บทที่ 142 เขาและเธอแต่งงานกันแล้ว
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อเพียงแค่คาดเดา คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำยืนยันจากปากของซูซีมู่เร็วขนาดนี้
ซูซีมู่เป็นประธานของบริษัทซูซื่อ และเธอแต่งงานกับประธานของบริษัทซูซื่อ
เขารู้แต่แรกว่าเจ้าสาวคือตัวเธอโล่เฟยเอ่อถึงได้แต่งกับเธอ?
ในสมองของโล่เฟยเอ๋อมีความคิดแบบนี้ แล้วก็ปฏิเสธตัวเองทันที
ไม่ ไม่ใช่แน่นอน
เขาไม่ได้ชอบเธอ ที่เขาชอบคือน้องสาว
ถ้ารู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยคือตัวเธอโล่เฟยเอ๋อ เขาต้องไม่ตอบตกลงแน่ คนที่ถูกกำหนดให้แต่งงานกับเขาก็คือน้องสาวสิ
และมันเป็นเรื่องผิดพลาด……ให้เธอมารับตำแหน่งน้องสาว……..
ในใจของโล่เฟยเอ๋อพูดไม่ออกบอกไม่ถูก (ประธานซู เฟยเอ๋อของบ้านคุณกำลังสับสนไปหมด! คุณรีบอธิบายให้ฟังหน่อยสิคะ…..)
เหซิงถึงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สังเกตเห็นบางอย่างที่ไม่ถูกต้องระหว่างการสนทนาของซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อ
ถึงแม้ไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่รู้ว่าเรื่องนี้เธอและซูยุ่นไม่เกี่ยวข้อง
“พี่ซีมู่มาแล้ว? ถ้างั้นฉันกับซูยุ่นขอตัวก่อนนะ” พูดจบ เหซิงถิงรีบจูงซูยุ่นออกไป
ซูซีมู่รอจนเหซิงถิงและซูยุ่นออกไปแล้ว จึงเดินเข้าประตูมา
เห็นซูซีมู่เข้ามาแล้ว โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไร อ้ำอึ้งอยู่นาน ที่สุดก็เอ่ยประโยคครึ่งๆกลางๆออกมา “ฉัน……คุณ…..”
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว “อะไรครับ?”
“ฉันจะบอกว่า……การแต่งงานของฉันกับคุณ……น่าจะไม่……” โล่เฟยเอ๋อพูดยังไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ตัดบทเธอ
“บริษัทซูซื่อและบริษัทโล่ซื่อได้เซ็นต์สัญญากันแล้ว คุณคิดจะละเมิดข้อตกลงงั้นหรือ?”
ให้ตายสิ เธอไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเชาเลย
ได้ยินซูซีมู่พูดถึงข้อตกลง โล่เฟยเอ๋อสะดุ้งขึ้นมาทันที
“ข้อตกลง….ไม่ได้…..” คำปฏิเสธยังไม่ทันหลุดออกมาจากปากของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็โพล่งออกมาสองคำว่า “ไม่ได้”
เขาจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เขาอาศัยข้อตกลงนี้ผูดมัดเธอไว้ข้างกาย
ข้อตกลงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอและเขาก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว โล่เฟยเอ๋อรู้สึกดีใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกผิดมากเช่นกัน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นของโล่หยิวชิวมากกว่า “เอ่อ…..ถ้างั้น….”
กล้วว่าโล่เฟยเอ๋อจะพูดอะไรออกมาอีก ครั้งนี้ซูซีมู่ไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอะไรอีก บอกว่า : “ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ”
จากนั้นไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อตอบรับ รีบร้อนออกไป
มองเบื้องหลังของซูซีมู่จากไป หัวใจของโล่เฟยเอ๋อเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
เขาไปแล้ว ไปแบบนี้เลย!
ใช่สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เขาไม่ได้คิดที่จะแต่งงานกับเธอจริงๆเสียหน่อย
คนที่เขาชอบไม่ใช่เธอ แต่เป็นน้องสาวต่างหาก!
บังเอิญมาแต่งงานกับเธอโล่เฟเอ๋อเข้า
และเพราะเงื่อนไขในข้อตกลง การแต่งงานครั้งนี้จึงไม่เหลือที่ว่างให้สำนึกผิดอีก
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าสวรรค์กำลังล้อเธอเล่นอยู่ เธอไม่ได้เจตนาที่จะเป็นมือที่สาม แต่กลายเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัว แถมยังเป็นมือที่สามระหว่างผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดและน้องสาวของตัวเองด้วย
ขณะที่โล่เฟยเอ๋อคิดอยากจะกรีดร้อง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ข้างนอก
โล่เฟยเอ๋อยกมือขึ้น ปาดน้ำตาที่ไหลออกมานองหน้า แล้วเอ่ยว่า : “เข้ามาสิ”
ประตูของห้องรับรองเปิดออก เหซิงถิงและซูยุ่นเดินเข้ามาด้วยกัน ที่ตามพวกเขามาด้วยก็คือช่างแต่งหน้าคนนั้น
“เฟยเอ๋อ ฉันพาช่างแต่งหน้ามาช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”
เฟยเอ๋ออึ้งไปสักพัก แล้วถามว่า “ล้างเครื่องสำอางค์ออกได้ไหมคะ?”
“คุณแต่งหน้าแล้วสวยมาก จะลบออกทำไมคะ?” เหซิงถิงถามอย่างสงสัย
เฟยเอ๋อถามอีกครั้งด้วยความอึดอัดใจ “ฉันไม่ชินกับการแต่งหน้าคะ ลบออกได้ไหมคะ?”
“ได้สิจ้ะ” เหซิงถิงพยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อ “อืม” เพียงคำเดียว แล้วหันไปหาช่างแต่งหน้าบอกว่า : “งั้นรบกวนคุณด้วยคะ”
“คุณโล่ไม่ต้องเกรงใจคะ” ช่างแต่งหน้าพูดไปพลางเอากล่องเครื่องสำอางค์ในมือวางลง แล้วเริ่มลบเครื่องสำอางค์ให้โล่เฟยเอ๋อ
เครื่องสำอางค์ถูกลบแล้ว เครื่องประดับถูกถอดออก ชุดแต่งงานถูกเปลี่ยนเป็นชุดสีขาว โล่เฟยเอ๋อในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้
“เฟยเอ๋อสวยแบบธรรมชาติ ต่อให้ลบเครื่องสำอางค์ออกแล้วยังสวยอยู่!” เหซิงถิงพูดไปพลางถอนหายใจ
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้ากล่าวว่า : “เหซิงถิงรู้จักพูดโกหกเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“โกหกที่ไหนล่ะ ฉันพูดความจริงต่างหากเล่า ไม่เชื่อ เธอลองถาม ซูยุ่น ดูสิ…..” พูดถึงตรงนี้ เหซิงถิงดูเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ : “เออนี่ ซูยุ่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ซีมู่นะ”
โล่เฟยเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วรีบกล่าวทักทายซูยุ่นอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะ”
“พี่สะใภ้ ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ก็ได้ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วคะ” ซูยุ่นยิ้มให้ แล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้สวยที่สุดเลยคะ ไม่อย่างนั้นพี่ชายของฉันจะแต่งงานกับพี่สะใภ้ทำไม?”
ในน้ำเสียงนั้นยากที่จะซ่อนความชื่นชมในตัวพี่ชายของเธอซูซีมู่เอาไว้ได้
ที่จริงโล่เฟยเอ๋ออยากจะบอกออกไปว่า ซูซีมู่ไม่ได้ชอบเธอหรอก ที่พวกเขาต้องแต่งงานกัน เพราะข้อตกลงต่างหาก
แต่ว่าโล่เฟยเอ๋อคิดทบทวนแล้ว ในที่สุดก็ไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา
เหซิงถิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ซูซีมู่เป็นที่พักพิงระดับสวรรค์ขนาดนั้น ต้องนางฟ้าแบบเฟยเอ๋อนี่สิถึงจะคู่ควร”
แน่นอนซูซีมู่เป็นที่พักพิงระดับสวรรค์ เสียดายที่เธอไม่ใช่นางฟ้า สายตาของโล่เฟอเอ๋อสลดลง แล้วกล่าวว่า : “พวกคุณไม่ยุ่งหรือคะ? ถึงมัวคุยกันอยู่ที่นี่”
“หน้าที่ของพวกเราก็คืออยู่เป็นเพื่อนคุณแหละ” เหซิงถิงตอบอย่างชัดเจน
“ที่จริงฉันคนเดียวไม่มีอะไร ถ้าพวกคุณมีงานละก็….” โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่ทันจบ เหซิงถิงก็ตัดบทเธอทันที “พวกเราว่าง”
เหซิงถิงพูดถึงขนาดนี้ โล่เฟยเอ๋อจึงไม่รู้จะพูดอย่างไรให้พวกเขาออกไป
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องรับรองได้ไม่นาน ก็มีคนเดินมาเรียกให้พวกเขาไปทานข้าว
เหซิงถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เฟยเอ๋อ พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ”
ความจริงแล้วเฟยเอ๋อไม่รู้สึกหิวเลย อีกอย่างเธอไม่ค่อยอยากออกไปเจอหน้าคนๆนั้นด้วย แต่ไม่อาจปฏิเสธเหซิงถิงได้ จึงได้แต่พยักหน้าเออออ “คะ”
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อออกไปจากห้องรับรองกับพวกเขาเหซิงถิง แทนที่จะไปยังห้องโถงใหญ่ด้านหน้าแบบที่เธอคิดไว้ กลับไปที่ห้องโถงเล็กๆที่อยู่ข้างห้องรับรองแทน
และไม่มีคนอื่นด้วย มีเพียงเหซิงถิงและซูยุ่นอยู่ โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าแบบนี้ช่างดีเหลือเกิน
ซูซีมู่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังทานข้าวอยู่ที่ห้องข้างๆพร้อมกับพวกเหซิงถิง ความจริงแล้วเขาก็อยากไปหา แต่ว่าเขากลัวว่าจะได้ยินคำพูดจากปากของโล่เฟยเอ๋อบอกว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับเขา
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเคยพูดคุยกัน เขาฟังมามากพอแล้ว ขืนยังต้องฟังอีก เขาคงรับไม่ไหว
ก๊อกๆๆ….เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
ซูซีมู่ดึงสายตากลับมา เดินไปหน้าโซฟา นั่งลง “เข้ามาได้”
โจวเฉิงเดินเข้ามา “ประธานซู โล่หยิวชิวเดินทางไปต่างประเทศแล้วครับ”
ซูซีมู่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ “ทำไมเร็วจัง? ใครเป็นคนจัดการ?”
“เห้อจิ้นเหยาครับ” โจวเฉิงตอบ
เห้อจิ้นเหยา? ซูซีมู่กระพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “โล่ชิงไป๋ล่ะ?”
“โล่ชิงไป๋ไปที่สำนักงานคนเดียวครับ โลหยิวชิวและเห้อจิ้นเหยาติดต่อเขาไม่ได้ครับ” โจวเฉิงตอบ
“อืม ต่อไปไม่ต้องไปสนใจพวกเขาอีก” เขาเชื่อว่าพวกเขาได้รับบทเรียนที่เพียงพอแล้ว คงจะไม่มาก่อกวนอีกแล้ว
“ครับ” โจวเฉิงพยักหน้า เตรียมจะถอยออกจากห้องไป
ซูซีมู่เปลี่ยนใจเรียกเขาไว้ “คุณช่วยยกเลิกฮันนีมูนให้ผมหน่อย”
“อะไรนะครับ?” ยกเลิกการฮันนีมูน? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ซูซีมู่ไม่ได้เอ่ยซ้ำคำพูดเขาอีก เพียงแต่บอกว่า : “พรุ่งนี้เริ่มกลับไปทำงานได้เลย”
“ครับ ประธานซู…..”