บทที่ 65 อยากไปเที่ยวเมืองหลวงไหม?
ถ้าพูดตามหลักการ ตอนซูซีมู่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าค่อยดูวันอื่น เขาควรจะตอบว่าได้หรืออือ แม้แต่ซูซีมู่ก็ไม่คิดว่า ตัวเองจะพลั้งปากตอบไปว่า “ อยากไปเที่ยวเมืองหลวงไหม? ”
โล่เฟยเอ๋อชะงักไปสักพัก ถึงค่อยพูดขึ้นมาอย่างลังเล “ คุณไปทำงานที่เมืองหลวง ถ้าฉันตามคุณไป จะไม่กีดขวางงานของคุณหรอ? ”
ซูซีมู่ที่อยู่ในสายเงียบไปสักพัก และได้ถามพวกเขาที่กำลังพูดกันคนละเรื่องกับเขา
“ ไม่กีดขวาง ” ซูซีมู่เม้มปาก หลังจากนั้นก็ถามขึ้น: “ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ”
“ ทางเข้าชุมชน ” โล่เฟยเอ๋อคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมา “ ไม่อย่างนั้น ฉันไม่ไปกับคุณแล้วดีกว่า จะกีดขวาง…… ”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบคำถามของโล่เฟยเอ๋อ ทำแค่พูดกับโทรศัพท์ว่า ‘ รออยู่ตรงนั้น ’ และก็วางสายไป
วางสายจากโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็โทรหาโจวเฉิง ให้เขาใช้สิทธิพิเศษของบริษัทสายการบิน เพื่อจะได้จองตั๋วเพิ่มอีกใบ หลังจากนั้นถึงค่อยถือกระเป๋าราชการ และเดินออกจากวิลล่า
เพราะซูซีมู่ให้โล่เฟยเอ๋อรอ ดังนั้น โล่เฟยเอ๋อจึงไม่ได้เข้าไปในวิลล่าหลันถิง แต่กำลังยืนรออยู่ที่ถนนข้างชุมชน
เธอก้มหน้ามองโทรศัพท์ ในหัวมีคำพูดของซูซีมู่ลอยอยู่เต็มไปหมด
เขาถามเธอว่าอยากไปเที่ยวเมืองหลวงไหม!
เธอไม่ได้ฟังผิด เขาพูดแบบนี้จริงๆ
“อยากไปเที่ยวเมืองหลวงไหม? ”
ถึงแม้จะรู้ว่าคำพูดของซูซีมู่ไม่ได้มีความหมายอื่น แต่โล่เฟยเอ๋อยังคงรู้สึกมีความสุขอยู่ดี
เขาคือคนที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอ เขาคือคนที่เธออยากใกล้ชิดมากที่สุด
สายตาของโล่เฟยเอ๋อจ้องไปที่รายชื่อบนโทรศัพท์ มุมปากค่อยๆยกขึ้น ระหว่างคิ้วก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ซูซีมู่ขับรถออกมาจากในชุมชน สิ่งแรกที่เห็นคือโล่เฟยเอ๋อที่มือนึงถือกล่องอาหารเช้า มือนึงถือโทรศัพท์ และกำลังยืนอยู่ที่ข้างถนน
โล่เฟยเอ๋อกำลังก้มหน้ามองโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าในโทรศัพท์มีอะไร ถึงได้ดึงดูดเธอขนาดนั้น เธอมองอย่างมุ่งมั่น ขนตายาวคล้อยลง ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อน คล้ายกับกำลังคิดเรื่องอะไรดีๆอยู่ และเหมือนจะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก
เห็นท่าทางแบบนี้ของโล่เฟยเอ๋อ ในตาของซูซีมู่ก็ปรากฏรอยยิ้มขี้เล่นขึ้น
เธอล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋ากางเกง โทรหาโล่เฟยเอ๋อไปด้วย และเปิดประตูลงรถไปด้วย
ยังไม่ได้เข้าไปใกล้ ซูซีมู่ก็ได้ยินเสียงเพลงจากในโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อ ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
“ ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน ที่ฉันชอบคิดถึงเธอเงียบๆ อย่าหัวเราะที่ฉันหลงเธอเกินไป ฉันรักเธอ รักจนถึงขั้วหัวใจ…… ”
คล้ายกับสายเรียกเข้าที่ดังกะทันหันทำให้ตกใจ มือที่ถือโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อกำลังสั่น
ซูซีมู่ที่เห็นการกระทำของโล่เฟยเอ๋อก็ยิ้มออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้น โล่เฟยเอ๋อจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ ก็เห็นซูซีมู่กำลังยืนห่างจากเธอหนึ่งเมตร
คงจะคาดไม่ถึง จนทำให้เธอลืมกดวางสายโทรศัพท์ลง
เสียงเพลงในโทรศัพท์ของเธอกำลังร้องถึงท่อนสำคัญพอดี “ ……ไม่กล้าฝันว่าจะอยู่กับเธอ ยอมให้ความรักของฉันนำพาความหวานมาให้เธอ ฉันเอาดอกกุหลาบในใจส่งมอบให้เธอ ขอให้เธอรักและทะนุถนอมมันให้ดี ไม่เคยคิดว่าจะได้ครอบครองเธอ แค่คิดว่าอยากจะซ่อนเธอเอาไว้ในใจตลอดไป ”
เมื่อสักครู่ซูซีมู่ยืนอยู่ที่ค่อนข้างไกลจึงไม่ได้สังเกตเนื้อเพลง ตอนนี้เดินเข้าไปใกล้แล้ว เขาถึงพบว่าเพลงเพลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นทำนองเพลงหรือเนื้อร้อง ได้ฟังแล้วก็รู้สึกกินใจ เขาเดินเข้าไปมองโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋ออย่างลืมตัว สุดท้าย สายตาของเขายังไม่ทันได้เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อ มือของโล่เฟยเอ๋อก็เก็บลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นก็กดวางสาย
โล่เฟยเอ๋อยัดโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋า “ ทำไมไม่เรียกฉันตรงๆละ จะโทรทำไม? ”
ซูซีมู่จะไม่บอกโล่เฟยเอ๋อว่า เขามีความคิดอยากแกล้งโล่เฟยเอ๋อ
ตอนนี้ เขาเพิ่งพบว่า พฤติกรรมของเขาเมื่อสักครู่นั้นเหมือนเด็กมาก
ซูซีมู่กระแอมไอสองที หลังจากนั้นก็พูดออกมานิ่งๆ: “ อะแฮ่ม……สะดวกดีน่ะ ”
อะไรคือสะดวก? โล่เฟยเอ๋อไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของซูซีมู่เท่าไหร่นัก เธอกระพริบตา และมองซูซีมู่
ซูซีมู่เบี่ยงสายตามองไปทางอื่นอย่างไม่เป็นตัวเอง “ ขึ้นรถก่อน ต้องรีบไปให้ทันเครื่องบิน ”
“ โอ้ ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมาเหมือนนึกอะไรออก: “ ตั๋วเครื่องบินนั้น ฉันไม่ได้เอาเอกสารรับรองมา…… ”
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อแค่จะมาดูหนังกับซูซีมู่ แม้แต่กระเป๋าก็ไม่ได้เอามา จะเอาเอกสารรับรองมาได้ไง
“ โจวเฉิงจัดการได้ ” ซูซีมู่พูดประโยคนี้เสร็จ ก็หมุนตัวขึ้นรถ
“ โอ้ ” โล่เฟยเอ๋อลูบจมูก และตามเขาขึ้นรถไป
ขึ้นรถแล้ว โล่เฟยเอ๋อเพิ่งนึกออกว่าเธอซื้ออาหารเช้ามาด้วย “ ใช่แล้ว จะทำยังไงกับอาหารเช้าพวกนี้ละ? ”
โล่เฟยเอ๋อยกกล่องอาหารเช้าในมือขึ้นมาด้วยใบหน้าหนักใจ
ถ้ากินอาหารเช้าบนรถก็คงจะไม่อนามัยและไม่สะดวก รอจนถึงสนามบินก็ต้องรีบไปขึ้นเครื่อง ไม่มีเวลากินแน่นอน
เห็นทีว่าจะไม่ได้กินอาหารเช้านี้แล้วสิ โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นมา: “ รอให้ถึงสนามบินก่อนแล้วค่อยทิ้งก็ได้ ”
ซูซีมู่เอียงหัวมองเธอ หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมา “ กินบนเครื่อง ”
“ ได้หรอ? ” ได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ตาของโล่เฟยเอ๋อก็เป็นประกายทันที
ซูซีมู่พยักหน้าและส่งเสียงอือ ผ่านไปสองสามวิ เขาก็ได้พูดเสริมขึ้นมา “ ได้สิ ”
“ งั้นก็ดี ” โล่เฟยเอ๋อวางกล่องข้าวบนมือลงอย่างดีใจ
ซูซีมู่เก็บสายตาที่มองเธอ และขับรถต่อไป
ตอนที่โจวเฉิงได้ยินซูซีมู่บอกว่าให้จองตั๋วเครื่องบินเพิ่มหนึ่งใบ เขาก็รู้สึกตกตะลึงจริงๆ
แน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะตกตะลึง แต่ก็ยังคงทำตามที่ซูซีมู่สั่ง และจัดการจองตั๋วเครื่องบิน
ตอนเขาเห็นโล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามากับซูซีมู่ เขาก็รู้สึกตกตะลึง หลังจากนั้นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
บนโลกนี้ คนที่สามารถทำให้ประธานซูโทรหาเขา และให้เขาจองตั๋วเครื่องบินให้ ก็มีแค่คุณหนูโล่คนเดียวเท่านั้น
โจวเฉิงจัดการกับอารมณ์ หลังจากนั้นก็ทักทายซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋ออย่างเคารพ “ ประธานซู คุณหนูโล่ ”
ซูซีมู่ส่งเสียงอือนิ่งๆ แสดงถึงการขานรับ
โจวเฉิงพยักหน้าให้โล่เฟยเอ๋อ หลังจากนั้นก็ส่งตั๋วเครื่องบินสองใบให้ซูซีมู่
“ ประธานซูครับ นี่ตั๋วเครื่องบินของคุณกับคุณหนูโล่ครับ ”
ซูซีมู่ยื่นมือไปรับตั๋วเครื่องบินมา ก้มหน้าดู และค่อยส่งเสียงอือออกมา
โจวเฉิงเปิดกระเป๋าราชการ หยิบแฟ้มเอกสารจำนวนหนึ่งออกมาจากข้างใน และส่งให้ซูซีมู่
“ ประธานซู นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการครับ ”
“ อือ ” ซูซีมู่เอาเอกสารใส่ลงไปในกระเป๋าราชการของตัวเอง หลังจากนั้นก็เดินไปทางจุดขึ้นเครื่องกับโล่เฟยเอ๋อ
เดินไปสองก้าว เหมือนเขาจะนึกอะไรออกจึงหยุดฝีเท้าลง หลังจากนั้นก็หันหัวไปหาโจวเฉิงและพูดขึ้นมา” จองตั๋วกลับของคืนนี้ให้ด้วย ”
กลับคืนนี้? วันนี้ประธานซูทำเวลา? โจวเฉิงชะงักไป ตอนสังเกตเห็นโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ข้างซูซีมู่ เขาถึงเข้าใจแล้วว่าทำไมซูซีมู่ถึงจะกลับคืนนี้
พรุ่งนี้คุณหนูโล่ต้องทำงานไง เป็นธรรมดาที่ประธานซูจะต้องพาคุณหนูโล่กลับไปที่เมืองA!
โจวเฉิงพยักหน้า “ ครับ……