บทที่ 66 ซูซีมู่โดนก่อกวน
ใช้สิทธิพิเศษของบริษัทซูซื่อจองตั๋วเครื่องบิน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใดๆ เดินขึ้นเครื่องผ่านทางจุดขึ้นเครื่องระดับ VIP ได้เลย
แต่ทว่า หลังจากขึ้นมาบนเครื่องกลับพบเจอกับความวุ่นวาย
ใบหน้าที่หล่อมากของซูซีมู่ เป็นเหตุให้แอร์โฮสเตสน้ำลายไหล
ครั้งแรก แอร์โฮสเตสเอาเครื่องเดิมมาเสิร์ฟ และได้ส่งสายตาให้ซูซีมู่
ครั้งที่สอง แอร์โฮสเตสเอานิตยสารมาให้ ก็แทบจะเอาตัวเองมาแนบไปบนตัวของซูซีมู่อยู่แล้ว
……
เผชิญกับพฤติกรรมที่โจ่งแจ้งของบรรดาแอร์โฮสเตส ซูซีมู่ที่นั่งอยู่ข้างโล่เฟยเอ๋อปฏิบัติต่อพวกเธอด้วยท่าทีห่างเหินและเย็นชา
ซูซีมู่เย็นชาขนาดนี้ ไม่ได้หมายความว่าโล่เฟยเอ๋อจะเย็นชาตาม
พูดเป็นเล่น ใครจะไปสามารถทนให้คนในใจถูกพวกเธอแอบมองได้ตลอดกันละ?
เหอะ! แอร์โฮสเตสพวกนี้ช่างไม่มีจรรยาบรรณสะจริงๆ!
ก่อความวุ่นวายให้ลูกค้าอยู่ตลอดก็พอแล้ว บนหน้าแทบจะเขียนว่า ‘ ฉันชอบคุณ ’ อยู่แล้วนั่น
ความโกรธก่อตัวขึ้นในใจ โมโหจนหน้าอกของโล่เฟยเอ๋อใกล้จะระเบิดเต็มทน
วินาทีต่อจากนั้น โล่เฟยเอ๋อก็หันไปพูดกับแอร์โฮสเตสคนนั้นอย่างโมโห: “ คุณคะ รบกวนคุณช่วยอย่ามาก่อความวุ่นวายให้กับแฟนของฉันด้วยนะคะ ”
พูดออกไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไร
โอ้พระเจ้า! เมื่อสักครู่เธอพูดอะไรออกไป?
นึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดว่าซูซีมู่คือแฟนของเธอ?
แย่แล้ว! ซูซีมู่เคยบอกว่าจะไม่ชอบผู้หญิงคนไหน เขาได้ยินคำพูดของเธอแล้ว เกรงว่า……
โล่เฟยเอ๋อไม่กล้ามองซูซีมู่ เธอกลัวว่าจะเห็นสีหน้ารังเกียจจากบนหน้าของซูซีมู่
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร ทำแค่เอียงหัวมองโล่เฟยเอ๋อ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แอร์โฮสเตสหน้าแดงและได้พูดตอบโต้คำพูดของโล่เฟยเอ๋อ “ คุณคะ ตาข้างไหนของคุณที่เห็นฉันก่อความวุ่นวายให้แฟนคุณคะ? ”
คำพูดของแอร์โฮสเตสทำให้โล่เฟยเอ๋อคับแค้นใจมาก เพราะซูซีมู่ไม่ได้เป็นแฟนของเธอ
เธอกัดริมฝีปากเบาๆ นิ้วมือสั่นเทา
และในตอนนี้ ซูซีมู่ยื่นมือออกมาจับมือของโล่เฟยเอ๋อไว้ หลังจากนั้นก็พูดกับแอร์โฮสเตสอย่างเย็นชา “ คุณผู้หญิง ตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนถึงตอนนี้ พฤติกรรมของพวกคุณได้ก่อความวุ่นวายให้กับผม ผมจะร้องเรียนพฤติกรรมของพวกคุณต่อบริษัทของพวกคุณ ”
น้ำเสียงของซูซีมู่ไม่ได้ดัง แต่กลับชัดเจนและเด็ดขาดมาก คนในห้องเครื่องบินเกือบได้ยินกันทุกคน
ทุกคนพากันซุบซิบนินทา
สีหน้าของแอร์โฮสเตสคนนั้นเก้อเขินจนเหมือนกินขี้เข้าไป ต้องพูดว่าสีหน้าของแอร์โฮสเตสที่อยู่ในห้องเครื่องบินเก้อเขินจนเหมือนกินขี้เข้าไปต่างหากละ
ถูกเขาพูดว่าพวกเธอก่อความวุ่นวายต่อหน้าคนตั้งมากมาย ใครยังจะมีหน้าอยู่อีก?
สุดท้ายหัวหน้าบริการก็มาจัดการปัญหาให้ “ ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย เป็นความผิดของพวกเราเองค่ะ ”
สายตาที่แหลมคมของซูซีมู่มองหัวหน้าบริการ หลังจากนั้นก็พ่นคำพูดที่เฉียบคมมากๆออกมา “ คำว่าเป็นความผิดประโยคเดียว ก็สามารถชดเชยพฤติกรรมของพวกคุณได้แล้ว อย่างนั้นหรอ? ”
หัวหน้าบริการตัวสั่น หลังจากนั้นก็พูดถามอย่างกระวนกระวาย “ แอร์โฮสเตสทั้งหมดจะขอโทษคุณผู้ชายก่อน ไม่รู้ว่าจะได้ไหม? ”
หัวหน้าบริการไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าเรื่องมันบานปลายถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจก่อนว่าลูกค้าจะร้องเรียนไหม? แต่ควรขอโทษลูกค้าก่อน ถึงอย่างไรลูกค้า VIP ก็มีไม่น้อย ถ้าแม้แต่คำขอโทษยังไม่พูด ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทสายการบินอย่างแน่นอน
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบคำพูดเธอ เขาหันหัวไปมองโล่เฟยเอ๋อ แววตาก็อ่อนโยนตามไปด้วย “ คำขอโทษได้ไหม? ถ้าไม่ได้ รอให้ลงเครื่องก่อน แล้วเราค่อยไปร้องเรียนพวกเธอ ”
โล่เฟยเอ๋อนึกไม่ถึงว่าซูซีมู่จะถามความคิดเห็นเธอ เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ เขาไม่โกรธคำพูดของเธอเมื่อสักครู่หรอ?
ซูซีมู่เห็นโล่เฟยเอ๋อไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นึกว่าเธอไม่พอใจเรื่องการขอโทษ จึงพูดขึ้น: “ งั้นหลังจากที่ลงเครื่องแล้ว พวกเราจะไปร้องเรียนพวกคุณ…… ”
ได้ยินซูซีมู่บอกว่าจะร้องเรียน โล่เฟยเอ๋อจึงรีบส่ายหน้าทันที “ ไม่ต้อง ”
“ หือ? ” ซูซีมู่เลิกคิ้ว
โล่เฟยเอ๋อพูดอธิบาย: “ ร้องเรียนมันยุ่งยาก ให้พวกเธอขอโทษก็ได้ ”
เดิมทีซูซีมู่ก็ออกหน้าให้โล่เฟยเอ๋ออยู่แล้ว จึงเห็นด้วยกับเธอเป็นธรรมดา “ อือ ได้ ”
หัวหน้าบริการเห็นโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่มีความคิดเห็นตรงกัน จึงรีบเรียกแอร์โฮสเตสฝั่งห้อง VIP มาขอโทษโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่
“ ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง เป็นความผิดพลาดของพวกเราเอง ที่นำพาความยุ่งยากมาให้กับพวกคุณ พวกเราต้องขอโทษพวกคุณอย่างใจจริงมา ณ ทีนี่ด้วยค่ะ ”
เห็นพวกเธอขอโทษ โล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำแค่พยักหน้าขึ้นลง
หลังจากที่พวกเธอขอโทษโล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่เสร็จ ก็หันไปขอโทษผู้โดยสารที่อยู่ในห้องเครื่องบินทุกท่านต่อ
ซูซีมู่เก็บสายตานิ่งๆ หลังจากนั้นก็พูดกับโล่เฟยเอ๋อ: “ ยังจะกินอาหารเช้าอยู่ไหม? ”
อาหารเช้า? โล่เฟยเอ๋อชะงักไปเล็กน้อย ถึงนึกออกว่าลืมอาหารเช้าไปเลย
เธอเงยหน้ามองซูซีมู่ หลังจากนั้นก็พูดคำว่ากินออกมาเบาๆ
ซูซีมู่ส่งเสียงอือ กางโต๊ะอันเล็กออก และหยิบกล่องอาหารเช้าออกมา
อาหารเช้าที่โล่เฟยเอ๋อซื้อมาหลากหลายมาก มีซาลาเปา เกี๊ยวนิ่ง โจ๊กปลา
ซูซีมู่คีบซาลาเปาสองสามชิ้นและเกี๊ยวนึ่งจำนวนหนึ่ง จิ้มน้ำจิ้ม และเอามาวางไว้ข้างหน้าโล่เฟยเอ๋อ หลังจากนั้นก็เริ่มตักโจ๊กใส่ในถ้วยเปล่าให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อมองการกระทำของซูซีมู่ กัดปาก และพูดขึ้นเสียงเบา “ ขอโทษ คำพูดที่ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่…… ”
การกระทำที่กำลังตักโจ๊กของซูซีมู่ค่อยๆหยุดลง
เขายังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเสียงของโล่เฟยเอ๋อดังขึ้นอย่างเลือนราง “ ฉันเห็นพวกเธอเข้ามาหาตลอด กลัวพวกเธอจะแหย่คุณจนทำให้คุณหงุดหงิด ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น ”
รู้อยู่แล้วว่าที่โล่เฟยเอ๋อพูดออกไปแบบนั้น ก็เพราะเขา แต่ไม่รู้ทำไมซูซีมู่ถึงรู้สึกไม่สบายใจ
เขาส่งเสียงอือนิ่งๆ หลังจากนั้นก็ได้พูดเสริมว่า ‘ ผมรู้แล้ว ’ และตักโจ๊กต่อ
โล่เฟยเอ๋อจ้องซูซีมู่จากภายใต้แสงสะท้อนในห้องเครื่องบิน ใบหน้าหล่อที่เลือนรางนั้น ทำให้ในใจทั้งรู้สึกมีความสุข ทั้งรู้สึกกลุ้มใจ
ที่มีความสุขคือ ซูซีมู่เชื่อคำอธิบายเมื่อสักครู่ของเธอ
ที่กลุ้มใจคือ ซูซีมู่ฟังความในใจของเธอไม่ออก
ที่จริงเธอรู้ว่าเธอมีความขัดแย้ง แต่เธอไม่สามารถทำให้ไม่ขัดแย้งได้
ซูซีมู่เห็นโล่เฟยเอ๋อที่พูดมากมาโดยตลอดเงียบไป เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอ และได้เห็นเธอกำลังมองตัวเองอย่างเหม่อลอยพอดี ในตานั้นปรากฏอารมณ์ซับซ้อนที่มองไม่ออกขึ้น
เขาชะงักไป หลังจากนั้นก็ร้องเรียกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “ เฟยเอ๋อ? ”
ตาของโล่เฟยเอ๋อกระพริบ แต่สติยังไม่กลับมา ซูซีมู่เม้มปาก หลังจากนั้นก็ยกมือเคาะโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าโล่เฟยเอ๋อ “ เป็นอะไรไป? ”
โล่เฟยเอ๋อสะดุ้งไปทั้งตัว หลังจากนั้นก็ดึงสติกลับมา เธอรู้สึกว่าตัวเองยั้งสติไม่อยู่ หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลง เพื่อปกปิดอารมณ์ที่อยู่ในตา “ ไม่……ไม่เป็นไร รีบกินเถอะ เย็นหมดแล้วนะ ”
ซูซีมู่มองเธอ ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ จึงส่งเสียงอือ และก้มหน้ากินโจ๊ก
เห็นซูซีมู่เชื่อแล้ว โล่เฟยเอ๋อจึงแอบถอนหายใจเบาๆ หลังจากนั้นก็ก้มหน้ากินอาหารเช้าต่อ