บทที่ 87 ตีกับคู่แข่ง
กู้ชิงหลันที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ต่อยจนก้าวถอยไปข้างหลังสองก้าว พร้อมกับรอยฟกช้ำบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้น เขาหุนหันหันหน้ากลับมามองชายหนุ่มที่ต่อยเขา
เขาจำอีกฝ่ายได้ทันทีเพราะเขาเป็นคนที่โล่เฟยเอ๋อพาไปแนะนำที่งานแต่งว่าเป็นแฟนของเธอ จึงอารมณ์ขึ้นแล้วยกหมัดพร้อมจะต่อยกลับ
พอเห็นกู้ชิงหลันจะสู้กลับ ซูซีมู่ก็สวนหมัดกลับอย่างไม่เกรงใจ ก็ยิ่งดูไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ทั้งสองคนตีกันไปมา ดูจากใบหน้าแล้วทั้งสองต่างก็ตีกันอย่างรุนแรง แต่ในความเป็นจริงแล้วคนอย่างกู้ชิงหลันกับคนที่เคยเรียนมาอย่างซูซีมู่นั้นฝีมือต่างกันคนละระดับเลย
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อที่เห็นซูซีมู่เดินเข้ามาต่อยกู้ชิงหลันก็ตะลึงอึ้งไปแล้ว ยิ่งมาเห็นกู้ชิงสวนกลับเธอก็ยิ่งร้อนรน กลัวว่าซูซีมู่จะได้รับบาดเจ็บ เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามด้วยควากลัว
“หยุดตีกันได้แล้ว”
เดิมทีซูซีมู่กะจะมาต่อยกู้ชิงหลันเพื่อให้จะเอาคืนให้โล่เฟยเอ๋อ พอตอนนี้เห็นโล่เฟยเอ๋อวิ่งเข้ามาก็เป็นห่วงว่าจะไปทำร้ายเธอเข้า จึงรีบดึงมือกลับทันที
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าซูซีมู่ลดมือลง ก็เป็นห่วงว่ากู้ชิงหลันจะตีกลับอีกเลยเข้าไปอยู่คั่นกลางทั้งสอง
พอโล่เฟยเอ๋อยืนแบบนี้ ซูซีมู่ก็คิดว่าเธอจะเข้ามาปกป้องกู้ชิงหลัน
เขาเลยมองเธอด้วยสายตาที่ดูลึกล้ำก่อนที่จะเดินหันหลังกลับ
โล่เฟยเอ๋อกำลังเตรียมจะวิ่งตาซูซีมู่ไปก็ถูกกู้ชิงหลันเรียกเธอเอาไว้
“เฟยเอ๋อ…..”ใบหน้าของกู้ชิงหลันมีรอยฟกช้ำอยู่หหลายที่ บริเวณคางก็ยังมีแผลบวม ยิ่งดูก็ยิ่งหน้าสงสาร
โล่เฟยเอ๋อคิดว่าเขาก็น่าเห็นใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้โล่เฟยเอ๋อเป็นห่วงมากที่สุดก็คือซูซีมู่
ทั้งสองคนต่อยกัน กู้ชิงหลันได้รับบาดเจ็บ ซูซีมู่ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน
พอคิดได้ว่าซูซีมู่ได้รับบาดเจ็บ เธอก็เลยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“กู้ชิงหลัน ฉันจะบอกคุณอีกครั้ง ฉันไม่สามารถที่จะเริ่มต้นใหม่กับคุณได้แล้ว ฉันรักเขา รักมากๆ ดังนั้นคุณได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉัน แล้วก็อย่ากลับมาหาฉันอีก”
พูดจบ โล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้ไปสนใจที่จะต่อคำกับเขาอีก พร้อมกับหันหลังวิ่งตามซูซีมู่ไป
กู้ชิงหลันมองดูแผ่นหลังของโล่เฟยเอ๋อที่วิ่งจากไป แววตาก็ประกายด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ตั้งแต่ที่ซูซีมู่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อพยายามปกป้องกู้ชิงหลัน ก็รู้สึกว่าเหมือนลมหายใจติดขาด อึดอัดอย่างรุนแรง
เขาไม่อยากที่จะเห็นโล่เฟยเอ๋ออยู่กับผู้ชายคนนั้นต่อ ดังนั้นเขาก็เลยหันหลังเดินกลับมาที่รถของตัวเอง
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่ขับรถออกไป เขาควรที่จะขัยรถออกไปไม่ใช่เหมือนตอนนี้ที่ยังนั่งโง่ๆอยู่ในรถด้วยความรอคอย
เธอน่าจะออกไปกับผู้ชายคนนั้นแล้วไม่ใช่หรือไง? เขายังจะรออะไร ? รอให้พวกเขาออกไปงั้นหรอ?
แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเคยทำแบบนั้นกับเธอมาก่อน เธอก็ยังชอบผู้ชายคนนี้………
ซูซีมู่วางมือทั้งสองบนพวงมาลัย แววตาเปร่งประกายด้วยความเศร้าหมองอย่างไม่รู้ตัว
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซูซีมู่ตกใจหันหน้าไปมองยังข้างนอกหน้าต่างรถ
ก็เห็นโล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ด้านนอก มือเคาะหน้าต่างอยู่
เธอไม่ได้ไปกับผู้ชายคนนั้นหรอ? ซูซีมู่ตะลึง
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าซูซีมู่ไม่เปิดประตูเลยคิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน จึงเคาะประตูรถอีกครั้ง รอบนี้เธอเคาะดังกว่าครั้งก่อน
ซูซีมู่ดึงสติกลับมา จึงรีบขยับมือไปกดปลดล็อกประตู
โล่เฟยเอ๋อดึงประตูออกพร้อมกับขึ้นรถพลันถามไปด้วย
“คุณมีตรงไหนบาดเจ็บหรือเปล่า?”
ซูซีมู่ไม่คิดว่าโล่เฟยเอ่อจะถามคำถามนี้ขึ้นมาเลยนิ่งอึ้ง
“คุณโดนตีเป็นแผลไหม?” ครั้งนี้โล่เฟยเอ่อถามไปด้วยพร้อมกับโน้มตัวเข้าไปดูซูซีมู่
ซูซีมู่ไม่ได้เอื้อมมือขึ้นไปกันเธอเพียงแต่นั่งตัวเกร็งพร้อมกับลดสายตาลงจ้องมองไปยังโล่เฟยเอ๋อ
เธอมองโดยที่สายตาไม่กระพริบค่อยๆตรวจดูรายละเอียดบนใบหน้าของเขาราวกับว่ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่
ความรู้สึกแปลก ความแข็งกระด้าง ถูกความอบอุ่นทำลายลงอย่างง่ายดาย ความรู้สึกนี้แล่นไปทั่วทั้งร่างกายของเขา จนทำให้เขารู้สึกอยู่ในภวังค์กับความรู้สึกที่มีคนห่วงใยถูกรักและเอาใจใส่
ซูวีมู่จ้องไปยังคิ้วของโล่เฟยเอ๋ออย่างเงียบๆ พร้อมกับคำถามที่ล้นเต็มสมอง
เธอไม่ได้จะปกป้องผู้ชายคนนั้นหรอ? ทำไมต้องมาดูด้วยว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?
โล่เฟยเอ๋อดูซูซีมู่ไปรอบหนึ่งก็พบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ยังดีที่ไม่ได้แผลมา”
ซูซีมู่ตอบ “อืม”ด้วยเสียงเบาๆ จากนั้นก็ถามอย่างเรียบเฉย
“แผลเขาเป็นยังไงบ้าง?”
พอพูดถึงกู้ชิงหลัน โล่เฟยเอ๋อก็อารมณ์เสีย ดังนั้นเธอเลยถามกลับด้วยเสียงแข็ง
“คุณจะไปสนใจเรื่องเขาทำไม?”
“ขอโทษ” เขาไม่ควรยุ่ง
โล่เฟยเอ๋อก็ถามกลับอีกครั้ง
“คุณไปต่อยเขาทำไม?”
“ขอโทษ” เขาไม่ควรที่จะไปโกรธแทนเธอจนไปต่อยผู้ชายคนนั้น
“ผู้ชายเลวๆแบบนั้นไม่คู่ควรที่คุณจะไปลงมือด้วย เกิดคุณได้รับบาดเจ็บจะทำยังไง?”
“ขอ……” ซูซีมู่ที่กำลังจะพูดขอโทษก็ถึงกับหยุดชะงักกับคำพูดของโล่เฟยเอ๋อพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองโล่เฟยเอ๋อด้วยความตะลึง
โล่เฟยเอ๋อที่ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของซูซีมู่ เธอจึงยังคงดุเขาต่อ
“คราวหลังอย่าใจร้อนแบบนี้อีก ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะจบอย่างสมบูรณ์….”
แท้จริงแล้วโล่เฟยเอ๋อไม่ได้ปกป้องผู้ชายคนนั้น เธอเป็นห่วงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ
ซูซีมู่จ้องมองใบหน้าที่เดือดของโล่เฟยเอ๋อ ก็เกิดความรู้สึกตื้นตันใจอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจค่อยๆเบ่งบานออกมาอย่างอธิบายไม่ถูกแล้วมุมปากของเขาก็ค่อยๆยกขึ้น
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะขนาดนี้แล้ว ซูซีมู๋กลับไม่ตอบกลับ เลยอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเขา ด้วยความที่คาดไม่ถึงเธอก็หันไปสบกับดวงตาอันล้ำลึกของซูซีมู่
ทั้งสองสบตากันด้วยแววตาที่รุ่มร้อนและไม่หยุดนิ่ง ทำให้บรรยากาศภายในรถเริ่มเปลี่ยนป็นความรู้สึกที่ดูคลุมเครือขึ้นมา
แล้วเสียงนกหวีดดังขึ้นด้านนอก
ทั้งสองถึงกับสะดุ้งพร้อมกัน แล้วก็มองหน้ากันด้วยความเข้าใจกันโดยปริยาย
บนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเหมือนเวลาปกติ
แต่มีเพียงโล่เฟยเอ่อเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วมากด้วยความที่เธอกลัวมากว่าความคิดเมื่อสักครู่จะเผยออกไป
ส่วนซูซีมู่ก็รู้สึกว่าในใจลึกๆเกิดบางอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน มันเป็นสิ่งที่เขาอยากจะกุมมันเอาไว้แต่เขากลับทำไม่ได้
ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้ทำให้ซูซีมู่ที่ควบคุมสถานการณ์มาตลอดรู้สึกหงุดหงิดผิดปกติ ..
โล่เฟยเอ๋อสงบอาการใจเต้นแรงเลยเอ๋ยปากถาม
“คุณจะไปซื้อของขวัญที่ไหน?”
“ห้างจินเผิงกับลานกว้างหวั้นด๋าคุณคิดว่าไปที่ไหนดี?” ซูซีมู่ดึงสติกลับมา
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ห้างจินเผิง อยู่ใกล้หน่อย”
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแต่มองไปยังโล่เฟยเอ๋อจากน้ะนจึงขับรถมุ่งหน้าไปยังห้างจินเผิง
เมื่อห้างจินเผิงเทียบกับลานกว้างหวั้นด๋าแล้วก็ถือว่าเป็นห้างที่หรูหรามาก อยู่ในเมือง Aก็ถือว่ามีชื่อเสียงด้วย
ผู้คนรู้ว่าเพียงแต่รู้ว่าลานกว้างหวั้นด๋าเป็นห้างที่ถูกตั้งโดยบริษัทisland แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงแล้วห้างจินเผิงเป็นห้างที่อยู่ภายใต้บริษัทซูซื่อเลย
ที่โล่เฟยเอ๋อเลือกห้างจินเผิง บอกตามจริงเลยว่ามันบังเอิญมาก บังเอิญมากๆ