บทที่ 90 โล่เฟยเอ๋อหายตัวไป
ในขณะที่โล่เฟยเอ๋อหมดสติ กระเป๋าในมือของเธอก็ตกลงพื้น ทำให้ตุ๊กตาพอร์ซเลนที่แขวนบนกระเป๋าตกลงไปด้วย
ชายคนนั้นนั่งยองๆ และหยิบกระเป๋าของโล่เฟยเอ๋อขึ้นมา จากนั้นก็รีบอุ้มโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในรถตู้ที่กำลังขับมารับด้วยความรวดเร็ว
ขณะที่รถตู้ออกตัวมา รถของซูซีมู่ก็ขับสวนไปในทันที
รถของซูซีมู่และรถตู้ได้แล่นสวนกันไป จากนั้นซูซีมู่ก็หยุดอยู่ข้างถนน แต่ไม่เจอโล่เฟยเอ๋อ
เธอบอกว่าเธอรอเขาอยู่ที่เดิม แล้วทำไมเธอถึงไม่อยู่ล่ะ?
ซูซีมู่ขมวดคิ้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เลื่อนหาเบอร์ของโล่เฟยเอ๋อและโทรออก
ไม่กี่วินาทีว่างเปล่าผ่านไป เสียงผู้หญิงตอบอัตโนมัติก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ปิดเครื่อง? มีเรื่องอะไรทำให้เธอต้องปิดเครื่อง?
ซูซีมู่อยู่ในรถสักพัก จากนั้นเปิดประตูลงจากรถเตรียมตัวจะเข้าไปที่บริษัทดี้ก้วนเพื่อหาตัวโล่เฟยเอ๋อ
เดินไปได้สองก้าว เขาก็ได้สังเกตเห็นจี้ตุ๊กตาพอร์ซเลนที่คุ้นเคยตกอยู่บนพื้น
เขานั่งยองๆหยิบตุ๊กตาพอร์ซเลนนั้นขึ้นมาดู เขาแน่ใจว่ามันคือจี้ที่เขาซื้อที่LVเมื่อคืนวานแน่นอน
เครื่องประดับบนกระเป๋าของโล่เฟยเอ๋อมาหล่นอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?เเล้วเธอหายไปไหนอีกแล้ว?
ผ่านไปเพียงเเค่สิบนาทีจากที่เขาโทรมาหาเธอ แล้วจู่ๆโทรศัพท์ก็ถูกปิด ส่วนคนอยู่ๆก็หายไป …
ทันใดนั้นหัวใจของซูซีมู่ก็เริ่มกระวนกระวายกับลางสังหรณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ ความรู้สึกอันเลวร้ายครอบคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขาในทันที
ในขณะที่กำลังโทรหาโจวเฉิงอย่างกระวนกระวาย ให้เขาหาคนไปตรวจสอบการเฝ้าระวังของถนนสายนี้ เขาก็อธิบายลักษณะของโล่เฟยเอ๋อให้คนเเถวนั้นฟังไปด้วย และถามว่ามีใครเห็นเธอบ้างไหม
ซูซีมู่ถามคนหลายคน และในที่สุดก็มีคนบอกว่าพวกเขาเหมือนจะเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อถูกพาเข้าไปในรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
รถตู้ไร้ป้ายทะเบียน ?ซูซีมู่นึกถึงรถตู้ไร้ป้ายทะเบียนที่ขับสวนทางเขาไปเมื่อกี้ รถคันนั้นขับมาจากทางนี้ ….
หลังจากขอบคุณบุคคลนั้น เขาก็โทรหาโจวเฉิง และให้โจวเฉิงเช็ครถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนบนถนนเส้นนี้ จากนั้นเขาก็ขึ้นรถขับตามไปในทิศทางที่รถตู้คันนั้นขับออกไป
อันที่จริง ซูซีมู่ไม่รู้เลยว่าควรทำยังไง ทำอะไรต่อ การไล่ตามแบบนี้ การที่เขารู้เพียงทิศทางทั่วไปที่รถตู้ออกไปเท่านั้นและเขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่า โล่เฟยเอ๋ออยู่ในรถคันนั้นจริงรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ฝีมือของโจวเฉิงนั้นดีมาก ไม่ใช่แค่สามารถช็คได้กล้องวงจรบริเวณที่โล่เฟยเอ๋อถูกพาตัวไป แต่ยังสามารถระบุตำแหน่งที่เเม่นยำของรถตู้คันนั้นได้อีกด้วย
ซูซีมู่ได้รับการยืนสถานที่อย่างเเม่นยำแล้วก็ได้ติดต่อกับโจวเฉิง พร้อมเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ มุ่งหน้าไปที่ที่โจวเฉิงได้บอกมา
ในอาคารหนึ่งซึ่งเป็นโรงงานร้างทางชานเมืองที่มีโคมไฟส่องเเสงไสว
ชายสามคนกำลังเล่นไพ่กันอยู่รอบโต๊ะ ขณะที่โล่เฟยเอ๋อนอนสลบอยู่บนพื้นด้วยอาการโคม่า
ชายคนหนึ่งที่กำลังกัดบุหรี่พูดขึ้น “พวกเเกคิดว่าเจ้านายคนนี้มีไรผิดปกติป้ะวะ เดี๋ยวก็สั่งจะให้เราทำร้ายนังนี่ เดี๋ยวก็บอกให้เราจับไว้เฉยๆ”
“พวกคนรวยมันไม่ปกติกันหรอก” ชายวัยกลางคนฝั่งตรงข้ามพูดขณะเปิดไผ่ขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องทำร้ายนังนี่อยู่รึเปล่า?” ชายที่กำลังกัดบุหรี่เหลือบตาไปมองโล่เฟยเอ๋อที่กำลังนอนอยู่บนพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย
“เอาจริงๆเลยนะ ยัยนี้สวยมากสุดๆไปเลย ถ้าจะให้ทำอะไรละก็ เสร็จ … ”
ชายหน้าเหลี่ยมอีกคนเหลือบมองมาที่เขา และพูดว่า ”แกควรจะอยู่นิ่ง ๆ ก่อน รอถามนายเขาอีกรอบ”
”รู้หน่า” ชายที่กัดบุหรี่กล่าวเช่นนั้น แต่มันก็หยุดที่จะมองไปทางโล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาหื่นกระหายไม่ได้
ชายหน้าเหลี่ยมวางไผ่ในมือ แล้วก็ยืนขึ้นพร้อมหยิบหน้ากากออกจากกระเป๋าเสื้อ เขาใส่มันบนใบหน้า และพูดว่า
“ฉันจะไปหาไรกินสักหน่อย พวกนายจะกินอะไร?”
“อะไรก็ได้ แค่อย่าลืมเอาเหล้ากลับมาด้วยก็พอ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างลวก ๆ
ชายผู้สวมหน้ากากมองชายที่มีบุหรี่อยู่ในปาก ”แกล่ะเอาอะไร?”
“แกเห็นอะไรก็ซื้อๆมาเถอะ” ชายคนนั้นตอบพร้อมกับสะบัดเขม่าบุหรี่ออก
“งั้นฉันจะไปซื้ออาหารละ พวกแกอย่าลืมโทรหานายเเล้วรายงานสถานการณ์ให้ด้วยแล้วกัน” ชายสวมหน้ากากพูดจบก็เดินออกจากโรงงานไป
ไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาจากไป ชายที่มีบุหรี่ก็พูดกับชายวัยกลางคน “แกรีบไปโทรหานายไป”
“เอ้อ ได้” ชายวัยกลางคนพยักหน้าเเล้วลุกขึ้น พร้อมออกไปโทรหาเจ้านาย
ชายผู้สูบบุหรี่มองดูชายวัยกลางคนเดินจากไป เขาก็ดับบุหรี่เเล้วโยนลงพื้นจากนั้นยืนขึ้นพร้อมเดินไปหาโล่เฟยเอ๋อที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น …
เมื่อซูซีมู่พบโรงงานร้างตามคำบอกของโจวเฉิง เขาก็เห็นชายสวมหน้ากากเดินออกมาจากโรงงาน
เขารีบหลบไปซ่อนตัวในที่มืด หลังจากที่รอชายคนนั้นขับรถออกไป เขาก็เดินออกจากที่มืดและเดินเข้าไปในตัวอาคารอย่างเงียบๆ
ทันทีที่เข้าไปก็ได้ยินเสียงของผู้ชายสองคนคุยกันในห้องที่มีไฟอยู่ไม่ไกล
“แกไปโทรหานายไป”
“เอ้อ ได้”
แสงจันทร์ได้สาดส่องผ่านดวงตาของซูซีมู่ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ห้องนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนก็เดินออกมาจากห้องนั้น
เนื่องจากซูซีมู่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอีกฝ่ายจึงไม่เห็นเขา ชายคนนั้นก็เดินตรงไปที่สนามเพื่อโทรหาเจ้านาย
ซูซีมู่โค้งตัวเข้าหาหน้าต่างอย่างระมัดระวัง ดูลาดราวว่าโล่เฟยเอ๋ออยู่ข้างในนั้นไหม
เขามองเพียงเเวบเดียวก็ได้เห็นชายที่อยู่ข้างในทิ้งบุหรี่แล้วเดินตรงไปหาโล่เฟยเอ๋อที่นอนอยู่บนพื้น
เขาคิดจะทำอะไร?ใบหน้าของซูซีมู่นั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“ผู้หญิงที่สวยอย่างนี้ ไม่ทำก็โง่แล้ว” หลังจากที่ชายคนนั้นพึมพัมประโยคนี้ เขาก็ยื่นมือมาถอดเสื้อผ้าของโล่เฟยเอ๋อ …
ความโกรธกลบความคิดทั้งหมดของซูซีมู่ไปในทันที เขาวิ่งไปที่ประตูอันทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยปฏิกิริยาตอบสนองทั่วไปคือ เขายกเท้าขึ้นแล้วถีบไอ้บ้านั่นไปอย่างแรง
เสียงโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พอเขากระโดดเข้าไปในห้องได้ ก็คว้าคอเสื้อด้านหลังของชายที่ถอดแจ็คเก็ตของโล่เฟยเอ๋อออก เขาดึงไอ้บ้านั่นขึ้นอย่างรุนเเรง กำหมัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง
การปรากฏตัวของซูซีมู่นั้นกะทันหันเกินไปด้วยความที่ชายคนนั้นก็กำลังถอดเสื้อผ้าของ
โล่เฟยเอ๋อ จึงไม่ทันได้เตรียมตัว ก็โดนหมัดของซูซีมู่กระเเทกเข้าอย่างเเรงจนล้มลง
ซูซีมู่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขารีบวิ่งเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม ยกเท้าขึ้นและกระถืบเข้าที่ศีรษะของมันอย่างจัง
ในตอนแรกชายคนนั้นร้องโอดครวญอย่างโหยหวน แต่เขาก็โดนซูซีมู่กระถืบซ้ำจนสลบไป
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆเเล้ว ซูซีมู่จึงหันหลังเดินไปหาโล่เฟยเอ๋อที่นอนอยู่บนพื้น
เขาที่พึ่งจะอุ้มโล่เฟยเอ๋อขึ้นมาจากพื้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ข้างหลัง
ซูซีมู่ค่อยๆหันกลับไปอย่างระวังก็ได้เห็นชายวัยกลางคนที่ออกไปโทรศัพท์กำลังวิ่งเข้ามาด้านในซูซิมู่เลยค่อยๆวางโล่เฟยเอ๋อลง พร้อมทักทายชายคนนั้นด้วยท่อนเหล็กที่เพิ่งคว้าขึ้นจากพื้น