บทที่ 146 ฉันอยากไปทำงาน
วันต่อมาเมื่อโล่เฟยเอ๋อตื่นขึ้นมา ซูซีมู่ก็ออกจากบ้านไปแล้ว
ได้ยินผู้รับใช้พูดว่า เขาออกไปทำงานแล้ว
เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่โล่เฟยเอ๋อยังคงผิดหวังเล็กน้อย
ช่วงเวลาเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนบ่าย เธอโทรหาเรือนหลิง
ตั้งแต่คืนนั้นที่โล่ชิงไป๋โทรศัพท์มาเรียกให้กลับไป เธอก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับเรือนหลิงอีกเลย เธออยากจะคุยกับเรือนหลิง ถามว่าบริษัทให้เธอออกใช่หรือไม่
เพราะว่าเธอขาดงานไปนานโดยไม่มีสาเหตุ แม้แต่โทรศัพท์มาขอลาที่บริษัทก็ไม่มี
สุดท้ายเรือนหลิงบอกเธอว่า นักออกแบบหยุนออกโรงปกป้องเธอ บริษัทก็ไม่ได้ให้เธอออก และรอให้เธอกลับไปทำงาน
ได้ยินเรือนหลิงพูดว่าบริษัทก็ไม่ได้ให้เธอออก โล่เฟยเอ๋อดีใจอย่างมาก รับปากเรือนหลิงว่าวันรุ่งขึ้นเธอจะออกไปทำงานโดยไม่ทันคิด
หลังจากวางสายของเรือนหลิงแล้ว โล่เฟยเอ๋อนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เธอแต่งงานกับซูซีมู่แล้ว ถ้าเธอจะออกไปทำงานคงต้องถามความเห็นของซูซีมู่ก่อน
ตั้งแต่เวลาบ่ายห้าโมงครึ่ง โล่เฟยเอ๋อเฝ้ารอซูซีมู่กลับมาตลอด
เวลาที่ซูซีมู่เลิกงานคือประมาณห้าโมงครึ่ง จากบริษัทกลับมาน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
แต่ว่าเมื่อถึงเวลาหกโมงครึ่ง ซูซีมู่ก็ยังไม่กลับมาอีก
หนึ่งทุ่มคนรับใช้มาเรียกเธอไปทานข้าว เธอไม่ได้ลุกขึ้นไปทาน เพียงแต่สั่งคนรับใช้ว่าจะรอซูซีมู่กลับมาทานข้าวด้วยกัน
แต่ว่ารอจนถึงเวลาสี่ทุ่ม ซูซีมู่ก็ยังไม่กลับมาเสียที
ดึกป่านนี้แล้วทำไมเขายังไม่กลับมาอีกนะ? คงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?
โล่เฟยเอ๋อรู้สึกไม่สบายใจเดินวนไปมาอยู่ในห้องรับแขก เหลียวมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว
นอกบ้านนั้นเงียบสงบ ไม่มีเสียงรถแล่นเข้ามาเลย
สี่ทุ่มสิบนาที เวลาเพียงแค่สิบนาที โล่เฟยเอ๋อกลับรู้สึกว่านานเหลือเกิน
เธอยืนอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองออกไปนอกบ้านอยู่สักพัก แล้ววิ่งกลับเข้าห้องไป หยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า เปิดดูหน้าที่เคยโทรออก กดไปยังเบอร์โทร11หลักที่ไม่ได้โทรออกมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่ยังไม่กดโทรออก
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองที่โทรศัพท์อยู่สักพัก สุดท้ายก็กัดฟัน กดปุ่มโทรออกไป
โล่เฟยเอ๋อฟังเสียงรอสายในโทรศัพท์ ด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ดังอยู่ประมาณ 3 -4 ครั้ง ก็มีคนรับสาย
เสียงเย็นชาของซูซีมู่ดังลอดเข้ามา “ฮัลโหล?”
โล่เฟยเอ๋อจับโทรศัพท์เอาไว้แน่น แล้วกัดริมฝีปากพูดว่า : “ฉันเองค่ะ”
“อืม” ซูซีมู่ส่งเสียงออกมาเพียงแค่นั้น
โล่เฟยเอ๋ออยากจะถามซูซีมู่ว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน อยากจะถามว่ายังทำงานอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า แต่ที่พูดออกไปคือ “ทำไมคุณ…..ตอนนี้คุณว่างไหมคะ? ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยค่ะ”
ซูซีมู่ที่ปลายทางเงียบไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า : “เรื่องอะไรครับ?”
โล่เฟยเอ๋อสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยว่า : “พรุ่งนี้ฉันอยากไปทำงานค่ะ”
ซูซีมู่ทางนั้นยังคงเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร
โล่เฟยเอ๋อรออยู่สักพัก ไม่ได้ยินซูซีมู่ตอบ เข้าใจว่าเขาคงยุ่งอยู่ไม่ทันได้ฟัง จึงเอ่ยซ้ำอีกว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันขอออกไปทำงาน ได้ไหมคะ?”
เสียงเย็นชาของซูซีมู่ดังขึ้นมาว่า “ไปทำงานที่ไหน?”
ถามเธอว่าไปทำงานที่ไหน? เขาเห็นด้วยที่จะให้เธอไปทำงานแล้วใช่ไหม?
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อฉายแววออกมา พูดอย่างดีใจว่า : “ก่อนหน้านี้ฉันทำงานอยู่ที่จิวเวลรี่แห่งหนึ่งในตัวเมืองดีทีเดียว ฉันอยากกลับไปทำงานต่อที่นั่นค่ะ”
หลังจากที่เสียงของโล่เฟยเอ๋อหยุดไปสักพัก ซูซีมู่ก็เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ได้ครับ”
ได้ยินซูซีมู่พูดว่าได้ โล่เฟยเอ๋อกล่าวขอบคุณอย่างดีใจเหลือล้น “ขอบคุณมากค่ะ แล้วคุณยังทำงานอยู่อีกหรือคะ?”
เสียงสายหลุดตอบกลับมาที่เฟยเอ๋อ ที่แท้ซูซีมู่วางสายไปแล้ว
มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลง โล่เฟยเอ๋ออารมณ์ดีเพราะเมื่อกี้ซูซีมู่อนุญาตให้เธอออกไปทำงานได้ แล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยวอีกครั้ง
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อโทรหาซูซีมู่ ซูซีมู่เพิ่งจะจบการประชุมทางวีดีโอ รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยจึงเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย ราวกับว่าถูกขัดจังหวะเวลาพักผ่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย
เมื่อเห็นหมายเลขชุดหนึ่งที่เขารู้จักดีแต่ไม่เคยโทรออกไปเลย ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ ใบหน้าของเขาฉายแววประหลาดใจอย่างชัดเจน
หลังจากที่รับสายของโล่เฟยเอ๋อด้วยความแปลกใจ
เดิมทีเขาเข้าใจว่าโล่เฟยเอ๋อเห็นว่าดึกป่านนี้แล้วเขายังไม่กลับ ก็เลยโทรศัพท์มาหา คิดไม่ถึงเลยว่าโล่เฟยเอ๋อมีธุระจะคุยกับเขา เธออยากให้เขาเห็นด้วยที่เธอจะออกไปทำงานที่ร้านจิวเวลรี่
ที่แท้ก็เรื่องขอไปทำงานถึงได้โทรหาเขา ไม่ได้เพราะเป็นห่วงเขาเลยสินะ!
ขณะนั้น ซูซีมู่รู้สึกได้ถึงมีดแหลมด้ามหนึ่งค่อยๆทิ่มแทลงไปในหัวใจเขา เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก
แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธคำพูดของโล่เฟยเอ๋อได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเห็นด้วยที่จะให้เธอไปทำงาน
ยิ่งตอนที่เธอเอ่ยคำว่า “ขอบคุณ”นั้น เขารีบวางสายทันที
เขาไม่อยากฟังคำ “ขอบคุณ” ที่เธอพูดกับเขา เขาไม่อยากให้คำว่า “ขอบคุณ” มาเปิดช่องว่างระหว่างพวกเขาอีก….
โจวเฉิงไม่เข้าใจว่าตอนที่ประธานซูรับสายนั้น เขายังอารมณ์ดีอยู่เลย ทำไมตอนนี้ทำเหมือนคนอกหักซะแล้วล่ะ?
โจวเฉิงเก็บคำถามเอาไว้ในใจ เอ่ยว่า : “ประธานซูครับ คนรถรอท่านอยู่ที่ชั้นล่างแล้วครับ”
ซูซีมู่เงยหน้าขึ้น ปรายตามองโจวเฉิง แล้วกล่าวว่า : “พรุ่งนี้ให้คนขับรถไปคอยรับส่งคุณผู้หญิงเวลาไปทำงานด้วย”
“เอ่อ…..” โจวเฉิงไม่ได้ตอบรับคำสั่งของเจ้านายในทันที
ไม่ใช่เวลาที่ควรไปฮันนีมูนหรือ? ท่านประธานเปลี่ยนใจไปทำงานบ้าแล้ว! คุณผู้หญิงก็ไปทำงานพรุ่งนี้ด้วย?
เห็นโจวเฉิงไม่ตอบรับ ซูซีมู่ขมวดคิ้วแน่น ถามเสียงแข็งว่า “ได้ยินหรือเปล่า?”
โจวเฉิงรีบยืนตัวตรง “ครับ ประธานซู”
ซูซีมู่พยักหน้า “อืม” เพียงคำเดียว แล้วกล่าวว่า : “พรุ่งนี้นายช่วยไปซื้อกิจการร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ในนามส่วนตัวให้ผมหน่อยนะ”
ซูซีมู่จะวางใจได้อย่างไรถ้าโล่เฟยเอ๋อไปทำงานข้างนอก?
แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เธอออกไปทำงานได้ ดังนั้นเท่าที่เขาทำได้คือ เปลี่ยนร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋มาเป็นของเขาเสีย
ให้โล่เฟยเอ๋ออยู่ในอาณาเขตของเขา เขาจึงจะวางใจได้เต็มร้อย
โจวเฉิงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมประธานซูต้องซื้อกิจการร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋ในนามส่วนบุคคลด้วย แทนที่จะใช้ชื่อบริษัทซูซื่อ แน่นอนในฐานะของผู้ช่วยที่วางตัวได้เหมาะสม ไม่ควรตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเจ้านาย ดังนั้นถึงแม้เขาจะรู้สึกสงสัย แต่ก็พยักหน้า “ครับ ประธานซู”
ซูซีมู่หยิบเอกสารจากโต๊ะทำงานขึ้นมากองหนึ่งแล้วกระจายออก จากนั้นโบกมือให้โจวเฉิง “ดึกมากแล้ว นายกลับไปก่อนเถอะ”
โจวเฉิงมองเอกสารในมือซูซีมู่แล้วเอ่ยว่า : “ประธานซู ท่านยังไม่กลับหรือครับ?”
“ผมยังมีเอกสารที่ยังไม่ได้อ่านอีก” ซูซีมู่ตอบเบาๆ
“ประธานซู วันนี้ดึกมากแล้ว เอกสารพวกนี้ ท่านรอพรุ่งนี้ค่อย…..” โจวเฉิงยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็ตัดบทเขาว่า “กลับไปซะ”
โจวเฉิงมองซูซีมู่ด้วยความกังวล จากนั้นจึงโค้งคำนับอย่างเคารพ แล้วออกจากห้องทำงานไป