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วรับสาย
“ฮัลโหล…ไม่…”
“ฮัลโหล…”
โล่เฟยเอ๋อได้ยินเสียงซูซีมู่คุยโทรศัพท์อย่างสั้นและเรียบง่าย ด้วยใบหน้าที่ร้อนแรงดังไฟ
เมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไป? คงไม่คิดว่าจะไปจูบเขา?
พระเจ้า! สุดท้ายแล้วเธอทำอะไรเนี่ย? เธอควรจะอธิบายสิ่งที่เธอทำไปกับเขาว่าอย่างไร?
โล่เฟยเอ๋ออยากจะร้องไห้เสียจริง ๆ
ซูซีมู่วางสายไป เขามองออกไปนอกระเบียงอย่างไม่ใส่ใจนักและถามขึ้น: “รู้สึกเบื่อรึเปล่า?”
โล่เฟยเอ๋อดึงสติกลับมา หันไปมองซูซีมู่ จากนั้นจึงหลบสายตาอย่างสับสน “พอไหว…”
ซูซีมู่พูดเบา ๆ: “ถ้างั้นคุณกลับก่อนไหม?”
ให้เธอกลับก่อน? เขารู้แล้วเหรอ? โล่เฟยเอ๋อหันไปมองซูซีมู่ พบว่าเขาหันมองออกไปที่นอกระเบียง เธอใช้เล็บจิกฝ่ามือแน่น จากนั้นจึงถามอย่างแผ่วเบา “คุณไม่ต้องให้ฉันไปส่งคุณกลับบ้านแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดเช่นนี้ ซูซีมู่รู้สึกกระวนกระวายใจ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบ “ถ้าหากว่าคุณเบื่อ ไปที่ห้องผมก่อนก็ได้”
โล่เฟยเอ๋อไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ซูซีมู่พูด “ได้เหรอคะ?”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบและไม่ได้มองไปที่โล่เฟยเอ๋อ เขาเพียงหยิบการ์ดออกมาใบหนึ่งจากเสื้อสูทและยื่นให้เธอ
โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากไปมา และรับมันมาจากมือเขา มองไปที่ซูซีมู่อย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงออกจากห้องไป