แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่121 ฝันถึงเขา
อาจเป็นเพราะการได้เจอเหซิงถิงที่ลานกว้างหวั้นด๋า
หลังกลับไปโล่เฟยเอ๋อก็หยุดคิดถึงซูซีมู่ไม่ได้เลย
เมื่อนอนอยู่เตียงแล้ว กลับหลับยากเหลือเกิน แต่พอหลับได้ซะที ก็กลับไปฝันอีก
ในฝัน เธอได้บอกความจริงกับซูซีมู่
เธอบอกกับเขา “ซูซีมู่ ฉันชอบคุณ คุณล่ะ”
“ฉันไม่ได้ชอบเธอ และไม่ชอบผู้หญิงคนไหน”ซูซีมู่เอ่ยประโยคนี้ด้วยความเย็นชาเสร็จ ก็หันหลังเดินจากไป
เธอจับเขาไว้อย่างกังวล แล้วถามอย่างไม่วางใจ “งั้น……เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”
ซูซีมู่สะบัดมือเธอทิ้งอย่างรังเกียจ แล้วเอ่ยกับเธออย่างเยือกเย็น “ฉันเกลียดผู้หญิงมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบฉันแบบเธอ”
“เพราะฉะนั้น เธอจึงอย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเจออีก เพราะผู้หญิงที่ตื้อไม่เลิกนั้น ยิ่งทำให้คนเกลียดเข้าไปอีก”
เมื่อพูดเสร็จ ซูซีมู่ก็หันหลัง แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ซูซีมู่ คุณอย่าไปเลยนะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ชอบคุณแล้วนะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม……”โล่เฟยเอ๋อร้องไห้ไปก็ตามไปด้วย แต่ทำไงก็ตามไม่ทันซะที
“ซูซีมู่……” โล่เฟยเอ๋อตะโกนร้องเสียงดัง ตื่นจากความฝันด้วยความตกใจ
บนหน้าเธอเต็มไปด้วยน้ำตา หอบหายใจถี่รัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังกับเจ็บปวด
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปสักพัก ถึงจะรู้ว่านั้นคือความฝันตัวเอง
ตั้งแต่ตัดสินใจปล่อยมือ เธอก็ทำตัวให้ยุ่งตั้งแต่เช้าจนค่ำ เพื่อให้ตัวเองไม่ว่างไปคิดถึงเขาคนนั้นอีก
เพราะเหตุนี้เอง เธอจึงไม่เคยพบใครคนนั้นในฝันอีก
และเมื่อคืนอาจเป็นเพราะเจอเหซิงถิง เลยทำให้เธอฝันถึงเขาอีกครั้ง แถมยังฝันถึงเหตุการณ์ถูกใครคนนั้นรังเกียจอย่างไร้ความรู้สึกอีก
โล่เฟยเอ๋อยกมือ มาจับหน้าที่เย็นชืดของตัวเอง
เธอหัวเราะอย่างขมขื่น แล้วยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้าออก
จากนั้นจึงหยิบมือถือจากโต๊ะหัวเตียงออกมาดูเวลา เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว
เวลาทำงานคือแปดโมงสามสิบนาที จากที่พักไปร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ต้องนั่งรถประจำทางเป็นเวลายี่สิบนาที
เวลายังเช้า แต่โล่เฟยเอ๋อก็ไม่คิดหลับต่อแม้แต่น้อย ได้ลุกจากเตียงมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วต้มมาม่าเป็นอาหารเช้า
ทานเสร็จยังไม่ถึงแปดโมง โล่เฟยเอ๋อจึงเก็บกวาดห้อง จากนั้นจึงจะไปทำงาน
ตอนเดินเข้าไปในล็อบบี้ร้านจิวเวลรี่ ก็ได้ยินหลายคนกำลังซุบซิบนิทานกันอยู่
พูดประมาณว่านักออกแบบหยุนออกแบบลูกค้าVIPระดับสูงในซีซั่นนี้กลับแพ้ดีไซเนอร์ลูกใหม่อย่างเหวินจี ตำแหน่งดีไซเนอร์อันดับหนึ่งในร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋คงจะรักษาไว้ไม่อยู่ซะแล้ว
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่โจวหยุนเป็นดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ และกลับไม่คิดเรื่องอื่นเกี่ยวกับลูกค้าVIPระดับสูงอะไรนั้นเลย
วันนี้โจวหยุนไม่ได้สั่งงานอะไรให้โล่เฟยเอ๋อ ทำให้โล่เฟยเอ๋อสบายว่างงาน จึงหาข้อมูลคลาสฝึกอบรมพิเศษดูอยู่ในห้องทำงาน
เมื่อดูไปประมาณสองชั่วโมงกว่า โล่เฟยเอ๋อรู้สึกปวดตาเล็กน้อย จึงเก็บข้อมูล แล้วลุกเข้าห้องน้ำไปล้างมือล้างหน้า
โล่เฟยเอ๋อมาถึงห้องน้ำ แล้วเปิดก๊อกน้ำ มาล้างหน้า พอกำลังจะหยิบทิชชู่ มาเช็ดหน้าที่มีน้ำเกาะอยู่ออก จู่ๆก็ได้ยินเสียงหนึ่งลอยมา
“เธอทำแบบนี้กับหน้าเธอหรอนี่”
“อะไร ” โล่เฟยเอ๋อหันหน้าไป แล้วเจอผู้หญิงใส่ชุดสีชมพูที่มองเธอด้วยความไม่เห็นด้วย
“หลังล้างหน้าไม่ใช้สกินแคร์บำรุงหน้า ก็ใช้ทิชชู่เช็ดหน้าให้แห้ง” ผู้หญิงคนนั้นอธิบายคำพูดเธอเอง
โล่เฟยเอ๋ออึ้งสักพัก จากนั้นจึงตอบ” เอ่อคือฉันไม่เคยใช้สกินแคร์”
“ไม่เคยใช้เลย”ผู้หญิงคนนั้นมองโล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาตกใจแป๊บหนึ่ง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป
โล่เฟยเอ๋อไม่สนใจอะไรมาก หยิบทิชชู่มาสองแผ่น เช็ดหยาดน้ำที่หน้าให้แห้ง แล้วเตรียมออกจากห้องน้ำ เรือนหลิงก็เดินออกมาจากห้องกั้นด้านหลัง แล้วเรียกเธอไว้ “เฟยเอ๋อ”
“เรือนหลิง เธอก็อยู่หรอ ” โล่เฟยเอ๋อทักทายกับเรือนหลิงด้วยรอยยิ้ม
เรือนหลิงเดินไปทางซิงค์ล้างมือ แล้วพูดไปด้วย”เอ๋อเฟย เธอมานี่ ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
แม้โล่เฟยเอ๋อจะแปลกใจเล็กน้อยว่าเรือนหลิงมีเรื่องอะไรถึงต้องเรียกเธอไปคุย แต่ก็กลับเดินไปโดยดี “มีเรื่องอะไรเหรอ”
เรือนหลิงเปิดก๊อกน้ำ เพื่อให้น้ำไหลไปตามทาง แล้วเกิดเสียงไหลซู่ซ่า จากนั้นจึงเอ่ยถามเสียงเบา” เมื่อกี้เธอกับนักออกแบบเหวินคุยอะไรกัน”
โล่เฟยเอ๋อแปลกใจเล็กน้อย “นักออกแบบเหวินเหรอ คือใครอ่ะ”
เรือนหลิงมองโล่เฟยเอ๋อด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง แล้วพูด “นักออกแบบเหวินจี คือคนที่คุยกับเธอเมื่อกี้”
“เธอคือนักออกแบบเหวินจี คนนั้นหรือเนี่ย “โล่เฟยเอ๋อถามอย่างตกใจ
เรือนหลิงจ้องโล่เฟยเอ๋อนิ่ง เพื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้แกล้งไม่รู้จักเหวินจี แล้วจึงพูด”เธอไม่รู้จักเขา แล้วทำไมไปคุยกับเขา เธอไม่รู้หรือไง”
“เขาคุยกับฉันต่างหาก” โล๋เฟยเอ๋อนิ่งไปชัววินาที จากนั้นจึงถาม “ไม่รู้อะไรหรอ”
เรือนหลิงมองรอบๆแล้วแป๊บหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างเสียงเบาที่ข้างหูโล่เฟยเอ๋อ “ตอนนี้ระหว่างนักออกแบบหยุนกับนักออกแบบเหวินมีปัญหากันอยู่”
“เพราะไอ้เรื่องVIPระดับสูงอันนั้นใช่ไหม”โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วถาม
“เธอรู้ แล้วเธอยังคุยกับนักออกแบบเหวินอีก”เรือนหลิงทำสีหน้า’เธอกล้ามากจริงๆ’จ้องมองโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อถามอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ ” เอ่อ…..ระหว่างสองเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกันยังไงอ่ะ”
“เธอคือผู้ช่วยนักออกแบบหยุน ถ้ามีคนเห็นเธอสนิทกับนักออกแบบเหวิน เธอคิดว่านักออกแบบหยุนจะคิดยังไงล่ะ”เรือนหลิงตอบด้วยความมองบน
“ฉันกับนักออกแบบเหวินแค่พูดคุยกันสองประโยคเอง คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง”โล่เฟยเอ๋อรู้สึกเรื่องราวไม่ร้ายแรงขนาดนั้น
เรือนหลิงเห็นโล่เฟยเอ๋อทำท่าไม่สนใจอะไร ก็อยากงัดสมองเธอเปิดออกมาดูว่าข้างในทำด้วยอะไรกันแน่ ถึงเอาใจของคนมาคิดง่ายแบบนี้
ก็ใช่ ถ้าโล่เฟยเอ๋อไม่เอาใจคนคิดง่ายแบบนี้ ก็คงไม่คิดที่จะไม่กันเธอเช่นนี้
แต่เธอนั่นกลับ…..
เรือนหลิงเคยคิดอยากไม่สนอะไรแล้วบอกทุกอย่างออกมาให้หมด แต่เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอเองก็ถอยไม่ได้แล้ว “เฟยเอ๋อ เธออย่าเอาใจคนมาคิดง่ายแบบนี้ และเธอก็เป็นคนของนักออกแบบหยุน ต่อไปอย่าคุยกับนักออกแบบเหวินอีกล่ะ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ” อ๋อ ได้สิ”
เมื่อเรือนหลิงเห็นโล่เฟยเอ๋อฟังในสิ่งที่เธอพูดเข้าไปแล้ว จึงไม่พูดต่ออะไรอีก
เธอยื่นมือปิดก๊อกน้ำ แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยกัน
เรือนหลิงคิดว่าเธอเคยเตือนโล่เฟยเอ๋อแล้ว และตอนที่โล่เฟยเอ๋อกับนักออกแบบเหวินคุยกันในห้องน้ำนั้น ก็ไม่มีคนสังเกตอะไร เรื่องนี้ก็คงจะไม่มีอะไรแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าตอนพักกลางวัน โจวหยุนจะมาถามเรื่องนี้กับเธอโดยเฉพาะ
“สวัสดีค่ะนักออกแบบหยุน “เรือนหลิงเอ่ยทักทายเสียงเบา
โจวหยุนตอบเสียงอืม แล้วถามด้วยเสียงเบา ” เธอรู้เรื่องโล่เฟยเอ๋อสนิทกับเหวินจีไหม”
คงรู้แล้วสินะ
เรือนหลิงกระพริบตา แล้วตอบ “นักออกแบบหยุน ตอนโล่เฟยเอ๋อคุยกับนักออกแบบเหวินคุยในห้องน้ำ ฉันก็อยู่ด้วยค่ะ ที่จริงแล้วเป็นแค่การคุยถามไถ่กันสองประโยคเอง แล้วอย่างอื่นก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลยค่ะ”
“จริงหรือ”โจวหยุนขมวดคิ้วมองด้วยเรือนหลิง
เรือนหลิงตอบ “ใช่ค่ะ ตอนนั้นฉันก็อยู่ที่ห้องน้ำด้วย ฉันเลยได้ยินพอดี”
โจวหยุนไม่บอกว่าเชื่อ และไม่บอกว่าไม่เชื่อ แต่กลับพูด “ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องประเภทพวกนี้อีก”
” ได้ค่ะ ฉันรับทราบแล้ว” เรือนหลิงพยักหน้า
โจวหยุนตอบอืมด้วยความพอใจ แล้วเดินจากไป