คุณโล่ ถูกบังคับให้แต่งงาน
วันนี้โจวเฉิงออกไปทำธุระ ในฝั่งซูซีมู่นอกจากโจวเฉินที่เป็นคนข้างกายแล้ว สงเฟยเหวินเลขาคนเดียวต้องรับผิดชอบงานของโจวเฉิงด้วย
สิบนาฬิกา บริษัทจะมีงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
เวลาเก้าโมงห้าสิบนาที สงเฟยเหวินเรียกเขาผ่านทางประตู แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวจากข้างใน
พอใกล้สิบโมง สงเฟยเหวินยังตื๊อไม่เลิกเดินไปเคาะประตูอีกครั้ง
น่าเสียดายที่เธอเคาะอยู่หลายทีแต่ข้างในก็ยังเงียบ
เมื่อดูว่าใกล้ถึงเวลาประชุมแล้ว สงเฟยเหวินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเป็นประตูห้องทำงานของซูซีมู่
เมื่อเธอเข้าไป เธอพบกับซูซีมู่ยืนหันหลังให้ด้านนอกอยู่หน้ากระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่
ซูซีมู่ที่เยือกเย็นมาตลอด เขาดูเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและนิ่งเงียบในเวลานี้ นี่คืออารมณ์ที่เห็นได้บ่อยจากเขาในช่วงนี้
เธอเป็นกังวล แต่เธอก็ชัดเจนในแนวทางการทำงานกับซูซีมู่ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยถามอะไรซูซีมู่ และสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลให้ซูซีมู่ดึงเธอมาจากเมืองหลวงเพื่อมาทำงานเป็นเขาให้กับเขา
สงเฟยเหวินส่งสายตาเป็นกังวลจากนั้นจึงได้ส่งเสียงขึ้น “ประธานซู”
“หือ?” ซูซีมู่ใช้เวลานานก่อนที่จะหันศีรษะช้า ๆ และมองไปที่เธอ “มีอะไรเหรอ?”
ใบหน้างามสง่าดูเฉยเมยและเย็นชา ความเจ็บปวดและเงียบงันเมื่อครู่ได้หายไป เปลี่ยนเป็นความเย็นชาลูกใหญ่
สงเฟยเหวินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นจึงได้ตอบไป “ประธานซูคะ คุณมีประชุมตอนสิบโมงค่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
ซูซีมู่พยักหน้าแล้วรับคำ “อ่อ” หนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหันหลังกลับแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
เขาเดินไปได้สองก้าวแล้วหยุดเหมือนคิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และถามขึ้น “โจวเฉิงล่ะ?”
“ผู้ช่วยโจว ออกไปข้างนอกค่ะ ยังไม่กลับมา” สงเฟยเหวินตอบ
ซูซีมู่ขมวดคิ้วแล้วกล่าว: “ถ้าเขากลับมาแล้วให้มาผมทันที”
สงเฟนเหวินเดิมทีอยากจะบอกว่าเธอจะตามไปห้องประชุมด้วย แต่เมื่อการแสดงออกของซูซีมู่แล้ว เธอเพียงพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย “ค่ะ”
ซูซีมู่รับคำเรียบ ๆ “อือ” หนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเดินไปห้องประชุม
สงเฟยเหวินยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินกลับห้องทำงานของตัวเองไป
ในตอนที่ซูซีมู่เดินเข้าไปในห้องประชุมนั้น ทุกคนก็มาพร้อมแล้ว
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ทุกคนยืนขึ้นและกล่าวทักทายเขา “ประธานซู”
ซูซีมู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เริ่มประชุมกันเลยเถอะ” แล้วจึงนั่งลงที่นั่งของเขา
เพราะนี่คืองานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หัวหน้าฝ่ายการตลาดจึงต้องเป็นคนเริ่มก่อน
ทุกคนในที่ประชุมต่างจ้องไปที่ความตั้งใจในการวิเคราะห์ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่บนหน้าจอขนาดใหญ่และฟังคำอธิบายของหัวหน้าฝ่ายการตลาดอย่างต่อเนื่อง
มีเพียงซูซีมู่ที่นั่งเงียบ ๆ อยู่บนเก้าอี้ ที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังเนื้อหาการประชุมอย่างเต็มที่ แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังเป็นห่วงโล่เฟยเอ๋อ
จากบทสนทนาระหว่างโจวเฉินกับคนรับใช้บ้านโล่ เมื่อได้ยินเสียงที่คุยกับคนรับใช้บ้านโล่ไม่ใช่โล่เฟยเอ๋อแต่เป็นโล่หยิวชิว เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
ถึงแม้ว่าจะให้โจวเฉินไปตรวจสอบดูแล้ว แต่เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบ เขาคิดว่าคงไม่สามารถทำให้ใจสงบลงได้เลย
เมื่อคืนเขารออยู่ทั้งคืน ก็ยังไม่มีข้อสรุป จนถึงวันนี้ถึงแม้ว่าเขาจะมาทำงานแล้ว แต่เขาก็ไม่มีแก่ใจจะทำงานสักนิด
หลังจากที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดได้จบการนำเสนอที่เลิศเลอไปแล้ว เขาตั้งหน้าตั้งตารอคำชมจากซูซีมู่
สุดท้าย ไม่เพียงแต่ซูซีมู่จะไม่มีคำชมแล้ว เขาไม่มองหรือพูดอะไรด้วยซ้ำ
หัวหน้าการตลาดเห็นท่าทีซูซีมู่แบบนั้น เขาถึงกับเหงื่อตก
เขาคิดถึงคำอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่พบปัญหาใด ๆ เขาจึงได้ใช้ความกล้าถามขึ้น “ประธานซูครับ คือว่าที่ผมพูด…มีปัญหาอะไรไหมครับ?”
ซูซีมู่ยังคงไม่มีการตอบกลับใด ๆ
ทุกคนมองหน้ากันไปมาไม่กล้าพูดอะไร
แต่หัวหน้าฝ่ายการตลาดที่เป็นหนังหน้าไฟนั้นยิ่งแย่กว่า นั่งก็นั่งไม่ติด จะยืนก็เก้ ๆ กัง ๆ ขาสั่นไปหมด
ในเวลานี้เอง ข้างนอกก็มีเสียงเคาะประตูขึ้น
ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกและคนที่เข้ามาคือโจวเฉิน
เมื่อเห็นโจวเฉินเข้ามา ทุกคนรู้สึกว่าเขาคือผู้ช่วยชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าแผนกการตลาด ตาเล็กที่เกือบจะไม่มีประโยชน์นั้นกำลังร้องขอ
โจวเฉินส่งสายตาให้ทุกคนอย่าเพิ่งวิตกกังวล จากนั้นจึงเดินไปข้าง ๆ ซูซีมู่ “ประธานซู”
ซูซีมู่ได้สติและหันไปมองโจวเฉิน “ตรวจสอบแล้ว?”
“ครับ” โจวเฉินพยักหน้า
ซูซีมู่ “อือ” รับคำ จากนั้นเขาลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินออกไปจากห้องประชุมทันที
ทุกคนในห้องประชุมมองดูซูซีมู่ที่เดินออกไปจากห้องประชุมอย่างทันทีนั้น ด้วยสีหน้าตะลึงพรึงเพริด
ประธานซูนี่ยังไงกันนะ? มีธุระด่วนแล้วออกไปเลยเหรอ?
โจวเฉินใจดีเตือนให้พวกเขายุติการประชุมเมื่อออกจากประตูห้องประชุม
ล้อเล่นรึไง เมื่อเขาตรวจสอบเรื่องของ คุณโล่ แล้ว ถ้าประธานซูรู้เรื่องแล้วยังมีอารมณ์กลับมาประชุมอีกก็แปลกแล้ว
เมื่อโจวเฉินเดินเข้าไปในห้องทำงานของซูซีมู่ ซูซีมู่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกำลังรอเขาอยู่
เมื่อเห็นเขาก็เอ่ยถามขึ้นทันที “ได้เรื่องอะไรบ้าง?”
โจวเฉินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “บ้านโล่กักบริเวณคุณโล่ แล้วครับ”
“กักบริเวณ?” ดวงตาทั้งคู่ของซูซีมู่หรี่ลง ภายใต้เสียงต่ำนั้นมีความไม่พอใจแฝงอยู่ด้วย
ประธานมู่โมโหแล้ว ถ้าหากว่าเขาได้รู้สิ่งที่ข่าวนี้คงจะเป็นบ้าแน่?
โจวเฉินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากจากนั้นกล่าว “ใช่ครับ จากที่สืบดู คุณโล่ชิงไป๋ต้องการให้คุณโล่ แต่งงานกับคนคนหนึ่ง แต่คุณโล่ไม่ยินยอม ดังนั้นคุณโล่จึงได้ขังเธอไว้”
เมื่อโจวเฉินพูดจบ เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
แน่นอนว่าเมื่อซูซีมู่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อถูกบังคับให้แต่งงาน ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปี ในดวงตาทั้งหมดของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธและกลิ่นอายแห่งการสังหารลอยอยู่ระหว่างคิ้วของเขา
โจวเฉินไม่สงสัยเลยสักนิด ถ้าหากโล่ชิงไป๋อยู่ที่นี่ ซูซีมู่จะต้องลงมือกับเขาทันทีแน่
“อีกฝ่ายเป็นใคร?” ในน้ำเสียงของซูซีมู่มีความเยือกเย็นแผ่กระจายออกมาชัดเจน
โจวเฉินหดคอและตอบ “เรื่องนี้ยังสืบไม่ได้ครับ”
“สืบไม่ได้?” ดวงตาของซูซีมู่เย็นชาและเฉียบคม เขากวาดสายตาไปที่โจวเฉิน
อีกฝ่ายถึงกับสั่นสะท้านและตอบ “เรื่องนี้ คงมีแต่โล่ชิงไป๋เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด”
“โล่ชิงไป๋?” ริมฝีปากของซูซีมู่เผยรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างชัดเจน ใบหน้าที่หล่อเหลาปกคลุมไปด้วยหมอกควันและแววตาที่มืดมิดก็เย็นชามากภายใต้แสงไฟ
ขาทั้งสองข้างของโจวเฉินสั่นไม่หยุด จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง “ประธานซูครับ จะให้ลูกน้องไปหาโล่ซิงไป๋เลยไหมครับ…”
ซูซีมู่ขัดจังหวะโดยที่ไม่รอให้โจวเฉินพูดจนจบ
“ไม่ต้อง ติดต่อโล่หยิวชิว” ไม่ต้องไปหาโล่ชิงไป๋ ติดต่อโล่หยิวชิวก็พอ
ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วเขาจำที่โล่หยิวชิวพูดที่ร้านกาแฟได้ว่าพูดเรื่องหมั้นหมายของโล่เฟยเอ๋อ
“ครับ” โจวเฉินพยักหน้าแล้วรีบไปจัดการ
หลังจากโจวเฉินออกไป ซูซีมู่นั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในแววตาของของเขาส่องประกายเย็นชา
เขาไม่มีทางยอมให้โล่เฟยเอ๋อถูกบังคับให้แต่งงานได้แน่ ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นใครก็ตาม