บทที่116 ถูกสะกดรอยตาม
หลังจากซูซีมู่ตรวจเซ็นเอกสารเสร็จ มือเขากำลังจะหยิบเอกสารตามเคย สุดท้ายมีเพียงความว่างเปล่า
เขางงๆอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น มองไปทางซ้าย ฝั่งนี้มีแต่ความว่างเปล่า ไม่เหลือเอกสารแม้แต่ครึ่งเล่ม ส่วนทางขวามีเอกสารกองไว้หนา
ล้วนแล้วเป็นเอกสารที่เขาเคยตรวจเซ็นแล้ว
เอกสารทำไม่หมดแล้ว? ซูซีมู่ขมวดคิ้ว และมองออกไปนอกห้องทำงาน
หรือว่าบริษัทจะไม่รอดแล้ว? ทำไมงานช่วงนี้น้อยจัง?
ซูซีมู่ที่เคยสุขุมเยือกเย็น ตอนนี้เขาดูเคร่งเครียดมาก
ช่วงเวลาที่ไม่มีงานทำ มันทรมานมาก ทำไมไม่มีงานทำเลย?
เขาโทรหาสายภายใน ให้เรียกโจวเฉิงเข้ามา:”โจวเฉิง ยังมีเอกสารต้องเซ็นที่ยังไม่ได้มั้ย?”
โจวเฉิงแทบอยากจะร้องไห้ ยังเอกสารที่ไหนอีกล่ะ ? คุณจัดการเซ็นไปหมดแล้วหนิ?
“ประธานซู งานช่วงนี้ได้จัดการหมดแล้วครับ?”
ซูซีมู่ยกหนังตาขึ้น และถาม:”กำหนดการต่อไปล่ะ? วางแผนไว้ยังไงบ้าง?”
“……… ช่วงนี้ไม่มีกำหนดการอะไรที่สำคัญเป็นพิเศษครับ”โจวเฉิงตอบ
เมื่อได้ยินโจวเฉิงพูด สีหน้าของซูซีมู่ก็เข้ม:”เรื่องอะไรสำคัญ? เรื่องอะไรไม่สำคัญ? คุณทำงานข้างๆผมแบบนี้เหรอ?”
โจวเฉิงที่ถูกด่าก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร
ผ่านไปประมาณ5วินาที ซูซีมู่กล่าวอย่างเยือกเย็น:” กำหนดการในหนึ่งอาทิตย์จากนี้ รายงานให้ผมฟังทั้งหมด! รวมถึงที่เรื่องนายปฏิเสธไปด้วย ”
“ครับ”โจวเฉิงเริ่มรายงาน การประชุมที่ไร้ประโยชน์และเสียเวลาแบบนี้ต้องถูกยกเลิกแน่ๆ รวมถึงพวกเรื่องการตรวจสอบ พวกงานเลี้ยง และพวกการออกนอกสถานที่ และเรื่องต่างๆนาๆที่ไม่สำคัญเลยสักนิด “ประธานซู เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ต้องไปเลยครับ ผมได้ให้เฟยเหวินปฏิเสธไปแล้วครับ”
“ไปสิ ทำไมจะไม่ไป ?” ซูซีมู่ทุบโต๊ะตัดสินใจจะไป “อีกอย่าง….แผนการเกี่ยวกับเรื่องรีสอร์ท เตรียมรวบเอกสารทุกอย่างให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าต้องได้เห็น บอกกับทุกคนด้วย ว่าให้เตรียมตัวเริ่มโปรเจคนี้ได้ ”
“ประธานซู……” โจวเฉิงงงๆ
โปรเจคเรื่องรีสอร์ท เป็นโปรเจคที่ใหญ่โตมาก ตอนแรกประธานซูยังคิดอยู่เลยว่าจะเริ่มในอีกปีสองปีข้างหน้า แต่ตอนนี้……
ตักเตือนว่ากล่าวโจวเฉิงเสร็จแล้ว ซูซีมู่นั่งอยู่ในห้องทำงานที่ว่างเปล่าเพียงลำพัง อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดมาก ไม่ว่าเขาจะทำยังไง ก็ไม่มีทางสงบนิ่งได้ลง
มันทรมาน ทรมานมาก ตัดพ้อหัวใจของเขา
สุดท้ายซูซีมู่ต้องลุกขึ้น ถีบเก้าอี้ด้านหลัง หยิบเสื้อคลุมบนไม้แขวนเสื้อ แล้วเดินออกจากห้องทำงาน
โจวเฉิงเห็นซูซีมู่เดินออกมาจากห้องทำงาน ถามทันที:”ประธานซู ท่านจะไปไหนเหรอครับ?”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร เดินตรงออกไป
โจวเฉิงฝากเรื่องให้สงเฟยเหวิน และรีบตามไป
ซูซีมู่ว่องไวมาก กว่าโจวเฉิงจะตามมาทันก็ถึงลานจอดรถแล้ว ซูซีมู่เตรียมจะขึ้นรถอยู่ละ โจวเฉิงรีบวิ่งไป”ประธานซู ผมขับรถให้นะครับ”
ซูซีมู่เอียงหัวมองโจวเฉิง แล้วโยนกุญแจรถให้เขา
หลังจากโจวเฉิงรับกุญแจรถ ก็รีบเปิดประตูรถให้ซูซีมู่ และตนเองก็ขึ้นรถ สตาร์ทรถ
“ประธานซู จะไปไหนครับ?” โจวเฉิงถามพร้อมกับขับรถออกจากลานจอดรถไปด้วย
ซูซีมู่ตอบอย่างเย็นชา:”บริษัทดี้ก้วน”
คุณหนูโล่ไม่ได้อยู่ที่บริษัทดี้ก้วนแล้วนิ ประธานซูยังจะไปบริษัทดี้ก้วนอีกทำไม?
โจวเฉิงเหลียวซูซีมู่จากกระจกหน้ารถ และหมุนพวงมาลัยรถ ไปทิศทางของบริษัทดี้ก้วน
ซูซีมู่ไม่ได้เข้าไปในบริษัทดี้ก้วน เพียงแต่ให้โจวเฉิงจอดรถข้างถนนตรงข้ามบริษัทดี้ด่วน นั่งอยู่ในรถ จ้องประตูบริษัทดี้ด้วยแล้วเหม่ออยู่นานแสนนาน ซูซีมู่ถึงเอ่ย ขึ้น”ไปทะเลสาบเย่ว”
“ครับ”โจวเฉิงพยักหน้า สตาร์ทรถ ขับไปยังทะเลสาบเย่ว
ผ่านไปประมาณ10กว่านาที โจวเฉิงมองกระจกข้างไปด้วย และกล่าว:”ประธานซูครับ ด้านหลังมีรถjettaขับตามมาตลอดทางเลยครับ ตั้งแต่บริษัทไปจนถึงบริษัทดี้ก้วน จนตอนนี้ก็ยังตามหลังอยู่เลยครับ”
ซูซีมู่ยกหนังตาขึ้นมองโจวเฉิง และกล่าวน้ำเสียงนิ่ง:”ไปชานเมือง”
โจวเฉิงติดตามอยู่ข้างๆซูซีมู่มานาน เขาเข้าใจได้ว่าซูซีมู่ต้องการจับตัวคนที่สะกดรอยตามพวกเขา
เขาขับรถไปปกติ ทำเหมือนไม่รู้ว่าด้านหลังมีคนกำลังตามมา ขับไปยังชานเมือง
รถjettaจะขับไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ตลอด รักษาระยะห่างอยู่ที่200กว่าเมตร
ขับไปยังชานเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง โจวเฉิงก็แกล้งทำเหมือนรถเสีย จอดรถไว้ข้างทาง คนลงจากรถ ถือมือถือไว้ท่าทางร้อนใจมาก ชำเลืองดูตามริมถนน
คนในรถjetta เห็นว่ารถที่เขากำลังตามอยู่เสียข้างทาง ตัดสินใจยกเลิกการตาม วางกล้องถ่ายรูปลงบนที่นั่งข้างคนขับ และขับรถไปโดยตรง
ช่วงที่เขาใกล้จะขับรถผ่านโจวเฉิงพวกเขา โจวเฉิงก็เอามือโบกรถกั้นเอาไว้
เพื่อไม่ให้คนสงสัย เขาจึงจอดรถลงมา
โจวเฉิงกล่าวอย่างใจร้อน:”น้องชาย คือว่ารถผมเสีย แล้วแบตมือถือก็หมดด้วย โทรเรียกหารถไม่ได้เลย ช่วยให้พวกผมได้ติดรถไปด้วยสักครึ่งทางได้มั้ยครับ?”
คนในรถปฏิเสธแบบคิดก็ไม่คิด “ขอโทษด้วยครับ ทิศทางที่ผมจะไปมันไม่ตรงกับพวกคุณ”
“น้องชาย อย่าทำแบบนี้สิ คุณดูสิ นี่ผมให้เงินคุณได้ไหมครับ?” พูดจบโจวเฉิงก็ควักเงินออกมาปึกหนึ่ง
“ทางเราไม่ตรงกัน คุณเรียกรถคันอื่นดีกว่า”คนในรถปฏิเสธอีกครั้ง
“น้องชาย ทางนี้ไม่มีรถผ่านมาเลย นี้ก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ก็มีแค่รถคุณที่ขับผ่านมาทางนี้ “โจวเฉิงหยุดงงๆแปบหนึ่ง และกล่าว:”งั้นเอาอย่างนี้ไหม คุณยืมมือถือให้ผม แล้วผมก็โทรเรียกรถมาเอง”
คนในรถมองหน้าโจวเฉิง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ผ่านไปหลายวินาที เขาพยักหน้า และหยิบมือถือขึ้นมายื่นให้โจวเฉิงผ่านหน้าต่างรถ
“ขอบคุณมากน้องชาย… …” โจวเฉิงกล่าวขอบคุณ พร้อมกับยื่นมือไปรับมือถือ ขณะที่เขายื่นมือไปรับมือถือ เขาก็ได้ทำการหมุนพลิกมือทันที จับข้อมือของอีกฝ่าย และดึงกระชากไหล่ข้างหนึ่งของเขาออกจากหน้าต่างรถ ทำให้อีกฝ่ายตัวติดอยู่กับหน้าต่างรถ ขยับไม่ได้เลย
“คุณ…..จะทำอะไรผม?คนในรถตื่นตระหนกและดิ้นรน
โจวเฉิงตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม “ผมไม่ทำอะไรครับ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณจะทำอะไรเฉยๆ”
คนๆนั้นได้ยินโจเฉิงพูดแบบนี้ ก็ได้ตอบกลับอย่างตื่นตระหนก”ผม…..ผมไม่ได้ทำอะไรครับ”
“คุณแน่ใจเหรอ?” โจวเฉิงยิ้มแบบสุภาพมาก คนที่ไม่รู้ยังนึกว่าเขากำลังคุยเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจซะอีก
คนคนนั้นกัดฟันตอบกลับ”แน่ใจ”
พอพูดคำว่า’ใจ’แค่นั้น ก็มีเสียง’เกราะ’ขึ้นมา พร้อมกับมีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด ที่แท้แขนของเขา ที่ถูกโจวเฉิงดึงกระชากออกจากหน้าต่างรถ ได้ถูกโจวเฉิงพลิกแขนหักไปตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว
คนๆนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า”ผมยอมแล้วครับ….ผมยอมบอกแล้วครับ…..”
“ใครเป็นคนส่งคุณมาสะกดรอยตามกันแน่?”โจวเฉิงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ร่างกายของคนคนนั้นสั่นทีหนึ่ง แล้วก็ตอบกลับอย่างติดๆขัดๆ:”คือว่า…..คุณโล่หยิวชิวเป็นคนส่งผมมา…..เธอให้ผมสะกดรอยตามคุณซูและ……โล่เฟยเอ๋อครับ