บทที่ 85 เธอเป็นห่วงเขาหรอ?
ที่เธอวิ่งเข้ามาตัดหน้ารถกะทันหันแบบนี้ก็เพราะว่าเป็นที่เขาดื่มเหล้าแล้วมาขัยรถงั้นหรอ?
เดิมทีซูซีมู่ที่อารมณ์ขึ้นเพราะว่าจู่ๆโล่เฟยเอ๋อก็วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถ อารมณ์ก็เปลี่ยนไปเป็นนิ่งเงียบอย่างง่ายดาย
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าซูซีมู่ไม่พูดอะไรเลยคิดว่าเขายืนยันที่จะขับรถเอง
จึงรีบดึงซูซีมู่แล้วผลักเขาเข้าไปยังที่นั่งข้างคนขับ แล้วปิดประตูอย่างแรง
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อขึ้นรถเธอก็ไม่ได้หันไปสนใจซูซีมู่แล้วก็เหยียบคันเร่งขับรถออกไปอย่างราบรื่น
เธอรู้ตัวว่าการกระทำของตัวเองเมื่อกี้นี้อาจจะไปกวนโมโหเขาแต่พอขึ้นรถโล่เฟยเอ๋อก็ไม่พูดอะไรเลย
ท่าทางของซูซีมู่ดูเย็นชา เม้มปากแน่นโดยที่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
บรรยากาศภายในรถอึดอัดมาตลอดทางจนมาถึงวิลล่าของซูซีมู่
เมื่อรถดับลง โล่เฟยเอ๋อก็พูด*ฉันกลับก่อนนะ*คำเดียวจากนั้นก็หยิบกระเป๋าเดินลงจากรถไป
ซูซีมู่นั่งอยู่ในรถมองดูแผ่นหลังของโล่เฟยเอ๋อที่กำลังเดินจากไปอยู่พักหนึ่ง
เขาก็รีบผลักประตูลงจากรถแล้วก็สาวเท้าวิ่งตามเธอไป
“เฟยเอ๋อ”
ได้ยินเสียงซูซีมู่เรียกตัวเอง โล่เฟยเอ๋อก็หยุดเท้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
ที่แท้การชอบใครสักคนจริงๆ มันสามารถทำให้เราไม่เป็นตัวเองได้
ต่อให้คนๆนี้จะไม่ได้ชอบตัวเอง แต่เธอก็ทำเป็นไม่สนใจเขาไม่ได้
โล่เฟยเอ่อหัวเราะกับตัวเองจากนั้นก็ค่อยๆหันกลับมาและมองไปที่ซูซีมู่
“มีอะไร?”
ซูซีมู่ลดสายตาลงแล้วตอบกลับ
“คุณมีเรื่องจะคุยกับผมไม่ใช่หรอ?”
“อันนั้นคือว่า………” โล่เฟยเอ๋อยังไม่ทันพูดจบ ซูซีมู่ก็ตัดบทเธอซะก่อน
“เข้าไปคุยกันข้างใน” พูดประโยคนี้จบ ซูซีมู่ก็ไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อตอบเขาก็กลับหลังเดินไปยังประตูบ้านพร้อมกับกดรหัสปลดล็อก พอใส่รหัสเสร็จเขาก็ผลักประตูเข้าไป
โล่เฟยเอ๋อยืนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาแล้วเดินตามเขาเข้าบ้านไป
พอเข้าไปข้างในก็พอดีกับซูซีมู่ที่กำลังถือแก้วน้ำสองใบเดินออกมาจากห้องครัว พอเห็นโล่เฟยเอ๋อเข้ามาเขาก็หยุดเท้าครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปยังโซฟา
“นั่ง”
โล่เฟยเอ๋อตอบ ‘อืม’ แล้วเดินไปนั่งยังโซฟา
ซูซีมู่ส่งแก้วน้ำในมือให้โล่เฟยเอ๋อแก้วหนึ่ง ส่วนแก้วอีกใบก็ใส้ใบชาลงไปจากนั้นเขาก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องครัวอีกครั้ง
โล่เฟยเอ๋ออยากจะเรียกซูซีมู่ไว้เพื่อที่จะคุยให้เสร็จแล้วจะได้กลับ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดออกมาสักคำ
ประมานหลังจากห้านาทีผ่านไป ซูซีมู่ก็ถือผลไม้จานหนึ่งออกมา
เขายื่นจานผลไม้ไปตรงหน้าของโล่เฟยเอ๋อพลันพูดด้วยเสียงเรียบเฉย
“กินผลไม้หลังอาหารช่วยในการย่อย”
โล่เฟยเอ๋อตอบ ‘อืม’แตกลับไม่ได้ขยับอะไร
ซูซีมู่นิ่งเงียบไปหลายวิ จากนั้นจึงถาม
“ดูทีวีไหม”
“ไม่ดู” ส่ายหัวปฏิเสธ
ตอนนี้เธอแค่อยากจะพูดกับซูซีมู่ให้เสร็จๆ จะได้กลับสักที
ซูซีมู่พยักหน้าด้วยความลังเลก่อนจะนั่งตรงโซฟาตรงข้ามกับโล่เฟยเอ๋อ
พอเห็นซูซีมู่นั่งลง โล่เฟยเอ๋อก็เปิดกระเป๋าที่อยู่ในมือแล้วหยิบเอกสารที่เย่รู่ไป๋มอบให้เธอในตอนกลางวันส่งให้ซูซีมู่
“คุณช่วยดูให้ฉันหน่อย”
ซูซีมู่มองดูเธอก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปรับเอกสารมาเปิดออก
สิ่งที่อยู่บนเอกสารเป็นสิ่งที่ไม่ได้ดูแปลกสำหรับซูซีมู่เลย ตอนที่โจวเฉิงศืบหาเรื่องของเย่รู่ไป๋จนถึงเรื่องของซูซื่อและยังรายงานกับเขาโดยเฉพาะเรื่องหลักสูตรอบรมพิเศษเพื่อเข้าประกวดงานเครื่องประดับระดับโลก
เขาเองก็เคยคิดที่จะให้โล่เฟยเอ๋อเข้าร่วมการอบรมพิเศษนี้เพื่อฝึกฝนอย่างจริงจัง แต่เพราะการอบรมอย่างไม่ทันริ่ม ดังนั้นเขาเลยยังไม่ทันได้บอกกับเธอ
ตอนนี้ยิ่งเห็นเธอได้โอกาสนี้ด้วยตัวเธอเองก็ยิ่งยินดี
ซูซีมู่เงยหน้ามองหน้าโล่เฟยเอ๋อ
“งานอบรมของบริษัทดี้ก้วนหรอ?”
“อืม อันนี้หัวหน้าเขาเอาให้ฉัน เขาอยากให้ฉันเข้าร่วม” โล่เฟยเอ๋อตอบพลันพยักหน้าไปด้วย
ซูซีมู่มองโล่เฟยเอ๋ออย่างเงียบอยู่นานหลายวิก่อนจะถาม
“แล้วคุณคิดยังไง”
“ฉันอยากจะเข้าร่วม แต่ก็กลัวว่าประสบการณ์ของฉันจะยังไม่พอ”โล่เฟยเอ๋อพูดไปพร้อมกับลดหน้าลง
ใบหน้าของซูซีมู่ไม่ได้ปรากฏความรู้สึกใดๆ
“ดังนั้นคุณเลยอยากถามความเห็นจากผม”
โล่เฟยเอ๋อตอบ ‘อืม’ จากนั้นก็หาข้ออ้างเสริม
“ฉันไม่มีคนให้ปรึกษาด้วย ก็มีแค่คุณนี่แหละ”
ไม่รู้ว่าทำไม แต่คำพูดหลังของโล่เฟยเอ๋อสามารถทำให้อารมณ์ของซูซีมู่ดีขึ้นกว่าเดิม
เขาเก็บความรู้สึกดีใจในใจลึกแล้วจากนั้นก็พูดต่อ
“การอบรมพิเศษครั้งนี้เป็นให้วามรู้จากผู้รู้สู่ผู้เรียน ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับคุณแล้วถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากอันหนึ่ง คุณควรจะลองเข้าร่วมดู”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็เปร่งประกายขึ้นมา
“เข้าร่วมได้จริงๆหรอ? ประสบการณ์ไม่มากก็ไม่มีปัญหาหรอ?”
“ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ได้จากการฝึกฝน อันนี้ไม่ต้องไปสนใจหรอก”ซูซีมู่ส่ายหน้า
“งั้นฉันจะเข้าร่วมละนะ”พูดถึงตอนจบโล่เฟยเอ๋อก็ยังทำปากมู่เล็กน้อย
เมื่อมองเห็นท่าทางแบบนี้ของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ซูซีมู่ที่ปกติมักจะเย็นชา เหมือนกับเป็นเทพเจ้าที่อยู่สูงเกินกว่าจะแตะต้องได้ แต่ซูซีมู่ที่กำลังยิ้มตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ได้เย็นชาขนาดนั้น ไม่ได้มีแรงดูดจิตวิญญาณ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์
การจ้องของโล่เฟยเอ๋อสามารถมองเห็นจิตใจได้
ซูซีมู่สังเกตถึงการจ้องมองของเธอเลยจ้องเธอกลับ
“มีอะไร”
“ไม่มีอะไร” โล่เฟยเอ๋อพูดโกหกแล้วลดสายตาลง แล้วหยิบเอาผลไม้จากจานที่วางบนโต๊ะชาเข้าปากเพื่อปกปิดการกระทำเมื่อสักครู่นี้ของเธอ
“ฉันกินผลไม้”
ซูซีมู่ลดสายตาลงพลันกล่าว
“ชอบก็กินเยอะหน่อย”
ที่จริงแล้วเธอไม่เคยรู้เลยว่าแท้จริงแล้วเมื่อก่อนในวิลล่าของซูซีมู่นั้นม่เคยมีผลไม้เลย แต่ตอนนี้ที่เขาเติมผลไม้ลงไปในตู้เย็นทุกๆอาทิตย์เป็นเพราะว่าซูซีมู่ตั้งใจเตรียมไว้ให้โล่เฟยเอ๋อโดยเฉพาะ
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อต้องการจะปกปิดอาการของตัวเองเลยหยิบผลไม้มากิน แต่ดันรู้สึกว่าผลไม้อร่อยก็เลยกินไม่หยุดปาก
ในที่สุดในความไม่ทันได้ตั้งตัว ผลไม้หนึ่งจานก็ถูกโล่เฟยเอ๋อกินจนหมดแล้ว
“กินอีกไหม?”ซูซีมู่ถามด้วยเสียงเบาๆ
โล่เฟยเอ๋อสะบัดหน้าแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟา
“ไม่กินแล้ว ฉันควรจะกลับแล้ว”
“ได้”ซูซืมู่ก็ลุกตามแล้วเดินไปส่งโล่เฟยเอ๋อจนถึงหน้าวิลล่า เขาไม่ได้ไปส่งโล่เฟยเอ๋อเป็นเพราะเขาดื่มเหล้าไปไม่น้อยจริงๆ
หลังจากที่ได้รับความเห็นจากซูซีมู่เธอก็ตัดสินใจเองอย่างดีแล้ว ในเช้าวันถัดมาจึงเดินถือเอกสารไปหาเย่รู่ไป๋
หลังจากได้รับโควตาการเข้าร่วมการอบรมพิเศษจากเย่รู่ไป๋ เธอก็โทรไปหาซูซีมู่อีกครั้งเพื่อบอกเรื่องนี้กับเขา
“อืม ยินดีด้วย”เสียงของซูซีมู่ยังคงดูเย็นชา แต่น้ำเสียงกลับอ่อนนุ่ม
มุมปากของโล่เฟยเอ๋อค่อยๆยกขึ้นมา
“ขอบคุณ เอาไว้วันหลังจะเลี้ยงคุณทานข้าวที่หยู้ผินเซียงนะ”
ฝั่งซูซีมู่ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีก็เพียงแต่เสียงดังพรืดขึ้นแล้วสายก็ถูกตัดไปอย่างกะทันหัน
โล่เฟยเอ๋อเอาโทรศัพท์ลงมาดู จากนั้นก็โทรไปอีกครั้งแต่กลับโทรไม่ติด
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?”โล่เฟยเอ๋อบ่นพึมพำในขณะที่พยายามที่จะโทรหาซูซีมู่อี