บทที่134 ซู โล่ ทั้งสองบ้านมาเจรจาเรื่องการแต่งงาน
ชายชราไม่รู้สักนิดว่าซูซีมู่ได้เตรียมการไว้แล้ว เมื่อเขาได้ยินซูซีมู่บอกว่าไม่ต้องการให้เขาไปอธิบายอะไรกับโล่เฟยเอ๋อ เขาก็รีบร้อนพูดขึ้น “ทำไมถึงไม่ต้องแล้วล่ะ? แกคิดจะเลิกกับเฟยเอ๋อแล้วเหรอ?”
เขาเลิกรักเฟยเอ๋อ? ปู่ของเขาเป็นคนมีจินตนาการกว้างไกลจริง ๆ! ซูซีมู่ยกมุมปากแล้วพูดขึ้น: “ปู่ครับ คิดมากไปแล้ว”
เขาเปลี่ยนใจแล้ว แล้วยังจะบอกว่าตัวเองคิดมากไปงั้นเหรอ? ชายชราอยากจะกระอักเลือด
แต่โล่เฟยเอ๋อถูกเขาเอาเงินฟาดหัวไปแล้ว ตอนนี้ซูซีมู่เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นแล้ว จะโทษใครได้? ทำได้เพียงแต่โทษการกระทำของตัวเองเท่านั้น
เสียดายก็เพียงแต่เด็กคนนั้น…
อา…ชายชราทอดถอนใจจากนั้นจึงพูดขึ้น: “ช่างเถอะ ตามใจแกแล้วกัน”
ซูซีมู่พยักหน้า “อืม” หนึ่งที จากนั้นก็พูดขึ้นเหมือนคิดอะไรได้อีก “ในสัญญาแต่งงาน คุณปู่อย่าลืมเพิ่มผลประโยชน์ให้กับบริษัทโล่ซื่อจากเดิมก่อนหน้านี้อีกสิบเท่า”
เพื่อเป็นหน้าตาของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ไม่รังเกียจที่จะให้โล่ชิงไป๋ได้ผลประโยชน์ไปอย่างเพียงพอ
เมื่อได้ยินคำพูดของซูซีมู่ ชายชราก็นิ่งไป
กระวนกระวายที่จะดองญาติกับบริษัทโล่ซื่อ แถมยังให้ผลประโยชน์กับบริษัทโล่ซื่อเป็นสิบเท่าดูเหมือนว่าหลานชายของเขาจะถูกอกถูกใจลูกสาวของบริษัทโล่ซื่อมาก!
“อย่างนั้นแกจะมีเวลาว่างเมื่อไหร่? พวกเราไปคุยกับบ้านโล่ด้วยกันสิ”
ซูซีมู่นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบ “ไม่ต้องไปบ้านโล่ ทำเหมือนครั้งก่อน คุณปู่แจ้งให้บ้านโล่ทราบก็พอ”
ไม่ไปเยี่ยมเยียน? โทรศัพท์ไปพูดคุย? ชายชราตกตะลึง
นี่จะมาไม้ไหนกันแน่?
“ซีมู่ นี่…”
“คุณปู่ทำตามที่ผมบอกก็พอ” ซูซีมู่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีก “ผมมีธุระ ขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไป
ตามองตามซูซีมู่เดินออกไป สีหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นสับสนมากมาย
เดิมทีเขาคิดว่าเขาสามารถทำความเข้าใจหลานชายคนนี้ของตัวเองได้แล้ว แต่วันนี้สิ่งที่เขาทำกลับทำให้เขาไม่เข้าใจ
เห็น ๆ อยู่ว่าผู้หญิงที่ตัวเองชอบนั้นคือโล่เฟยเอ๋อ แต่เขากลับอยากจะแต่งงานกับทายาทบริษัทโล่ซื่อ
แต่งก็แต่งสิ ขอเพียงแค่เขาพอใจก็พอ
คุณจะบอกว่าเขาชอบใจกับการแต่งงานครั้งนี้ไหม? แม้แต่ตัวเขายังไม่เต็มใจไปคุยเรื่องแต่งงานด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
คุณจะบอกว่าเขาไม่เห็นพ้องกับแต่งงานครั้งนี้เหรอ? แต่เขาก็รีบเสียจนแทบจะรอไม่ไหว อีกทั้งยังยอมผลประโยชน์มากมายกับตระกูลโล่
“อาผิน เธอคิดว่าเรื่องของซูซีมู่นี่มันยังไงกัน?”
“นายท่าน ความคิดของคุณชาย อาผินเดาไม่ถูกเลยจริง ๆ” อาผินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบ
ชายชราถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “นั่นน่ะสิ เดาไม่ออกเลยสักนิด…”
อาผินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นเบา ๆ “นายท่าน จะติดต่อบ้านโล่เพื่อพูดจาเรื่องแต่งงานนี้เมื่อไหร่ดี?”
“เธอรีบไปติดต่อ…” ชายชราไตร่ตรองแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนติดต่อไปด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าจึงพูดขึ้น: “ไม่ต้อง ฉันเป็นคนโทรไปเองน่าจะดีกว่า”
วันนี้เป็นวันที่บริษัทโล่ซื่อมีการประชุมเจรจาเซ็นสัญญาสำคัญกับลูกค้ารายหนึ่ง โล่ชิงไป๋ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงและในที่สุดก็เจรจาพร้อมที่จะเซ็นสัญญา แต่เลขากลับมาเคาะห้องประชุมและบอกว่ามีสายให้เขารับสาย
สีหน้าของโล่ชิงไป๋จึงได้เคร่งเครียดขึ้นทันใด มีลูกค้าอยู่ด้วยเขาจึงไม่ได้ทำอะไร
หลังจากเขากล่าวกับลูกค้าด้วยความเกรงใจคำหนึ่งว่า “ขออภัย” แล้ว โล่ชิงไป๋จึงได้ออกมานอกห้องประชุมกับเลขา
เมื่อออกจากห้องประชุม เขาจึงได้ทำการตำหนิเลขาของเขา “ไม่เห็นรึไงว่าฉันประชุมอยู่? โทรศัพท์ของใครมันจะไปสำคัญกว่าการประชุมของฉัน?”
เลขาของเขารู้ดีว่าหากเรียกออกมาคงโดนเขาตำหนิแน่ แต่เธอรู้แน่ว่าถ้าเธอไม่รายงานสายนี้ให้ท่านประธานทราบ จุดจบของเธอจะยิ่งแย่กว่านี้
“ประธานโล่ คนที่โทรมาเขาอ้างว่าเขาคือ ท่านประธานใหญ่ ของบริษัทซูซื่อค่ะ ดังนั้นฉันจึงมารายงานให้คุณทราบค่ะ”
“ท่านประธานใหญ่ ของบริษัทซูซื่ออะ…” โล่ชิงไป๋พูดได้เพียงครึ่งก็หยุดลง เขาตกตะลึงและหันไปมองเลขาของเขา “เมื่อกี้เธอบอกว่าใครโทรมานะ?”
“ท่านประธานใหญ่ ของบริษัทซูซื่อ…” ยังไม่ทันที่เลขาของเขาจะพูดจบโล่ชิงไป๋ก็พูดขัดขึ้น “ทำไมเธอไม่บอกให้เร็ว ๆ หน่อย? โทรศัพท์ล่ะ?”
“เขาวางสายไปแล้วค่ะ บอกว่าอีกห้านาทีจะโทรมาใหม่” เลขาพูดแล้วพลางส่งโทรศัพท์มือถือไปให้เขา
โล่ชิงไป๋รับโทรศัพท์ไปและเปิดดูประวัติการโทร จากนั้นทำท่าเหมือนคิดอะไรได้แล้วจึงพูดกับเลขาของเขา “เธอเข้าไปแจ้งทุกคนในห้องประชุมที ว่าขอยกเลิกการประชุมวันนี้”
เวลานี้ในสายตาของโล่ชิงไป๋ การร่วมทุนอะไร เซ็นสัญญาอะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับสายของนายท่านซูอีกแล้ว
ต้องเข้าใจนะว่านายท่านซูเปรียบเสมือนไท่ซ่างหวังผู้ปกครองสูงสุดของบริษัทซูซื่อแล้ว
“ค่ะ” เลขาพยักหน้าและเดินจากไป
โล่วชิงไป๋กำโทรศัพท์มือถือแน่น และรอด้วยความประหม่า
ผ่านไปประมาณห้านาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
เสียงของนายท่านซูดังออกมาจากโทรศัพท์ “คุณคือโล่ชิงไป๋?”
โล่ชิงไป๋หัวเราะแล้วตอบ “ครับ นายท่านสวัสดีครับ”
“อือ วันนี้ผมโทรศัพท์มาหาคุณ ด้วยเรื่องแต่งงาน” นายท่านซูกล่าว
เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงานสองคำนี้ โล่ชิงไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “แต่งงาน?”
“ทำไมเหรอ? ไม่อยากจะดองกับบริษัทซูซื่อแล้วอย่างนั้นเหรอ?” นายท่านซูถามขึ้น
“ไม่ใช่ครับ ๆ ๆ” โล่ชิงไป๋กลัวว่านายท่านซูจะเข้าใจผิดจึงพูดคำว่าไม่ใช่ติดกันถึงสามครั้ง “ดองกับบริษัทซูซื่อ ถือเป็นเกียรติสำหรับพวกเราครับ”
นายท่านซู “อือ” หนึ่งคำ แล้วจึงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปผมจะพูดเรื่องแต่งงานล่ะนะ”
“ครับ เชิญพูดเลยครับ” โล่ชิงไป๋ก้มโค้งแล้วพูด
“เกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน บริษัทซูซื่อจะให้ผลประโยชน์บริษัทโล่ซื่อตามที่เคยคุยกันไว้และเพิ่มอีกสิบเท่า”
เมื่อได้ยินนายท่าซูพูดว่าเพิ่มสิบเท่า โล่ชิงไป๋ยังคิดว่าตัวเองนั้นฟังผิดไป
“สิบเท่า?”
“ใช่ สิบเท่า ทำไมเหรอ? รู้สึกว่ามันยังไม่พอ?” นายท่านซูถาม
“พอครับ ๆ” โล่ชิงไป๋จะกล้าพูดว่าไม่พอได้อย่างไร? เพียงแค่ผลประโยชน์ครั้งก่อนที่คุยกับบริษัทซูซื่อ ก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้บริษัทโล่ซื่อกลายเป็นผู้นำในเมืองAได้แล้ว ตอนนี้เพิ่มสิบเท่า…อาจเป็นไปได้ว่าบริษัทโล่ซื่อสามารถครองตำแหน่งที่แน่นอนในระดับประเทศได้
นายท่านซู “อือ” แล้วพูดต่อ “ในเมื่อคุณไม่มีความคิดเห็นอะไรแล้ว อย่างนั้นสัญญาฉบับนี้ ตอนเย็นผมจะให้คนเอาไปส่งให้คุณ”
“ได้ครับ” โล่ชิงไป๋ดีใจจนไม่รู้เหนือใต้ออกตกแล้ว
นายท่านซูนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีก “อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องวันแต่งงานอาจจะต้องขอให้เร็วขึ้น ทางคุณมีความเห็นอะไรไหม? ลองปรึกษากันดูก่อนแล้วค่อยตอบก็ได้”
“ไม่มีความเห็นครับ” โล่ชิงไป๋จะมีความเห็นได้อย่างไร? เขายินดีให้โล่เฟยเอ๋อแต่งงานทันที
เมื่อนายท่านซูได้ยินว่าโล่ชิงไป๋ดีใจมากเช่นนี้ “เช่นนั้นรอทางเราเลือกฤกษ์มงคลได้แล้วจะแจ้งให้ทราบ”
โล่ชิงไป๋พูดขึ้นอย่างเอาใจ: “ขอให้บอกได้เลยครับ วันไหนก็ได้”
“งั้นก็แค่นี้ก่อน เอาไว้จะติดต่อไปใหม่”
“ครับ”
โล่ชิงไป๋ไปนานแล้วแต่ยังคงรู้สึกว่าเหมือนฝันไป
เรื่องการแต่งงานกับทายาทบริษัทซูซื่อเป็นเรื่องที่เจรจาไว้นานแล้ว เพียงแต่เขาไม่คิดว่ามันจะเร็วถึงเพียงนี้
ท้ายที่สุดในบทที่นายท่านซูกล่าวว่าการแต่งงานดำเนินต่อไป เขาไม่ได้บอกวันแต่งงานที่เฉพาะเจาะจง
ตอนนี้ไม่เพียงแต่บริษัทซูซื่อต้องการจะแต่งงานกับฝั่งเขา แต่บริษัทซูซื่อยังเพิ่มผลประโยชน์ที่คุยไว้ก่อนหน้าถึงสิบเท่า…