บทที่100 ความต้องการที่ไร้เหตุผลของโล่หยิวชิว
เมื่อโล่เฟยเอ๋อตัดสายโทรศัพท์ซูซีมู่ คิดว่าซูซีมู่ยุ่งมาก ไม่มีเวลาคุยกับเธอ เธอจึงไม่คิดมาก โล่เฟยเอ๋อออกมาจากชุมชนนั้น แล้วตรงไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน……
หลังจากนั่งรถไฟใต้ดินนานกว่าหนึ่งชั่วโมง แล้วนั่งรถสาธารณะอีกครึ่งชั่วโมง โล่เฟยเอ๋อมาถึงบ้านซูก็ใช้เวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว
ทันทีที่เข้าประตู เห้อจิ้นเหยาดึงโล่เฟยเอ๋ออย่างอบอุ่นและให้เธอนั่งลงบนโซฟา “เฟยเอ๋อ”ทำไมคุณเพิ่งกลับมาตอนนี้เนี่ย ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วนะ ”
โล่เฟยเอ๋อตอบว่า “ขอโทษนะคุณป้าเหยา ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานั่งรถนานกว่าสองชั่วโมง ครั้งต่อไปจะออกเร็วกว่านี้ ”
กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดูข่าวเศรษฐกิจ โล่ชิงไป๋ได้ยินเธอ พูดอย่างเย็นชา :”หึ นั่งรถแท็กซี่จากในเมืองมาที่นี่ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ถึง ไม่รู้จริงๆว่าคุณเอาสองชั่วโมงมาจากไหน”
เห้อจิ้นเหยาก็พูดขึ้นว่า “ใช่ เฟยเอ๋อ คุณถูกคนขับแท็กซี่หลอกหรือเปล่า?”
โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากของเธอ แล้วตอบว่า “ฉันไม่ได้นั่งรถแท็กซี่ค่ะ ฉันนั่งรถไฟใต้ดิน แล้วขึ้นรถสาธารณะ。”
หลังจากได้ยินสิ่งที่โล่เฟยเอ๋อพูด ความประหลาดใจปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของ โล่ชิงไป๋ และเขาก็เปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เห้อจิ้นเหยาถามด้วยความประหลาดใจ “เฟยเอ๋อ ทำไมคุณนั่งรถไฟใต้ดินไม่นั่งรถแท็กซี่ล่ะ?”
“ คือว่า…. … ” โล่เฟยเอ๋อดูลำบากใจ
เห้อจิ้นเหยาถามด้วยความเป็นห่วง“ เฟยเอ๋อ มีอะไรไม่สามารถบอกป้าเหยาเหรอ? เงินหมดเหรอ? เจ้าเด็กคนนี้ ไม่มีเงินก็บอกป้าเหยาได้ ป้าเหยามี “พูดแล้วเห้อจิ้งเหยาลุกขึ้นเพื่อจะไปรับเงิน แต่ถูกโล่เฟยเอ๋อรั้งไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าเหยา ฉันก็แค่เพิ่งถูกปล้นเมื่อไม่นานมานี้……รออีกสองวันก็จะได้ค่าจ้าง ฉันก็มีเงินแล้ว”
เมื่อ โล่ชิงไป๋ได้ยินถูกปล้นสองคำนี้ ก็มองไปทางโล่เฟยเอ๋อเพียงแว็บเดียว แล้วเขาก็หันไปอย่างรวดเร็ว
“ถูกปล้นหรอ? คุณบาดเจ็บหรือเปล่า?”เห้อจิ้นเหยาถามด้วยความเป็นห่วง
การดูแลของแม่เลี้ยง ความเฉยเมยของบิดาผู้ให้กำเนิด ทัศนคติสองอย่างที่แตกต่างกัน ทำให้โล่เฟยเอ๋อรู้สึกขมขื่น
เธอมองตาลงและตอบว่า “ฉันบาดเจ็บนิดหน่อย แต่ก็หายดีแล้ว”
เห้อจิ้นเหยาถามด้วยความเป็นห่วง “ เจ็บตรงไหนมั้ย? ให้ฉันดูหน่อยสิ”
“คุณป้าเหยา เรื่องมันผ่านไปหลายวันแล้ว แผลก็หายดีแล้ว” “โล่เฟยเอ๋อตอบด้วยรอยยิ้ม
“ให้ป้าเหยาดูสิ ถ้าไม่ให้ฉันดู ฉันจะไม่หายห่วงแน่เลย “”เห้อจิ้นเหยายืนกรานที่จะดู”
โล่เฟยเอ๋อไม่มีทางเลือกอื่น เลยยกแขนเสื้อขึ้นและโชว์แผลเป็นที่ข้อมือ ให้เห้อจิ้นเหยาดู
“เจ้าเด็กคนนี้บาดเจ็บขนาดนี้ยังไม่บอก แผลเป็นรุนแรงขนาดนี้ ตอนนั้นยิ่งรุนแรงแล้วใหญ่เลย ” “เห้อจิ้นเหยาพึมพำอย่างทุกข์ใจ
หลังจากเห้อจิ้นเหยาพึมพำจบ โล่เฟยเอ๋อเพิ่งนึกได้ว่าไม่เห็นโล่หยิวชิว เลยถาม “คุณป้าเหยา พี่สาวล่ะ? ทำไมไม่เห็นเธอล่ะ?”
“เธออยู่ในห้องแหละ เดี๋ยวฉันให้คนไปเรียกเธอ” เห้อจิ้นเหยากล่าว
“อืม ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
สิบนาทีต่อมา โล่หยิวชิวลงมาจากบันได
“พี่สาว” โล่เฟยเอ๋อลุกขึ้นยืนและทักทายโล่หยิวชิว
“เฟยเอ๋อกลับมาแล้ว?” โล่หยิวชิวมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ และเธอก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อนที่โล่เฟยเอ๋อพบเธอที่โรงแรมบ้ันเต๋า
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าเบาๆ “ฉันเพิ่งกลับมา”
แววตาโล่หยิวดูมีแสงฉ่ำวาว จากนั้นยิ้มและพูดกับโล่เฟยเอ๋อ “แม่ของฉันรอหวังดวงดาวและดวงจันทร์ ในที่สุดก็รอหวังจนคุณกลับมาซะที”
โล่เฟยเอ๋อยิ้ม และไม่พูดอะไร
“ใครให้เฟยเอ๋อทำให้ฉันชอบล่ะ?”เห้อจิ้นเหยาตอบตรงๆ
โล่หยิวชิวโค้งงอปากแล้วพูด “แม่ฉันลำเอียง เมื่อหลายปีก่อนฉันก็รู้แล้ว”
เห้อจิ้นเหยาด่าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง“สาวนี่ ยังจะกินข้าวมั้ย?”
“กินอยู่แล้ว”โล่หยิวชิวทำหน้าทำตาใส่เห้อจิ้นเหยา จากนั้นยิ้มและจับมือโล่ชิงไป๋ “ พ่อ กินข้าวได้แล้ว”
“โอเค ไปกินข้าวกัน ” โล่ชิงไป๋ยกมือขึ้นแตะผมของโล่หยิวชิว จากนั้นก็ลุกขึ้น
โล่หยิวชิวพิงศีรษะของเธอบนไหล่ของโล่ชิงไป๋ และพูดคุยกับโล่ชิงไป๋ด้วยเสียงเบา เดินตรงไปที่ร้านอาหาร โล่เฟยเอ๋อเดินตามหลังพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ
โล่ชิงไป๋นั่งอยู่ตรงหน้าเขา โล่หยิวชิวและเห้อจิ้นเหยานั่งอยู่ข้างเขาทั้งสองฝั่ง และโล่เฟยเอ๋อนั่งข้างโล่หยิวชิว
ระหว่างที่กินข้าวกัน โล่ชิงไป๋และโล่หยิวชิวสนทนาอย่างมีความสุขเห้อจิ้นเหยาพูดแทรกเป็นครั้งคราว
มีเพียงโล่เฟยเอ๋อ เท่านั้นที่นั่งกินอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่เข้ากันกับพวกเขา
หรือพูดอีกอย่างคือ เธอเป็นส่วนเกินในนั้น
โล่เฟยเอ๋อถอยสายตาของเธอ ก้มหน้าก้มตาทานข้าวในชาม
เห้อจิ้นเหยาที่นั่งฝั่งตรงข้ามคีบผักเต็มตะเกียบยื่นให้โล่เฟยเอ๋อ“ เฟยเอ๋อกินผักสิ นี่เป็นผักที่เธอชอบกินนิ”
“ขอบคุณค่ะป้าเหยา” โล่เฟยเอ๋อขอบคุณเห้อจิ้นเหยา
“บ้านเดียวกันเกรงใจทำไม? รีบๆกิน ตัวผอมลงอีกแล้วเนี่ย “เห้อจิ้นเหยายิ้มอย่างอ่อนโยน
“ใช้แล้ว เฟยเอ๋อกินเยอะหน่อย เธอผอมลงแล้วนะ” โล่หยิวชิวที่นั่งข้างๆก็คีบผักให้โล่เฟยเอ๋อเช่นกัน
โล่ชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงแค่มองไปที่โล่เฟยเอ๋ออย่างเย็นชา
“ขอบคุณค่ะพี่สาว” โล่เฟยเอ๋อก้มหัวลงแล้วกินข้าวต่อ
จู่ๆโล่หยิวชิวก็พูดว่า “ใช่แล้ว คุณพ่อคะ ครั้งที่แล้วพ่ออยากร่วมธุรกิจกับบ้านเหซิง แต่ไม่มีโอกาสเหรอคะ?”
บนใบหน้าของโล่ชิงไป๋จมลงแล้วกล่าวว่า: “บ้านเหซิง เป็นผู้นำของเมือง A คิดจะร่วมงานกันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“พ่อ เรื่องนี้คุยกับเฟยเอ๋อสิ เธอรู้จักกับคนบ้านเหซิง “โล่หยิวชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เธอเป็นแค่นักออกแบบธรรมดาๆ เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะรู้จักกับคนในบ้านเหซิง ?”โล่ชิงไป๋ ไม่เชื่อคำพูดของ โล่หยิวชิวเลย
“พ่อ เฟยเอ๋อรู้จักคุณหนูไฮโซของบ้านเหซิงจริงไปค่ะ” โล่หยิวชิวมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ “เฟยเอ๋อ เธอว่าใช่ไหม?”
เมื่อโล่ชิงไป๋ดูโล่หยิวชิวเหมือนจะไม่ได้โกหก เลยมองไปที่โล่เฟยเอ๋อผ่านๆ
โล่เฟยเอ๋อ มึนงงแบบอธิบายไม่ถูกเลย“ อะไรนะ คุณหนูไฮโซของบ้านเหซิง ?”
โล่หยิวชิวเตือนโล่เฟยเอ๋อ“ ลูกสาวของบ้านเหซิง คนที่เธอไปร่วมงานวันเกิดเธอเมื่อคืนก่อนไง”
โล่เฟยเอ๋อผงะแล้วถาม”พี่หมายถึงเหซิงถิง เหรอคะ?”
“ใช่ เธอเป็นลูกสาวของบ้านเหซิง ” โล่หยิวชิวพยักหน้าแล้วพูดกับโล่ชิงไป๋ “พ่อ เฟยเอ๋อสนิทกับลูกสาวของบ้านเหซิงมาก คุณพ่อสามารถขอความช่วยเหลือจากเฟยเอ๋อเพื่อขอร่วมงานกันได้นะคะ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายหัว “ขอโทษนะคะ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันไม่สนิทกับเหซิงถิง”
“ยังเคยจับมือควงแขนกับเธอเลย ทำไมจะไม่สนิทล่ะ? คุณไม่อยากช่วยพ่อหรือไง?” โล่หยิวชิวเต็มไปด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า’เธอทำอย่างงี้ได้ยังไง’ มองไปที่โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อพูดด้วยความลำบากใจ “ฉันไม่รู้สนิทกับเธอจริงๆ เธอเป็นเพื่อนของเพื่อนฉัน ที่ฉันได้ไปร่วมงานวันเกิดของเธอในวันนั้น นั่นเพราะฉันก็ไปกับเพื่อนของฉันด้วยไง”
“เพื่อนของเพื่อน ก็เป็นเพื่อนคุณเหมือนกันนั่นแหละ เฟยเอ๋อ คุณช่วยพ่อบอกกับเหซิงถิงหน่อย ว่าถ้าพ่อกับบ้านเหซิงได้ร่วมงานกันจะต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ และ บริษัทโล่ซื่อของเราจะได้ก้าวไปอีกระดับไงคุณ …….”โล่หยิวชิวยังพูดไม่จบ โล่เฟยเอ๋อก็พูดแทรกเธอโดยตรง
“ขอโทษนะคะ ฉันจะไม่ไปขอคุยกับคนอื่น” อย่าบอกว่าเหซิงถิงเป็นน้องสาวของเพื่อนของซูซีมู่เลย แม้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะขอความช่วยเหลือจากซูซีมู่ได้ แต่โล่เฟยเอ๋อก็จะไม่ไปขอพูดเรื่องนี้แน่ๆ
โล่หยิวชิวกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เฟยเอ๋อ แค่ไปพูดเพียงไม่กี่คำ มันก็ไม่ได้ยากอะไรนิ”
“ฉันกินเสร็จแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” หลังพูดจบคำนี้ โล่เฟยเอ๋อวางตะเกียบลงและออกจากร้านอาหาร