บทที่58 คุยกันอย่างมีความสุขเป็นภาพตำตา
วันนี้ซูซีมู่ไม่ยุ่งมาก และคิดว่าแผลที่มือโล่เฟยเอ๋อก็หายแล้ว จึงตัดสินใจทำกับข้าวด้วยตัวเองเป็นการปลอบใจโล่เฟยเอ๋อ
เขาออกจากออฟฟิศตอนบ่ายสามโมง เขาไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบที่ต้องใช้
สี่โมงเขากลับถึงคฤหาสน์
แล้วสั่งให้คนขับรถไปรับโล่เฟยเอ๋อที่บริษัทดี้ก้วน เขาเข้าครัวไปเตรียมของ
เพราะว่าวัตถุดิบไม่น้อย ซูซีมู่ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงในการเตรียมของจนเสร็จ
จากนั้นเธอจึงเปิดเตาทำอาหาร
สุดท้ายเมื่อเขาเริ่มใส่วัตถุดิบลงกระทะ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
เขาใช้มือหนึ่งผัดอาหารในเตา อีกมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ไม่ได้ดูว่าใครโทรมาก็กดรับสายทันที
“ฮัลโหล”
“เหซิงโม่ชวนกินข้าว ซูซีมู่นายรีบมานะ” เสียงของลู่ยู่ดังมาจากปลายสาย
ซูซีมู่พลิกตะหลิวพลางตอบ: “เลื่อนวัน”
“ไอ้บ้า คราวก่อนจู่ ๆ ก็ไป รอบนี้ก็เลื่อนวัน…” ลู่ยู่ที่จู่ ๆ ก็เสียงเงียบไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงประหลาดใจของลู่ยู่: “เสียงตะหลิว? ซูซีมู่ นายกำลังทำกับข้าว?”
ซูซีมู่ ตอบ ‘อือ’ สั้น ๆ จากนั้นพูด: “ฉันกำลังยุ่ง ถ้านายไม่มีเรื่องอื่นแล้ว วางสายก่อน” พูดแล้วซูซีมู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกจากข้างหูเพื่อจะวางสาย
“ซูซีมู่นายนี่เป็นเพื่อนที่แย่จริง ๆ! เข้าครัวแล้วไม่ชวนฉันกับเหซิงโม่ได้ไง?”
ซูซีมู่ได้ยินเสียงโวยวายของลู่ยู่ที่ปลายสาย ก็รู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที
“…ไม่สน ซูซีมู่ ฉันกับเหซิงโม่จะไปหานายเดี๋ยวนี้เลย”
ซูซีมู่รู้ว่าเจ้าลู่ยู่เป็นพวกพูดอะไรก็ทำอย่างนั้น เขาบอกว่าจะมา เดี๋ยวก็มา
เขาจึงหยิบโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง พูดเรียบ ๆ นิ่ง ๆ: “ก็มาด้วยกัน”
“ซูซีมู่นายเจ๋งมาก…” น้ำเสียงของลู่ยู่ ใช้คำว่า ‘โห่ร้อง’ บรรยายได้สองคำ
ซูซีมู่ขมวดคิ้วแล้วตัดสายไป
หลังจากซูซีมู่วางสายไปเขาเปิดตู้เย็นอย่างยอมรับชะตากรรมแล้วหยิบวัตถุดิบออกมาเพิ่ม
เพิ่มมาอีกสองคน กับข้าวก่อนหน้าย่อมไม่พอแน่
ลู่ยู่กับเหซิงโม่มาถึงไวกว่า เพียงครึ่งชั่วโมงก็เข้าประตูมาแล้ว
ซูซีมู่ไม่มีเวลาทักทายพวกเขา เปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาก็กลับเข้าไปในครัว
ลู่ยู่กับเหซิงโม่มาทานข้าวฟรีก็รู้ตัว เข้าประตูมาก็ดูแลตัวเอง
ลู่ยู่รีบตรงไปที่ห้องนั่งเล่นของซูซีมู่เพื่อเล่นเกม
เหซิงโม่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
เวลาหกโมงสามสิบนาที เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
รู้ว่าซูซีมู่ยุ่งอยู่ในครัว เหซิงโม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาจึงลุกไปเปิดประตูอย่างรู้หน้าที่
เมื่อโล่เฟยเอ๋อเห็นประตูเปิด จึงเข้าใจผิดว่าเป็น ซูซีมู่ เธอจึงพูดออกไปโดยอัตโนมัติ: “ทำไมถึงทานข้าวที่บ้าน…”
เมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ซูซีมู่ จึงหยุดพูดไป
โล่เฟยเอ๋อเห็นชายแปลกหน้าในบ้านจึงได้แต่กะพริบตาและไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง
เธอเงยหน้าดูบ้านเลขที่ที่ประตูโดยอัตโนมัติ ก็ไม่ผิดนี่นา เธอมาที่คฤหาสน์ของซูซีมู่หลายครั้งแล้ว ยิ่งกว่านั้นคนขับรถก็ไม่น่าจะเข้าผิดบ้าน
เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้า?
โล่เฟยเอ๋อมองให้ชัดอีกครั้ง พบว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เธอชนเขาโดยไม่ระวังที่โรงพยาบาลหลายวันก่อน เขารู้จักกับซูซีมู่?
เหซิงโม่เพียงเห็นก็จำคนตรงหน้าประตูได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ชนเขาเมื่อหลายวันก่อน เพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้มาที่นี่ได้อย่างไร?
“คุณ…” เขาเตรียมที่จะเอ่ยถาม ข้างหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เหซิงโม่หันไปด้านข้าง ก็เห็นซูซีมู่เดินออกมาจากครัว
ก่อนหน้าเหซิงโม่ยืนอยู่หน้าประตูจึงบังโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่จึงมองไม่เห็นโล่เฟยเอ๋อตอนนี้เหซิงโม่หันไปด้านข้างซูซีมู่จึงเห็นโล่เฟยเอ๋อที่หน้าประตู
“มาแล้วเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อ ‘อือ’ รับ สายตามองไปที่เหซิงโม่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
ซูซีมู่เห็นสายตาของโล่เฟยเอ๋อ จึงแนะนำเขาอย่างเรียบง่าย “เหซิงโม่ นี่โล่เฟยเอ๋อ”
โล่เฟยเอ๋อ ? ผู้หญิงคนที่ลู่ยู่บอกว่าซูซีมู่รู้จักได้ไม่นาน? เหซิงโม่ พิเคราะห์โล่เฟยเอ๋อครู่หนึ่ง จากนั้นจึงทักทายอย่างมีไมตรี “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ” โล่เฟยเอ๋อตอบเหซิงโม่อย่างมีมารยาท
ซูซีมู่แนะนำพวกเขาเสร็จแล้วหันหลังกลับเข้าครัวไปทำต่อ เหลือโล่เฟยเอ๋อกับเหซิงโม่สองคนที่ไม่คุ้นเคยกันที่ทำตัวไม่ถูกอยู่ในห้องรับแขก
นั่งเงียบอยู่ในห้องพักหนึ่งเหซิงโม่จึงเริ่มพูดก่อน “คิดไม่ถึงว่าคุณก็คือโล่เฟยเอ๋อ”
“คุณ…” โล่เฟยเอ๋อมองเหซิงโม่อย่างคิดไม่ถึง ทำไมเขาจึงรู้จักเธอ? ซูซีมู่บอกเหรอ?
ราวกับเห็นความคิดของโล่เฟยเอ๋อ เหซิงโม่ยิ้มแล้วถาม “คุณรู้สึกว่าคนอย่างซูซีมู่จะพูดเรื่องแบบนี้เหรอ?”
“ไม่มีทาง” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า
เหซิงโม่พยักหน้าและ ‘อือ’ แล้วพูด: “ใช่ ลู่ยู่เจ้าหมอนั่นที่บอก”
ที่แท้ก็เป็นลู่ยู่ที่บอกโล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “อ้อ”
เหซิงโม่มองโล่เฟยเอ๋อ แล้วพูดต่อ “ลู่ยู่เจ้าหมอนั่นบอกว่าคุณเป็นคนกล้า จัดการกับซูซีมู่ บรรยายว่าคุณเป็นเทพที่เหนือเทพ ผมยังคิดว่าโล่เฟยเอ๋อจะต้องเป็นวีรสตรีมาจากที่ไหนสักที่”
ได้ยินที่เหซิงโม่พูดแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็หลุดหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อหัวเราะ เหซิงโม่ก็พลอยหัวเราะตาม “หลังจากเจอคุณ ถึงรู้ว่าโดน ลู่ยู่เจ้านั่นหลอกเข้าแล้ว คุณเป็นอย่างที่เขาพูดที่ไหนกัน ที่แท้ก็เป็นสาวสวยนี่เอง”
ได้ยินเหซิงโม่ชมว่าเธอเป็นสาวสวย โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย เธอหน้าแดงเล็กน้อยและส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ใช่”
“อย่าถ่อมตัวไปเลยครับ คนสวย”
…
ซูซีมู่ถือจานออกมาจากในครัว เห็นเหซิงโม่คุยกับโล่เฟยเอ๋ออย่างมีความสุขอยู่ในห้องรับแขก ดูแล้วรักใคร่สามัคคีกัน
แต่ซูซีมู่กลับรู้สึกว่าเป็นภาพที่บาดตาบาดใจนัก เขาขมวดคิ้วแน่นจากนั้นเพียงแวบเดียว จึงพูดอย่างเย็นชาขัดจังหวะพวกเขา “เหซิงโม่นายไปเรียกลู่ยู่มากินข้าว”
“อ้อ ได้” เหซิงโม่พยักหน้าจากนั้นจึงลุกจากโซฟาไปที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อเหซิงโม่ออกไปแล้ว สายตาซูซีมู่ก็จับจ้องไปที่โล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็ทำหน้าปั้นปึ่งกลับเข้าครัว
ประสาทสัมผัสที่เฉียบไวรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว
เขาเป็นอะไร?
ด้วยความสงสัย โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นเดินตามซูซีมู่ไปที่ครัว
เมื่อโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในครัว ซูซีมู่กำลังตักซุป ที่เคาน์เตอร์ยังมีกับข้าวอีกสี่ห้าอย่างที่ทำเสร็จแล้ว
โล่เฟยเอ๋อเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างมือ เตรียมตัวช่วยยกอาหาร
เสียงที่ระคนความโมโหของซูซีมู่ดังขึ้น “คุณทำอะไร?”
“อ๋อ…ล้างมือ” โล่เฟยเอ๋อตกใจกลัว
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อตกใจกลัว ซูซีมู่จึงได้เสียงอ่อนลงเล็กน้อย “มือยังไม่หาย ล้างมือทำไม?”
ซูซีมู่พูดไปพลางและหยิบผ้าเช็ดมือไปพลาง ให้โล่เฟยเอ๋อเช็ดมือให้แห้ง
“แผลตกสะเก็ดแล้วค่ะ” โล่เฟยเอ๋อแก้ต่างเสียงเบา ๆ
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร เก็บผ้าเช็ดมือแขวนที่เดิมแล้วกลับไปตักซุป
โล่เฟยเอ๋อเพิ่งจะยื่นมือออกไปเพื่อถือจานอาหารที่เคาน์เตอร์ สายตาของซูซีมู่หันมามองที่เธอ เธอจึงรีบชักมือกลับ