บทที่57 รับส่งทุกวัน
โล่เฟยเอ๋อเข้าใจว่า ‘เจอกันพรุ่งนี้’ คือพรุ่งนี้เลิกงานเจอกัน
คิดไม่ถึงว่าเช้าวันที่สองที่เธอเดินออกมาจากคอนโดเตรียมไปทำงาน กลับเจอซูซีมู่อยู่หน้าคอนโด
ต้นฤดูหนาวอากาศตอนเช้าจะหนาวนิดหน่อย เขากลับไม่รออยู่ในรถ กลับทำเหมือนหลายครั้งที่ไปรับเธอที่บริษัทดี้ก้วนเวลาเลิกงานคือยืนพิงข้างรถ
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วและเดินไป “คุณขับรถอีกแล้ว?”
ซูซีมู่ชี้ไปที่ชายกลางคนที่ยืนอีกด้านแล้วพูด: “คนขับรถขับ”
ไม่สนใจคนตัวใหญ่ทางนั้น สีหน้าของโล่เฟยเอ๋อเขินจนทนไม่ไหว
“อะแฮ่ม…” เธอกระแอมจากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “งั้นทำไมคุณไม่รอในรถคะ? ตอนเช้ามันหนาวนะ มา ตากลม เดี๋ยวเจ็บคออีก”
“ไม่เป็นไร” ซูซีมู่ส่ายหน้า สายตามองไปที่กระเป๋าปูด ๆ ของโล่เฟยเอ๋อ เขารู้ว่าวันนี้เธอจะไปทำงาน ยังดีที่มาทันเวลา สายตาของซูซีมู่เป็นประกายแล้วถาม “ไปทำงาน?”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “ใช่”
“ลาพัก” ซูซีมู่พูดตรง
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าโดยไม่คิด “ไม่ต้องลาหรอก”
ล้อเล่นรึไง ตอนนี้เธอจนจนไม่รู้จะจนยังไงแล้วโอเคไหม? เพื่อรางวัลพนักงานดีเด่นเธอจะไม่ลาพัก
แต่ซูซีมู่จะรับปากยอมทำตามเธอเมื่อไหร่กัน? เขาเองก็ไม่พูด จูงโล่เฟยเอ๋อไปที่รถของตัวเอง
คนขับรถทำงานอย่างรู้หน้าที่วิ่งเหยาะ ๆ ช่วยเขาเปิดประตู
ซูซีมู่จับเอาโล่เฟยเอ๋อเข้าไปนั่งในรถก่อน จากนั้นตนเองค่อยตามเข้าไปนั่ง
คนขับรถขึ้นรถและมองไปข้างหน้า สตาร์ทรถและถาม “ประธาณซู ไปไหนครับ?”
“วิลล่าหลันถิง” ซูซีมู่ตอบอย่างเรียบเฉย
หลังจากที่สิ้นเสียงซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็พูดขึ้นทันที: “ฉันจะไปทำงาน”
“วันนี้พักก่อน” ซูซีมู่ยังยืนยันไม่ให้โล่เฟยเอ๋อ ไปทำงาน
โล่เฟยเอ๋อจึงพูดอย่างร้อนรน: “มือฉันเกือบจะหายแล้ว ไปทำงานได้แล้ว”
ซูซีมู่นั่งพิงพนักครึ่งหนึ่ง ไม่พูดอะไร
“จริง ๆ เลย ไม่เชื่อคุณดูสิ” พูดแล้วโล่เฟยเอ๋อ ก็ยื่นมือและเปิดผ้าพันแผล อยากจะให้ซูซีมู่ ดู
เมื่อซูซีมู่เห็นการกระทำของเธอ จึงรีบยกมือขึ้นมาหยุดเธอ “ผมเชื่อ”
“งั้นให้ฉันไปทำงานนะ?” โล่เฟยเอ๋อรีบถาม
ซูซีมู่ตอบ ‘อือ’ สั้น ๆ อย่างเรียบเฉย แต่มือของเขากลับพันผ้าพันแผลบนมือของโล่เฟยเอ๋อที่แกะออกมาอย่างอ่อนโยน
โล่เฟยเอ๋อมองดูการกระทำของซูซีมู่ ครู่เดียวก็จับจ้องสายตา
เขาหรี่ตาเล็กน้อยและไม่กะพริบตา แสดงออกว่าตั้งใจราวกับกำลังทำเรื่องที่สำคัญมากอยู่
แท้จริงแล้วได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเขา ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว
โล่เฟยเอ๋อปลอบประโลมตัวเองอยู่ในใจ
หลังจากซูซีมู่ช่วยพันแผลให้โล่เฟยเอ๋อเสร็จแล้ว และทำตามคำขอของโล่เฟยเอ๋อจริง ๆ ให้คนขับรถขับไปที่บริษัทดี้ก้วน
เมื่อลงจากรถ ซูซีมู่ พูด: “เลิกงานรอตรงนี้นะ”
เมื่อได้ยินซูซีมู่พูดเช่นนี้โล่เฟยเอ๋อจึงรีบพูด: “คุณก็อย่าไปไหนซี้ซั้ว เดี๋ยวจะเจ็บคอ” เทียบกับมือของตัวเองแล้ว โล่เฟยเอ๋อเป็นกังวลกระดูกสันหลังส่วนคอของซูซีมู่มากกว่า
ซูซีมู่จ้องโล่เฟยเอ๋อพักหนึ่ง สุดท้ายจึงตอบ: “คนขับรถมา”
เมื่อได้ยินว่าซูซีมู่ บอกว่าตัวเองมาไม่ได้ แต่ให้คนขับรถมา โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “ได้”
ซูซีมู่ตอบ‘อือ’ แล้วให้คนขับรถออกรถ
รอจนรถขอซูซีมู่ออกตัวไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อจึงเดินเข้าบริษัทอย่างมีความสุข
ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะกลับมาอยู่ที่เดิม แต่เธอก็พอใจมาก
เธอทนไม่ได้ในวันที่ไม่มีเขา ถ้าหากว่าเป็นไปได้ เธอยินดีที่จะให้เขาไม่ค้นพบตลอดไป และอยู่ในสถานะเพื่อนคอยอยู่ข้าง ๆ เขาตลอดไป
เมื่อซูซีมู่ ส่งโล่เฟยเอ๋อแล้ว ให้คนขับรถไปบ้านซู ที่เขตชานเมือง
เดิมทีเขาคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณท่านซูแล้วก็ไป สุดท้ายคุณท่านซูให้เขาอยู่ทานข้าวด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว หมอเฉิงมาเพื่อให้การตรวจรักษาคุณท่านซู จึงตรวจกระดูกสันหลังส่วนคอของซูซีมู่ด้วยเลย
ผลการตรวจของซูซีมู่ครั้งค่อนข้างดี ทุกคนจึงรู้สึกสบายใจ
ช่วงบ่ายโจวเฉิงนำเอกสารจากที่บริษัทมาให้ที่บ้านซู ซูซีมู่ จึงไม่ได้กลับเข้าเมือง
จนถึงบ่ายสี่โมงครึ่ง เขาสั่งให้คนขับรถไปรับโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทดี้ก้วน
“คุณช่วยไปรับเธอที่บริษัทดี้ก้วน”
“ครับ ประธาณซู”
ในขณะที่ซูซีมู่กำลังสั่งคนขับรถอยู่นั้น คุณท่านซูออกมาจากห้องและได้ยินพอดี แววตาอยากได้ใคร่รู้
รอจนคนขับรถออกไปแล้ว คุณท่านซูลองถาม “ระดมพลให้คนขับรถไปรับใครกันนะ?”
“ไม่มีใคร” ซูซีมู่ตอบอย่างเรียบเฉย
“ไม่มีใครจริงอ่ะ?” คุณท่านซูสีหน้าไม่เปลี่ยนแต่แววตากลับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซูซีมู่ไม่มีทางพลาด
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดกับคุณท่านซูอย่างเรียบเฉย: “อย่าไปใส่ใจเลยครับ”
ในน้ำเสียงของซูซีมู่มีนัยถึงการแจ้งเตือน ไม่ได้ทำให้ความสนใจคุณท่านซูหายไปแต่กลับทำให้เขายิ่งสนใจกว่าเดิม
ต้องรู้ว่าซูซีมู่เปลี่ยนไปมากเพียงใดจากการหลบหนีการแต่งงานครั้งก่อน
เขาอยากรู้ขึ้นมาจริง ๆ แล้วว่าอะไรคือสาเหตุให้ซูซีมู่ เปลี่ยนไปขนาดนี้
วันที่สองซูซีมู่เริ่มกลับไปทำงานที่บริษัท ดังนั้นในตอนเช้าคนขับรถจึงไปรับเขาที่วิลล่าหลันถิงก่อน จากนั้นจึงไปรับโล่เฟยเอ๋อ ที่ชุมชนปี้ไห จากนั้นจึงไปส่งโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทดี้ก้วน สุดท้ายจึงไปส่งซูซีมู่เข้าที่ทำงานที่บริษัทซูซื่อที่ เมืองA
ทุกวันเขาเสียเวลาไปบนท้องถนนมากกว่าเดิมมากกว่าครึ่ง แต่ซูซีมู่กลับมีความสุขไม่เหน็ดเหนื่อย
แม้จะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วและแผลของโล่เฟยเอ๋อก็ตกสะเก็ดแล้ว แต่ก็ยังเป็นเช่นเดิม
วันนี้หลังโล่เฟยเอ๋อเลิกงาน ซูซีมู่ไม่ได้มารับเธอ มีเพียงคนขับรถที่มา
โล่เฟยเอ๋อคาดการณ์ว่าซูซีมู่คงจะทำโอทีอยู่ที่บริษัท จึงไม่คิดมาก คิดเพียงว่าดึกกว่านี้จะโทรหาซูซีมู่ บอกเขาว่าอย่าทำโอทีจนดึกเกินไป
โล่เฟยเอ๋อบอกกับคุณขับรถ: “คุณหลี่ ขอโทษนะคะ รบกวนคุณอีกแล้ว”
“ไม่รบกวนเลยครับ คุณโล่” คนขับรถประทับใจในมารยาทของโล่เฟยเอ๋อ ยิ่งไปกว่านั้นในใจของเขาคิดว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นแฟนสาวของซูซีมู่
ล้อเล่นรึไง เป็นคนขับรถให้ประธาณซู มานานหลายปี เคยเห็นประธาณซูสนิทสนมกับผู้หญิงที่ไหนขนาดนี้เหรอ? ไม่มี ควรจะต้องบอกว่าประธาณซูเคยสนิทสนมกับใครขนาดนี้ที่ไหนกัน? คุณโล่คนนี้ไม่ใช่แฟนสาวของประธาณซูแล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะ? (จะพูดไป คุณคนขับรถ คุณนี่จริง ๆ เลย )
โล่เฟยเอ๋อมองวิวนอกหน้าต่างแล้วคิดถึงเรื่องของตนเอง
โดนวิ่งราวครั้งนี้เงินสดถูกขโมยไปหมด การ์ดถึงแม้จะไปแจ้งหายที่ธนาคารแล้ว แต่เงินในบัตรก็เหลือไม่มากแล้ว
เดิมทีเธอคิดว่าเงินในบัญชีคงอยู่ไม่ถึงวันเงินเดือนออก แต่หลายวันที่ผ่านมาซูซีมู่ส่งรถมารับส่งตลอด ทำให้เธอลดค่าใช้จ่ายไปได้ไม่น้อย…
หลังจากใจลอยไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นโล่เฟยเอ๋อก็พบว่ารถไม่ได้ไปชุมชนปี้ไหแต่ไปคฤหาสน์ของซูซีมู่
เธอรีบถาม “คุณหลี่ พวกเราจะไปไหนคะ?”
“คุณโล่ ประธาณซูรอทานข้าวเย็นกับคุณอยู่ที่บ้าน” คนขับรถตอบ
“บ้าน?” โล่เฟยเอ๋อตกตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้า ‘อือ’ หนึ่งที