บทที่ 86 ผู้ชายเจ้าชู้อยากกลับตัว
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อโทรไปหาซูซีมู่เป็นตอนที่เลขาในสำนักงานของโจวเฉิงคนนั้นถือเอาเอกสารหนึ่งมาให้เขาเซ็นอนุมัติ
เพราะเขาตั้งเสียงเรียกข้าวของโล่เฟยเอ๋อเป็นแบบเฉพาะ ดังนั้นพอเสียงโทรศัพท์เข้าดังขึ้น ซูซีมู่เลยไม่ได้ทำเหมือนปกติที่จะเซ็นอนุมัติเอกสารเสร็จก่อนแล้วค่อยรับสาย แต่ของเธอเขากลับรับสายก่อน
ราวกับว่าตอนที่คุยโทรศัพท์กับโล่เฟยเอ๋อเขาเหม่อลอยไป เลยไม่ได้สังเกตสายตาที่ลดต่ำลงของเลขาสาว และยิ่งไม่ได้สังเกตเห็นว่าเลขาสาวกำลังเข้ามาใกล้เขา
ตอนที่เขารู้สึกตัว เลขาสาวคนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
การตอบสนองแรกของเขาก็คือการยื่นมือออกไปกันอีกฝ่ายเอาไว้
ด้วยแรงที่แรงเกินไป โทรศัพท์ในมือของเขาก็ลอยไปกระแทกกับกำแพงแล้วตกลงบนพื้นห้องแตกเป็นชิ้นๆ นี่เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมโล่เฟยเอ๋อถึงได้ยินเสียงพรืดดังขึ้น แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปจนโทรไม่ติด
“ออกไป!” หลังจากที่ซูซีมู่ใช้มือกันอีกฝ่ายไว้จากนั้นก็ใช้แรงผลักเธอออกไป
การกระทำของเขานั้นทั้งเร็วและเด็ดขาด ราวกับกำลังสะบัดของสกปรกอย่างนั้น
แรงอันมหาศาลและความรังเกียจของเขาผลักให้อีกคนล้มลงไปกับพื้นอย่างจัง
เสียงร้องถึงความเจ็บปวดดังขึ้นแต่เขากลับทำเป็นหูหนวกไม่แยแสพลันเดินไปเปิดประตูสำนักงานด้วยความฉุนเฉียวแล้วตะโกนออกไป
“โจวเฉิง”
แล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นพร้อมกับโจวเฉิงที่รีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก
ตอนที่เห็นเลขาสาวล้มกองอยู่กับพื้น เขาก็ถึงกับอึ้งก่อนที่จะเดินเข้าไปตรงหน้าของซูซีมู่
“ประธานซู”
“เอาเธอโยนออกไปจากบริษัท”สายตาของซูซีมู่มองไปยังเลขาสาวด้วยความเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เลขาสาวของซูซีมู่รู้ตัวว่าความพยายามที่จะไปแตะต้องตัวซูซีมู่ของเธอเมื่อสักครู่นั้นไปจี้จุดของซูซีมู่เข้า เลยพูดออกไปด้วยความลุกลี้ลุกลน
“ประธานซูคะ คือว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เมื่อก้ฉันทรงตัวได้ไม่ดีถึงได้…..”
แต่เธอยังพูดไม่ทันจบ โจวเฉิงก็ลากเธอออกมาจากห้องสำนักงานซะก่อน
เลขาสาวหนห้าซีดเซียว ในขณะที่เธอพยายามดิ้นรนเธอก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“ประธานซู ถึงคุณจะเป็นเจ้านายฉันแต่การที่คุณไล่ฉันออกไปแบบนี้ ฉันจะไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อร้องเรียนคุณ”
เสียงตะโกนของเลขาสาว ทำให้พนักงานในสำนักงานต่างพากันเหลียวหันยังสำนักงานของซูซีมู่เต็มไปหมด
ซูซีมู่ที่ทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดมาตั้งแต่แรกแล้วก็สะบัดมือให้โจวเฉิงแล้วหันกลังกลับไปล้างมือในห้องน้ำ
โจวเฉิงที่ยืนมองซูซีมู่เดินเข้าห้องน้ำไป ก็ตวาดสายตาไปเห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกสำนักงาน
“ทำไม พวกคุณก็อยากโดนโยนออกจากบริษัทด้วย?”
ทันทีที่โจวแงพูดออกไป คนเหล่านั้นที่จ้องมองมาก็ต่างแยกย้ายกันไป
จากนั้นโจวเฉิงก็กลับมาสนใจกับเรื่องของเลขาสาว
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ยังจะกล้าไปสำนักงานใหญ่เพื่อร้องเรียนท่านประธานอีก?”
สำหรับเขาแล้วนั้นไม่มีความเห็นใจต่อเลขาสาวคนนี้ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเธอยังมีความสามารถ หากรู้ว่าเธอจะมีความคิดบางอย่างกับท่านประธานเขาก็คงจะไล่เธออกไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับทำเรื่องให้ท่านประธานโกรธและทำให้เธอไม่สามารถที่จะอยู่ต่อได้ด้วยตัวของเธอเอง
“ท่านประธาน?” สีหน้าของเลขาสาวซีดขึ้นทันที
คนที่เธอพยายามที่จะเข้าไปยั่วยวนนั้นคือท่านประธาน ? ประธานของบริษัทซู่ซื่อ…….
สิ่งที่น่ากลัวก็คือตอนนี้เธออาจจะไม่ใช่แค่สูญเสียงานที่มีค่าตอบแทนสูงอย่างเดียวแล้ว….
ซูซีมู่ที่ล้างมือเสร็จ ก็เดินเข้าไปในหห้องพักเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นถึงกลับมายังห้องสำนักงาน
โจวเฉิงที่นั่งยองๆบนพื้นเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือที่พังของซูซีมู่ขึ้นมา เมื่อเขาเห็นซูซีมู่เดินออกมา เขาก็ลุกขึ้นทันที
“ท่านประธานครับ เดี๋ยวผมจะช่วยไปเลือกโทรศัพท์ที่เป็นแบบเดียวกันให้”
พอเห็นโทรศัพท์ในมือของโจวเฉิง ซูซีมู่ถึงเพิ่งนึกได้ว่าเขาคุยโทรศัพท์กับโล่เฟยเอ๋อยังไม่เสร็จ
ซูซีมู่จึงยกมือขึ้นมาโบกมือให้โจวเฉิงเพื่อให้เขาออกไป
โจวเฉิงโค้งตัวลงด้วยความเคารพก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ที่พัง
ซูซีมู่รอจนประตูสำนักงานปิดลงแล้วจึงค่อยเดินไปยังโต๊ะทำงานแล้วหยิบโทณศัพท์สำนักงานโทรไปหาโล่เฟยเอ๋อ
ฝั่งโล่เฟยเอ๋อที่กำลังกังวลเพราะอยู่ๆสายของซูซีมู่ก็ตัดไป พอเห็นเบอร์โทรสำนักงานของซูซีมู่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธอก็รีบกดรับสายทันที
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ทำไมอยู่ๆก็โทรไม่ติดแล้วล่ะ?”
ซูซีมู่จึงตอบกลับ
“ผมไม่เป็นอะไร พอดีโทรศัพท์ตกพังไปแล้ว”
เมื่อได้ยินซูวีมู่พูดว่าเขาไม่เป็นไร แค่โทรศัพท์ตก โล่เฟยเอ๋อก็รู้สึดสบายใจขึ้น
“งั้นก็ดี”
ฝั่งซูซีมู่ก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามประโยคหนึ่งออกมาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พวกเขาเพิ่งคุยเมื่อกี้เลยสักนิด
“หลังเลิกงานว่างหรือเปล่า? ช่วยไปเลือกของขวัญให้ผมหน่อย”
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ได้”
“ห้าโมงครึ่งผมจะไปรับคุณนะ”
“อืม”
โล่เฟยเอ่อวางโทรศัพท์ เตรียมจะวาดภาพออกแบบที่ยังวาดไม่เสร็จต่อ แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์เข้าดังขึ้นอีกครั้ง
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นเป็นเบอร์โทรที่ไม่รู้จักจึงนิ่งไปหลายวิแล้วจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล”
พอได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น โล่เฟยเอ๋อก็พูดว่า ‘ขอโทษค่ะ คุณโทรผิดแล้ว’แล้วก็วางสายไป
แต่ถึงยังไงคนที่โทรมายังไม่ยอมเลิกราง่ายๆเพียงเพราะเธอตัดสายไปแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
โล่เฟยเอ่อวางสายอีกครั้ง แล้วก็ตั้งค่าเบอร์โทรของอีกฝ่ายเข้าไปในบัญชีดำ
เมื่อโทรศัพท์เงียบลง โล่เฟยเอ๋อสูบหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็หยิบปากกาขึ้นมาวาดภาพออกแบบ
ห้าโมงครึ่ง โล่เฟยเอ๋อก็ออกมายังประตูใหญ่ของบริษัทมองไปไกลๆก็เห็นรถของซูซีมู๋จอดอยู่ข้างถนนฝั่งตรงข้าม
เธอยกยิ้มเล็กๆ แล้วเตรียมจะเดินไปแต่ก็ถูกเสียงของใครบางคนห้ามไว้
“เฟยเอ๋อ”
โล่เฟยเอ๋อหันหลังกลับไปก็เจอกับกู้ชิงหลานที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังละสายตาจากใบหน้าของเขา ตอนที่เขาไม่อยู่เธอก็ได้ก้าวเริ่มต้นใหม่พร้อมกับดูแลตัวเองแล้วก้าวต่อไปข้างหน้า
“เฟยเอ๋อ ผมเลิกกับถังหซิวฉีแล้ว” กู้ชิงหลันจะจับแขนของโล่เฟยเอ๋อไว้ขณะที่พูดออกมา
โล่เฟยเอ๋อตอนที่ปลายนิ้วมือของเขาแตะลงบนแขนของตัวเอง เธอก็ตอบสนองกลับด้วยการออกแรงสะบัดมือของเขา
เธอหันหน้ากลับมาจ้องกู้ชิงหลัน แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและแปลกตาไป
“กู้ชิงหลัน คุณคิดจะทำอะไร?ถ้าอยากจะบอกฉันเรื่องที่คุณเลิกกับถังหซิวฉี งั้นฉันจะบอกคุณนะว่ามันไม่จำเป็นและก็ไม่ต้องมาบอก เพราะเรื่องของคุณมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน……”
กู้ชิงหลันไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อพูดจบเขาก็พูดตัดบทเธอ
“เฟยเอ๋อ ผมตัดขาดกังถังหซิวฉีแล้วจริงๆ พวกเรากลับมาคืนดีกันนะ โอเคไหม?”
ได้ยินคำพูดนี้ของกู้ชิงหลัน โล่เฟยเอ๋อก็ยิ้มออกมา
“กู้ชิงหลัน คุณรู้หรือเปล่าว่าคำพูดนี้ของมันทำให้คนฟังรู้สึกขยะแขยงขนาดไหน? คุณไปคบกับถังหซิวฉีเพื่อสิ่งที่เรียกว่าอนาคต ตอนนี้เลิกกับเธอแล้ว อยากจะคืนดีกับฉัน? คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?”
“กู้ชิงหลันฉันจะบอกอะไรให้คุณนะ ฉันมีคนที่ฉันรักแล้ว เขาดีกว่าคุณเป็นร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่า ฉันรักเขามาก รักเขามากๆ”
ได้ยินคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ กู้ชิงหลันก็หน้าซีดจากนันก็พูดออกมาเสียงดัง
“ไม่ เฟยเอ๋อ คนที่คุณชอบก็คือผม คุณให้โอกาสผมสักครั้ง……”คำพูดของกู้ชิงหลันยังไม่ทันจบ จู่ๆก็มีหมัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง