บทที่102แผนล่อลวงของซูซีมู่ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
หลังจากซูซีมู่ได้รับโทรศัพท์จากอาผินว่าโล่เฟยเอ๋อได้ถูกรถชนแล้วนั้น ทั้งตัวถึงกับตกตะลึงไป และเมื่อรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อได้เดินกลับด้วยตัวเอง เขาก็ไม่เอ่ยถามเรื่องราวอะไรอีก แล้วจึงตัดสายอาผินทิ้งไปเลย จากนั้นก็ออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบโทรหาโล่เฟยเอ๋อไปด้วย
เมื่อโล่เฟยเอ๋อรับสายโทรศัพท์แล้ว เขาไม่รอให้เธอพูดอะไร ก็รีบถามทันที “เธอเป็นอะไรไหม”
“อะไรคือเป็นอะไรไหม” โล่เฟยเอ๋อมึนงงเล็กน้อย
“เธอไม่ได้ถูก……”รถชนสองคำนี้ถูกซูซีมู่กลืนลงคอไป เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูด”ตอนนี้เธออยู่ไหน” เอ่อ…กำลังเดินทางกลับบ้าน”โล่เฟยเอ๋อชะงักเล็กน้อย แล้วจึงตอบ
ซูซีมู่หยุดก้าวเดิน จากนั้นจึงได้ถามว่า”อยู่ตรงไหนล่ะ”
“เพิ่งขึ้นรถจากแถวตึกอวิ๋นเหซียง ทำไมเหรอ “โล่เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัย
ซูซีมู่ตอบ”ลงจากรถซะ”
“หา อะไรนะ”ครั้งนี้โล่เฟยเอ๋อถึงกับมึนไปหมด
ซูซีมู่พูดซ้ำอีกรอบ” ลงรถ เดี๋ยวฉันไปรับเธอเอง”
เขาจะมาเธองั้นเหรอ โล่เฟยเอ๋อตะลึงนิ่งไปหลายวินาที จึงได้ตอบ ” อ๋อ ได้”
ซูซีมู่อือไปทีหนึ่ง แล้ววางสายไปเลย
หลังจากโล่เฟยเอ๋อคุยโทรศัพท์กับซูซีมู่เสร็จ ก็เรียกรถประจำทางให้หยุด แล้วลงจากรถ ไปรอซูซีมู่ที่ข้างทางแทน
เพราะตอนที่ถูกรถชนนั้น ได้ล้มฟาดพื้นอย่างแรง ข้อเท้าจึงได้แพลง
เธอยืนรอมาสักครู่แล้ว รู้สึกปวดแสบที่ข้อเท้าเป็นอย่างมาก
เธอจึงได้นั่งยองๆ แล้วพับขากางเกงขึ้นมาตรวจดูอาการข้อเท้า
ข้อเท้าบวมแดงเล็กน้อย ไม่ถึงกับอาการหนักมาก
โล่เฟยเอ๋อได้นั่งนวดไปครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกเหนื่อย เธอจึงมองไปรอบข้าง แล้วนั่งลงพื้นอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์
เป็นเพราะอยู่บนถนนใหญ่ และตรงหน้าโล่เฟยเอ๋อนั้น จึงมีผู้คนมากมายเดินผ่านเรื่อยๆ มีบ้างที่จะมีคนมองเธอ โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย จึงได้ก้มหน้าลงตลอด
ซูซีมู่ขับรถอย่างรวดเร็วจากบ้านพักมาเมื่อถึงแถวตึกอวิ๋นเหซียงแล้วจึงค่อยๆลดความเร็วลง
เขาขับๆจอดๆตลอดเส้นทางที่โล่เฟยเอ๋อต่อรถเพื่อมองหาว่าโล่เฟยเอ๋ออยู่ไหน แล้วเอามือถือโทรหาโล่เฟยเอ๋อไปด้วย
สายยังโทรไม่ติด แต่เขาก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนั่งอยู่บนถนนที่ไม่ไกลมากนัก
โล่เฟยเอ๋อเมื่อเห็นสายซูซีมู่โทรมา ก็รีบลุกจากพื้น ด้วยความที่เธอลุกอย่างปุ๊บปั๊บ บวกกับในเท้าที่มีแผล ทำให้เธอเกือบล้ม
เมื่อตรงตัวได้แล้ว เธอถึงจะรับโทรศัพท์ซูซีมู่ “ฮัลโหล”เสียงโล่เฟยเอ๋อ ได้เรียกสติซูซีมู่กลับมา เขาวางมือถือลง แล้วรีบเหยียบคันเร่ง มาจอดตรงหน้าโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นก็รีบเปิดประตู ลงจากรถ
“คุณมาแล้วเหรอ ” โล่เฟยเอ๋อมีรอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่บนใบหน้า
ซูซีมู่จ้องมองโล่เฟยเอ๋อทั้งตัว เมื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงได้วางใจลง “รอจนเหนื่อยแล้วสิ”
“เปล่าสักหน่อย” โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้าปฏิเสธ
ซูซีมู่พยักแล้วพลางเอ่ยอือไปทีหนึ่ง “ขึ้นรถสิ”
“ได้”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า จากนั้นก็ยกของขึ้น แล้วหันเดินไปทางรถของซูซีมู่
ข้อเท้าปวดแสบขึ้นมาเป็นระยะๆ โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว แล้วก้าวเดินช้าลง เพื่อให้ตัวเองเดินได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่ก็ถูกซูซีมู่ดูออกจนได้
“เท้าเป็นอะไร” ซูซีมู่ยื่นมือมาประคองเธอไว้ แล้วจ้องมองไปยังเท้าเธอ
เมื่อกี้อยู่บนรถเห็นเธอลุกขึ้นแล้วเกือบล้ม เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะเธอทรงตัวไม่ดี แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าปิดไม่อยู่แล้ว จึงบอกไป”เมื่อกี้ไม่ทันระวังจนพลิกข้อเท้า ไม่เป็นอะไรมาก”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร จึงย่อตัวนั่งยอง แล้วดึงข้ากางเกงโล่เฟยเอ๋อมาพับ ในแววตาเขานั้นมีเพียงข้อเท้าที่บวมแดงเท่านั้น
ไม่ทันระวังจนพลิกข้อเท้างั้นเหรอ เธอไม่ใส่รองเท้าส้นสูงสักหน่อย จะพลิกได้ไง ซูซีมู่นึกถึงตอนถูกรถชนขึ้นมาทันที เพราะแบบนี้ถึงได้ข้อเท้าแพลงสิไม่ว่า
ข้อเท้าแพลงสักขนาดนี้ ยังไม่บอกอีก
ถ้าเขาไม่บังเอิญเห็นเข้า เธอคงคิดจะทนแบบนี้ตลอดหรือไง
ถึงจะเกิดอุบัติเหตุรถชน แต่เธอก็ทำเหมือนกับคนไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น..
จู่ๆ ซูซีมู่รู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็น มาบีบหัวใจเขาแน่น จนอกด้านซ้ายเขาได้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เขาสูบหายใจเข้าลึกๆ วางขอบกางเกงข้อเท้าโล่เฟยเอ๋อลง แล้วจึงลุกขึ้น จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมา
“ฉันไม่เป็นไร แค่เจ็บนิดๆเอง”โล่เฟยเอ๋อรีบพูดแก้ตัว
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เพิ่มแรงมือที่อุ้มเธอขึ้นเล็กน้อย
เขาวางโล่เฟยเอ๋อไว้ข้างคนขับ แล้วรัดเข็มขัดให้เธอเสร็จ จึงจะขึ้นรถ แล้วสตาร์ทออกรถทันที
เขาไม่ได้ขับไปทางเขตตะวันออก แต่กลับไปทางเลี้ยวตรงหน้า เพื่อไปทางศูนย์กลางเมืองแทน
“ไปไหนเหรอ” โล่เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัย
ซูซีมู่ค่อยๆเอ่ยมาสองคำ”โรงบาล”
ใช่แล้ว ซูซีมู่ตัดสินใจจะพาโล่เฟยเอ๋อไปตรวจเช็กร่างกายทั้งตัวที่โรงพยาบาล
เมื่อโล่เฟยเอ๋อได้ยินที่ซูซีมู่พูดโดยการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่พาเธอไปโรงพยาบาลนั่น ทำให้เธอเกือบลุกทั้งที่ยังนั่งอยู่ ” ฉันแค่ข้อเท้าพลิก ไม่ต้องไปโรงพยาบาล”
ซูซีมู่แน่วแน่ที่จะไปตรวจเช็กที่โรงพยาบาล” ตรวจเช็กหน่อยดีกว่า”
โล่เผยเอ๋อดึงแขนเสื้อซูซีมู่ไว้ แล้วเอ่ยเบาๆว่า”ไม่ต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ แค่กลับบ้านไปหายาเหล้าสมุนไพรมานวดก็หายแล้ว”
ซูซีมู่เอียงหน้า มามองโล่เฟยเอ๋อ
“ไม่ไปโรงพยาบาลได้ไหม” โล่เฟยเอ๋อยิ้มด้วยความสดใส และบวกกับลูกตาสีดำที่แวววาวนั้น ช่างมองดูแบ๊วมากเลย
ถึงซูซีมู่อยากปฏิเสธ แต่ก็เอ่ยไม่ลง สุดท้ายจึงได้พูดคำว่าได้ออกไป
เมื่อได้ยินซูซีมู่ตกลงจะไม่ไปโรงพยาบาลแล้ว โล่เฟยเอ๋อดีใจเป็นอย่างมาก
ซูซีมู่มองดูโล่เฟยเอ๋อที่กำลังดีใจอยู่ ก็ได้ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา จากนั้นก็คนขับด้วยมือเดียว มือหนึ่งขับรถ อีกมือก็กดโทรออกไป
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าซูซีมู่โทรหาใคร เธอแค่ได้ยินซูซีมู่เอ่ยกับทางโน้นด้วยประโยคหนึ่ง”คุณมาที่พักผมหน่อย”จากนั้น ก็วางสายไป
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถก็มาถึงบ้านพัก โล่เฟยเอ๋อที่มองเห็นหมอเฉิงรออยู่หน้าบ้านพักนั้น เธอก็กระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
ซูซีมู่รับปากเธอแล้วจะไม่พาไปโรงพยาบาล แต่กลับพาหมอมาที่บ้านพักแทน
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองซูซีมู่ แล้วแอบต่อว่าเขาอยู่ในใจที่เขาหลอกเธอ
ซูซีมู่อุ้มเธอลงจากรถอย่างนิ่งเฉย
“ประธานซูครับ” หมอเฉิงมาต้อนรับด้วยเคารพ
ซูซีมู่พยักหน้าพร้อมเอ่ยอือไปทีหนึ่ง จากนั้นก็กดรหัสผ่านข้างประตู แล้วเข้าห้อง
เขาอุ้มโล่เฟยเอ๋อตลอดทางขึ้นชั้นบน แล้ววางเธอลงบนเตียง พร้อมกับถอนรองเท้าให้เธอ
โล่เฟยเอ๋อไม่กล้าให้เขามาถอนรองเท้าให้เธอ จึงรีบพูด”ฉันทำเองดีกว่า”
ซูซีมู่ไม่สนคำพูดเธอ แล้วจึงถอนรองเท้าเธอด้วยตัวเอง
เมื่อถอนรองเท้าเสร็จ เขาถึงได้มองหมอเฉิงที่เดินตามหลังพวกเขามาชั้นบนด้วย “ฝากคุณด้วย”
“ครับ” หมอเฉิงพยักหน้า แล้วนำกระเป๋ายาวางลง จากนั้นจึงถาม คุณโล่ ไม่สบายตรงไหนไหมครับ ”
ซูซีมู่กับโล่เฟยเอ่ยได้ตอบพร้อมกันว่า
“ตรวจทั้งตัวเลย”
“ข้อเท้าแพลงค่ะ”