เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 334 ข้าเหมาะกับเจ้ามากกว่า
า
ถึงแม้เยี่ยเม่ยรู้ว่าตัวเองกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่จู่ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งโผล่มาตอนกำลังอ่อนแอ ความรู้สึกแบบนี้สำหรับเยี่ยเม่ยก็ไม่ดีนัก
ดังนั้น นางถึงกับอดใจไม่ไหวอยากรู้ความคิดเห็นของเสินเซ่อเทียน
เสินเซ่อเทียนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ความจริงใจของนางเทียบเจ้าไม่ได้ ข้าเห็นแล้วรู้สึกว่าจอมปลอม นั่นก็เพราะนางแสดงออกอย่างสมบูรณ์แบบเกินไป สติปัญญาล้ำเลิศ วรยุทธ์ไม่ต่ำต้อย อากัปกิริยานิสัยเพียบพร้อม หาข้อเสียไม่ได้เลยสักหน่อยเดียว แต่เจ้าคิดว่าโลกนี้จะมีคนที่สมบูรณ์แบบเพียบพร้อมหรือ คนที่สมบูรณ์แบบจริงๆ มีแต่คนที่ถนัดเสแสร้งเท่านั้นแหละ”
เป็นเพราะว่าถูกคนบูชาราวเทพ เสินเซ่อเทียนถึงยิ่งเข้าใจนิสัยของคน
ในโลกนี้มีคนดีก็จริง แต่คนมีนิสัยซับซ้อน ไม่มีใครทำได้อย่างสมบูรณ์แบบนักหรอก แม้กระทั่งผู้วิเศษทั้งหลายยังไม่กล้าบอกว่าชั่วชีวิตมิเคยทำผิดมากก่อน แต่มู่หรงเหยาฉือผู้นี้ดันทำให้คนหาข้อเสียไม่ได้เลยสักนิดเดียว
แทนที่จะเชื่อว่าชั่วชีวิตนี้มู่หรงเหยาฉือไม่เคยทำผิดอะไรมาก่อน เสินเซ่อเทียนยอมเชื่อว่านางกำจัดร่องรอยความผิดพลาดเหล่านั้นไปอย่างหมดจดแล้วจะดีกว่า
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว กลับแค่นเสียงหัวเราะออกมา “บทวิเคราะห์นี้น่าสนใจมาก”
และก็มีเหตุผลจริงๆ
เพราะว่าเยี่ยเม่ยก็ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีคนที่สมบูรณ์พร้อมจริงๆ แม้กระทั่งผู้วิเศษในประวัติศาสตร์ล้วนเอ่ยคำพูดที่ว่า ‘ใครบ้างมิเคยทำผิด แต่เมื่อผิดแล้วควรแก้ไข’ ดังนั้นจะมีใครบ้างที่อยู่มานานหลายปีแล้วสมบูรณ์แบบมาตลอด
แต่ว่า…
เยี่ยเม่ยมองตาเสินเซ่อเทียนทีหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยิ้มว่า “บางทีผู้อื่นอาจมีจิตใจบริสุทธิ์เมตตาอย่างแท้จริง ถึงได้เพียบพร้อมถึงขนาดนี้ก็ได้”
เสินเซ่อเทียนคลี่ยิ้ม เอ่ยช้าๆ ว่า “งานเลี้ยงในวังเมื่อแปดปีก่อน มีคนบอกว่ามู่หรงเหยาฉือเกิดมาเป็นดาวพิฆาตทำร้ายคนทั้งตระกูล เยี่ยเม่ยหากเป็นเจ้า เจ้าจะจัดการอย่างไร”
คำพูดไร้เจตนาของเขา กลับกระแทกถูกจุดเจ็บปวดของเยี่ยเม่ยเข้าอย่างจัง
ในโลกนี้คนที่เกิดมาเพื่อพิฆาตคนทั้งตระกูล สมควรเป็นนาง เยี่ยเม่ยถึงจะถูก หากไม่ใช่นางคนทั้งหมดของราชวงศ์จงเจิ้งก็ไม่ต้องตาย ตระกูลจงเจิ้งก็ไม่มีทางถูกทำลาย
ในขณะที่เยี่ยเม่ยใช้ความคิดอยู่นั้น เสินเซ่อเทียนถามออกมาว่า “เยี่ยเม่ย”
เยี่ยเม่ยได้สติกลับมา นางรู้ว่าตนเองไม่ควรเผยพิรุธต่อหน้าเสินเซ่อเทียน นางตีสีหน้านิ่ง คิดถึงคำพูดเสินเซ่อเทียน เอ่ยปากเสียงเย็น “หากเป็นข้า ข้าจะฉีกปากคนผู้นั้นซะ! หรือไม่ก็บีบคอคนผู้นั้นเสีย!”
ไม่ว่าจะถูกตนเองพิฆาตตายจริงหรือไม่ แต่ว่าใครก็ตามที่เอาความตายของครอบครัวผู้อื่นมาเป็นคำพูดโจมตีคนผู้หนึ่งเป็นเรื่องที่ชวนให้เกิดโทสะจริงๆ ดังนั้นหากเป็นเยี่ยเม่ย นางไม่มีทางทนได้แน่
เสินเซ่อเทียนหัวเราะ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “แต่มู่หรงเหยาฉือเลือกที่จะยิ้มน้อยๆ ทั้งยังช่วยคนผู้นั้นจัดไรผมที่ยุ่งเหยิงออกมา จากนั้นก็หมุนกายจากไป คนทั้งหลายต่างบอกว่านางมีจิตใจกว้างขวางผ่าเผย ปีนั้นข้ายังถามเจ้าหนูนั่นว่าคิดอย่างไร เจ้าหนูนั่นตอบว่า คนชั้นต่ำที่แสร้งทำเป็นใจกว้าง”
คราวนี้กลายเป็นว่าบอกความเห็นของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่มีต่อมู่หรงเหยาฉือออกมา
พูดไปแล้วเสินเซ่อเทียนยังกล่าวต่อว่า “ปีนั้นข้าก็มองออกแล้วว่า นางชอบเจ้าเด็กนั่น ถึงคอยสังเกตการณ์ คิดไม่ถึงว่าผลทำให้ข้าผิดหวังนัก เจ้าเด็กนั่นคร้านจะมองนางเลยสักนิด!”
ต้องบอกว่าเมื่อฟังถึงยามนี้ อารมณ์ของเยี่ยเม่ยดีขึ้นอย่างแปลกประหลาด โดยเฉพาะได้ยินว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ใส่ใจสตรีนางนั้นเลยสักนิด
แต่ว่าเมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสินเซ่อเทียนคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ว่าเขากับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นศัตรูหัวใจกัน
เมื่อเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาในตอนนี้ ความจริงก็ไม่เป็นผลดีกับตนเอง ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากว่า “น่าเสียดาย นั่นคือเรื่องเมื่อแปดปีที่แล้ว จากนิสัยไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตาของเจ้าเด็กนั่น ดูท่าแม้แต่มู่หรงเหยาฉือคือใคร เขาคงจำไม่ได้แล้ว ดังนั้นหากเขาได้เจอมู่หรงเหยาฉืออีกในยามนี้ เขาจะมีความเห็นว่าอย่างไร ข้าก็ไม่ชัดเจนอีก อย่างไรเสียสตรีนางนี้ ได้ยินว่านางเติบโตขึ้นมาเป็นโฉมสะคราญ”
“เจ้าไม่ไปดูว่าสวยมากจริงหรือเปล่า” เยี่ยเม่ยปรายตามองเสินเซ่อเทียนทีหนึ่ง ไหนว่าบุรุษส่วนมากล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชมชอบของสวยงามมิใช่หรือ
เสินเซ่อเทียนหัวเราะเบาๆ อธิบาย “รูปโฉมก็แค่ลักษณะภายนอก ผ่านไปอีกหลายสิบปี สาวงามอย่างไรก็ต้องลงหลุม อีกอย่างในโลกนี้มีใครอยู่ต่อหน้าข้าแล้วยังคู่ควรให้อวดโฉมอีกบ้าง”
คำพูดนี้เยี่ยเม่ยเห็นด้วยนัก
รูปโฉมของเสินเซ่อเทียนโดดเด่นเกินผู้ใด โฉมงามที่เขามองเข้าตาคาดว่าคงไม่มีอยู่ ถึงเยี่ยเม่ยจะหลงตัวเองมาตลอด ยังต้องยอมรับว่าเสินเซ่อเทียน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน กูเยว่อู๋เหิน จิ่วหุน รวมถึงเป่ยเฉินอี้ ล้วนมีรูปโฉมเหนือกว่านางทั้งนั้น
ส่วนสตรีที่รูปงามกว่านาง ถึงตอนนี้นางยังไม่เคยพบเจอมาก่อน
ไม่รู้ว่ามู่หรงเหยาฉือที่ถูกคุยโวว่าร้ายกาจขนาดนั้น จะสวยกว่านางหรือไม่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเม่ยกลับยิ้มออกมา ความจริงนางไม่ใช่คนใส่ใจรูปโฉมนัก อย่างไรก็ไม่ได้ใช้หน้าตาหากิน ทั้งไม่ได้ใช้หน้าตาเพื่อแสวงหาสิ่งของที่นางต้องการ อีกทั้งคนที่คบค้าอยู่และบุรุษทั้งหลายก็ไม่มีใครใส่ใจหน้าตาของนางสักคน
แต่ตอนนี้นางถึงกับถกเรื่องนี้กับเสินเซ่อเทียน…
ดูท่าการมาของมู่หรงเหยาฉือ รวมถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีต่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทำให้จิตใจเยี่ยเม่ยสับสนอยู่บ้าง
ยามนี้นางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทะเลาะกันถึงขั้นนี้ หากเขากลับมาแล้ว ในยามนี้มู่หรงเหยาฉือปลอบใจเขายามเสียใจ ห่วงใยเขา จากนั้นพวกเขาสองคนก็คบกันอย่างราบรื่นแล้วใช่หรือไม่
แต่ต่อให้คนทั้งสองคบหากันจริงๆ เยี่ยเม่ยก็ไม่มีคุณสมบัติพูดอะไร ทั้งไม่มีคุณสมบัติไม่พอใจอะไรทั้งนั้น
ต้องบอกว่า
มู่หรงเหยาฉือเป็นคนแรกที่ทำให้นางรับรู้ถึงการคุกคาม ตัวอย่างที่เสินเซ่อเทียนเพิ่งยกขึ้นมาบอกว่า มู่หรงเหยาฉือจอมปลอม แต่ในขณะเดียวกันก็พิสูจน์ว่าสตรีนางนี้ทนความอัปยศได้ คนที่อดทนมักเป็นคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น
เห็นเยี่ยเม่ยคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ยกสุราดื่มอีกจอกหนึ่ง
ในที่สุดสีหน้าของเสินเซ่อเทียนก็เปลี่ยนไปบ้าง “ข้าล่ะแปลกใจจริงๆ ทำไมเจ้ากับเจ้าหนูนั่นถึงทะเลาะกันได้!”
เขาไม่ใช่คนโง่ ย่อมมองออกว่าการแสดงออกต่างๆ นานาของเยี่ยเม่ยล้วนเกี่ยวข้องกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เยี่ยเม่ยรีบมองเขา ตอบ “ข้ายอมรับว่า ข้าเคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ดังนั้นยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ข้ายังใส่ใจอยู่บ้าง แต่สาเหตุที่เราทะเลาะกัน ก็เพราะข้าคิดว่ากูเยว่อู๋เหินเหมาะกับข้ามากกว่า”
ในเมื่อเตรียมจะแสดงละครกับกูเยว่อู๋เหินแล้ว ส่วนเสินเซ่อเทียนก็เป็นอาจารย์ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน หลอกเขาเช่นนี้ก็สมควรแล้ว
ยังดีกว่าทำให้เขาสงสัยสาเหตุที่พวกนางทะเลาะกัน จนเริ่มระแวงฐานะของนาง
เสินเซ่อเทียนได้ฟัง กลับตะลึงไปเล็กน้อย ลูบคางอยู่ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ถามว่า “กูเยว่อู๋เหินดีกับเจ้ามากกว่าเจ้าเด็กนั่นจริงๆ หรือ แต่บางทีในไม่ช้าเจ้าอาจพบว่า ข้าเหมาะสมกับเจ้ามากกว่ากูเยว่อู๋เหิน!”