บทที่ 84 ดื่มเหล้าแทนเธอ
เมื่อซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในห้องอาหาร ลู่ยู่กับเหซิงโม่ทั้งสองก็มาถึงก่อนแล้ว
ในห้องอาหารนอกจากพวกเขาแล้วยังมีเด็กสาวคนหนึ่งมานั่งด้วย
ไม่รู้ว่าทำไม โล่เฟยเอ๋อกลับรู้สึกคุ้นตาเด็กผู้หญิงคนนี้มากแต่จำไม่ค่อยได้ว่าเคนเจอกันที่ไหน
“ซูซีมู่ เฟยเอ๋อ มากันแล้วหรอ?“ พอเห็นซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามา ทั้งลู่ยู่และเหซิงโม่ต่างก็วางแก้วน้ำในมือแล้วขึ้นยืนกล่าวทักทาย
เด็กสาวคนนั้นจ้องมายังซูซีมู่พร้อมกับกล่าวทักทาย “ พี่ซีมู่”
ซูซีมู่ตอบกลับ“อืม” คำเดียวอย่างเย็นชาแล้วนั่งลงอย่างเก้าอี้ตรงข้ามกับลู่ยู่
“ คุณลู่ คุณเหซิงสวัสดีค่ะ” หลังจากโล่เฟยเอ๋อกล่าวทักทายลู่ยู๋และเหซิงโม่เสร็จ แล้วก็ก้มหน้าทักทายเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆของทั้งสอง
หญิงสาวคนนั้นก็ทำท่าประหลาดใจเล็กน้อย
“เอ๊ะ คุณ?”
“เออ……ฉันเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อนใช่หรือเปล่า?”โล่เฟยเอ๋อถามด้วยความเขิน
หญิงสาวคนนั้นตอบกลับ * แผลบนมือคุณดีหรือยังคะ ?*
เมื่อถูกอีกฝ่ายเตือนโล่เฟยเอ๋อก็นึกขึ้นมาได้
“เธอเป็นหมอที่โรงพยาบาลในเมืองคราวที่แล้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ คิดว่าบังเอิญมากเลยใช่ไหม?” หญิงสาวคนนั้นหยี่ตาถาม
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“บังเอิญจริงๆ”
ชายหนุ่มทั้งสามคนมองไปยังโล่เฟยเอ๋อและหญิงสาววัยรุ่นคนนั้นพร้อมกัน
“พวกเธอรู้จักกันหรอ?”
“เคยมีครั้งหนึ่งที่มือเธอได้รับบาดเจ็บ มารักษาที่โรงพยาบาลแล้วหนูก็เป็นคนทำแผลให้เธอเอง” หญิงสาวยักไหล่และหันกลับไปตอบ
“มือเจ็บ?คงไม่ใช่ที่คุณชนผมคราวแล้วที่โรงพยาบาลหรอกนะ?” เหซิงโม่ขมวดคิ้วมองไปยังโล่เฟยเอ๋อ
“เออ….เหมือนจะใช่” โล่เฟยเอ๋อเมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้นกรู้สึกอับอาย
ลู่ยู่ราวกับได้ยินเรื่องไม่ธรรมดาเลยเอ๋ยปากถาม
“พวกนายเคยชนกันครั้งหนึ่ง?”
“พี่ พวกพี่เคยชนกันครังหนึ่งงั้นหรอ?” หญิงสาวมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ และ เหซิงโม่ด้วยความสนใจ
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกอับอายอย่างมากจึงยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อแก้เขิน
โดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นแววตาของซูซีมู่ที่นั่งข้างๆแสดงออกถึงความไม่สบายใจ
ใช่แล้ว เขาไม่สบายใจ โล่เฟยเอ๋อไม่เคยบอกเขาเรื่องที่เธอชนกับเหซิงโม่
เหซิงโม่เหลียวไปมองโล่เฟยเอ๋อจากนั้นก็ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ก็วันที่ฉันกลับประเทศไปหาเธอที่โรงพยาบาลวันนั้นไง แล้วดันไม่ทันได้ระวังเลยไปชนเธอเข้า พอผ่านมาสองวันก็ไปเจอเธอที่บ้านของซูซีมู่ ตอนนั้นก็ยังรู้สึกแปลกใจไม่หายเลย”
พอได้ยินเหซิงโม่เอ๋ยชื่อของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็ค่อยๆหันหน้าไปมองซูซีมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
เขาดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันกลับนั่งหันหลังให้กับเธอพลันเล่นโทรศัพท์ แผ่นหลังที่สูงใหญ่ทำให้เธอเห็นว่าเขาไม่ได้แยแสอะไร
แววตาของโล่เฟยเอ๋อเต็มไปด้วยความขุ่นมัว แต่เธอก็ปกปิดมันด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว
เธอกลับมายิ้มแล้วตอบกลับคำพูดของเหซิงโม่
“ฉันก็รู้สึกแปลกใจมากเหมือนกัน”
“คุณเป็นคนที่มีวาสนากับของพวกเราพี่น้องจริงๆ” หญิงสาวยื่นมือไปทางโล่เฟยเอ๋อ
“ฉันชื่อเหซิงถิง ค่ะ เป็นน้องสาวของพี่เหซิงโม่”
โล่เฟยเอ๋อก็ยื่นมือไปจับ
“คุณหมอเหซิงสวัสดี ฉันชื่อโล่เฟยเอ๋อ”
“ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหมอเหซิงแล้ว ดูทางการเกินไป คุณเป็นเพื่อนของพี่ชายฉัน เรียกแค่ชื่อก็พอแล้ว”
“อันนั้น….”โล่เฟยเอ๋อลังเล
เธอกับเหซิงโม่นั้นพวกเขาไม่ได้สนิทกันมากแถมเหซิงถิงก็เป็นน้องสาวของเหซิงโม่ด้วยถ้าจะให้เธอเรียกชื่อโล่เฟยเอ๋อรู้สึกไม่ค่อยดี
เหซิงถิงพูดเอาตามใจตัวเอง
“งั้นก็เอาแบบนี้ละกัน ฉันเรียกคุณว่าเฟยเอ๋อ คุณก็เรียกฉันว่าเหซิงถิง”
โล่เฟยเอ๋อก็พูดปฏิเสธไม่ได้ก็เลยต้องทำตามที่เธอบอกไว้
ทุกคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง บริกรก็ค่อยๆเข้ามาเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ
ทุกคนนั่งทานข้าวไปคุยไป จะมีก็เพียงแต่ซูซีมู่ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
ขนาดลู่ยู่คุยกับเขา เขายังทำเป็นไม่สนใจ
ราวกับว่าทุกคนชินกับการไม่สนใจใครแบบนี้ของซูซีมู่แล้ว พอเขาไม่สนใจเป้าหมายของทุกคนเลยพุ่งเป้าไปยังโล่เฟยเอ๋อ
โดยเฉพาะตอนที่เหล้ามาเสิร์ฟก็ยกแก้วเหล้าส่งให้โล่เฟยเอ๋ออย่างไม่เกรงใจกันเลย
“เฟยเอ๋อ พวกเราก็รู้จักกันมาคิอนข้างนานแล้วแต่ก็ยังไม่เคยได้ดื่มเหล้าด้วยกันเลย วันนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ควรจะดื่มด้วยกันสักแก้ว”
โล่เฟยเอ๋อมองไปที่แก้วเหล้าที่ลู่ยู่ส่งมาให้เธอด้วยความลำบากใจ
“คือว่าฉันดื่มเหล้าไม่ค่อยเป็นหน่ะ”
ลู่ยู่หัวเราะเบาๆ
“เฟยเอ๋อ พวกเราก็ไม่ได้จะให้เธอลำบากใจอะไร ก็แค่แก้วเดียวเอง”
ในเมื่อทุกคนพูดอย่างนั้แล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ปฏิเสธไม่ได้
“งั้นก็ได้ค่ะ”
พูดไปเธอก็เตรียมจะยื่นมือขึ้นไปหยิบแก้วเหล้าในมือของลู่ยู่ แต่กลับโดนมือของใครบางคนที่เอื้อมมาจากด้านหลังหยิบไปก่อน
โล่เฟยเอ๋อหันหลังไปอย่างไม่ตั้งตัว ก็เห็นว่าเป็นซูซีมู่ที่แสดงใบหน้าไร้อารมณ์หยิบแก้วเหล้านั้นไป
ซูซีมู่ไม่ได้มองเธอเพียงแต่พูดอย่างเฉยชา
“ฉันจะดื่มแทนเธอเอง”
พอเขาพูดว่าเขาจะดื่มแทนเธอ หัวใจของโล่เฟยเอ๋อก็เต้นแรงขึ้นมา
ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ยู่ก็หัวเราะพร้อมกับพูด
“ซูซีมู่ถ้าเกิดนายจะดื่มแทนเฟยเอ๋อเนี่ย แก้วเดียวก็คงไม่ได้แล้ว”
พอได้ยินลู่ยู่บอกว่าถ้าจะดื่มแทนแก้วเดียวก้คงจะไม่ได้ โล่เฟยเอ๋อจึงรีบบอกทันที
“ถ้างั้น…….ฉันดื่มเองดีกว่า”
ซูซีมู่ลดสายตาลงมองเธออย่างช้าๆพลันพูดด้วยเสียงเย็นชา
“กี่แก้ว?”
ลู่ยู่และเหซิงโม่จ้องกันแล้วพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อย่างน้อยก็ต้องสามแก้วสิ”
“ได้”ซูซีมู่พยักหน้า จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าดื่มจนหมดแก้ว
แก้วใหญ่ขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะเหล้าสี่ช็อตได้แล้วดื่มหมดแก้วภายในอึกเดียว โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเป็นห่วงจริงๆว่าร่างกายของซูซีมู่จะรับไม่ไหว
เขากลับไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรแบบนั้นเลยแถมยังรับอีกสองแก้วมาดื่มต่ออีกจากนั้นถึงค่อยนั่งลง
ประมานว่าโดนท่าทางการดื่มเหล้าของซูซีมู่ทำให้ตกใจหลังจากนั้นทั้งลู่ยู่และเหซิงโม่ก็ไม่กล้าที่จะให้เขาดื่มต่ออีก
หลังจากทานอาหารเสร็จ เดิมทีลู่ยู่อยากจะชวนไปต่อกันที่คลับดี้เหา แต่ซูซีมู่ปฏิเสธไป
“ฉันมีธุระต้องกลับก่อน”
ได้ยินซูซีมู่พูดว่ามธุระ ลู่ยู่กับเหซิงโม่ก็ไม่ได้ขัดขวางเพียงแต่บอกว่า
“นายกลับไปทำธุระเถอะ ส่วนเฟยเอ๋อเดี๋ยวถึงเวลาฉันจะขับรถไปส่งเธอเอง”
ซูซีมู่หันหน้าไปมองโล่เฟยเอ๋อที่กำลังคุยกับเหซิงถิงก็เลยพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมาเห็นตอนที่ซูซีมู่เดินออกจากห้องอาหารไปพอดีเลยถามด้วยความสงสัย
“เขาไปไหน?”
“เขามีธุระต้องกลับก่อน พวกเราก็จะไปที่คลับดี่เหากันต่อ” ลู่ยู่ตอบ
เขากลับก่อน?ดื่มเหล้าแล้วขับรถเนี่ยนะ?พอความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสองเธอก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“เขาดื่มเหล้าแล้ว ฉันไปกับเขาดีกว่า”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดอย่างนั้น ลู่ยู่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
โล่เฟยเอ๋อออกมาจากห้องอาหารก็มองไม่เห็นซูซีมู่แล้วเลยยิ่งร้อนรน
ระหว่างทางเธอก็เดินไปด้วยวิ่งไปด้วยจนมาถึงที่จอดรถกำลังเห็นซูซีมู่กำลังสตาร์ทรถเตรียมขับรถออกไปพอดี
เธอไม่ทันคิดอะไรก็วิ่งเข้าไปตัดหน้าไว้
โล่เฟยเอ๋อที่จู่ๆก็โผล่ออกมาทำให้ซูซีมู่ต้องเบรกอย่างกระทันหันด้วยความตกใจ
ยังโชคดีที่เขาเพิ่งออกรถความเร็วเลยยังช้าอยู่รถเลยจอดลงตรงหน้าของโล่เฟยเอ๋อพอดี
“คุณทำอะไร” ซูซีมู่ลลงมาจากรถด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง
โล่เฟยเอ๋อเองก็อารมณ์ขึ้นแล้วเช่นกันเลยตะโกนออกไปอย่างดัง
“คุณสิทำอะไร?ดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้น จะขับรถยังไง?”