บทที่135 ยินดีด้วย คุณสามารถอัพราคาลูกสาวของคุณได้แล้ว
ชายชราทำงานอย่างรวดเร็วหลังจากโทรหาโล่ชิงไป๋ ในช่วงบ่ายข้อตกลงก็ถูกส่งไปถึงมือโล่ชิงไป๋โดยอาผินเมื่อเขาเลิกงาน
“คุณโล่ นี่คือข้อตกลง เชิญดู” อาผินส่งสัญญาให้โล่ชิงไป๋อย่างมีมารยาท
โล่ชิงไป๋รับสัญญาไปด้วยมือสั่นเทาแล้วเปิดดู
จากเดิมที่เขาคุยกับนายท่านซู เขาเข้าใจดีแล้วว่าผลประโยชน์มากกว่าเดิมสิบเท่า
แต่เมื่อเปิดสัญญาดูเขาจึงได้กระจ่างแก่ใจ คำว่าสิบเท่านั้นมันเป็นอย่างไร
ด้วยความตื่นเต้นที่มากเกินไปของโล่ชิงไป๋ ทำให้มือเขาสั่นจนแทบจะไม่สามารถถือสัญญาไว้ในมือได้
อาผินเหลือบตามองโล่ชิงไป๋จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างมีมารยาท “นายท่านบอกว่าถ้าหากคุณโล่ไม่มีปัญหาอะไร ก็เซ็นสัญญาได้เลย”
“ไม่มีปัญหา ๆ” โล่ชิงไป๋ส่ายหน้ายื่นมือออกไปหยิบปากกาเพื่อเซ็นชื่อ
เป็นเพราะมือที่สั่นเทาทำให้เขาถือปากกาไม่มั่นคงและหลุดออกจากนิ้วตกลงบนโต๊ะ จากนั้นก็กลิ้งตกลงพื้นจากโต๊ะทำงาน
สีหน้าของโล่ชิงไป๋ดูเก้ ๆ กัง ๆ และเตรียมที่ก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา
อาผินหยิบปากด้ามหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อสูทแล้วส่งให้เขา “คุณโล่ ใช้ของผมก็ได้”
โล่ชิงไป๋นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรับปากกาจากมืออาผิน
คลายเกลียวฝา เขาจับมือ และเซ็นชื่อลงในสัญญา
และเพราะมือเขาสั่น ทำให้ชื่อที่เขาเขียนลงไปนั้นไม่น่าดูนัก
สัญญานั้นมีหนึ่งชุดสองฉบับ หลังจากโล่ชิงไป๋ลงชื่อแล้ว อาผินเก็บไปเพียงแค่หนึ่งฉบับ
หลังจากที่เก็บสัญญาไปแล้ว อาผินจึงพูดขึ้น: “คุณโล่ นายท่านได้ฤกษ์แล้ว อีกห้าวันหลังจากนี้ ก็คือวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง กรุณาเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
อีกห้าวันหลังจากนี้ วันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง โล่ชิงไป๋ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
อย่างไรเสียเร็วหน่อยก็ดี ไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้นโล่ชิงไป๋จึงนิ่งไปเพียงชั่วครู่แล้วพยักหน้า “กรุณาบอกนายท่าน พวกเราจะเตรียมตัวให้เรียบร้อยครับ”
“เช่นนั้นคุณโล่ ผมขอตัวก่อน” อาผินพยักหน้าให้โล่ชิงไป๋ จากนั้นจึงได้ออกไปจากห้องทำงานของโล่ชิงไป๋
หลังจากที่อาผินไปแล้ว หลังจากที่โล่ชิงไป๋พลิกดูสัญญาดูอีกหลายรอบและมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปแล้วนั้น เขาหยิบสัญญากลับคฤหาสน์ไปด้วยความดีใจ เรียกหาโล่เฟยเอ๋อเพื่อพูดเรื่องแต่งงาน
ในตอนที่เขากลับมานั้น โล่หยิวชิวนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นโล่ชิงไป๋กลับมา โล่เฟยเอ๋อลุกจากโซฟาเดินเข้าไปรับ “พ่อคะ แม่โทรมาบอกว่าจะกลับมาถึงพรุ่งนี้ช่วงบ่ายค่ะ”
โล่ชิงไป๋รีบไปหาโล่เฟยเอ๋อและไม่พูดอะไรมากกับโล่หยิวชิว เพียงแค่ “อือ” คำเดียว แล้วเดือนอ้อมโล่หยิวชิวไปที่ห้องของโล่เฟยเอ๋อ
เมื่อโล่หยิวชิวเห็นโล่ชิงไป๋ไม่สนใจเธอแต่กลับเดินไปทางห้องของโล่เฟยเอ๋อ ใบหน้าสวยของโล่หยิวชิวก็เปลี่ยนเป็นโหดร้ายทันใด
เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เธอก็เก็บใบหน้าโหดร้ายนั้นไป จากนั้นหันหลังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินตามไป
ในห้อง โล่เฟยเอ๋อกำลังก้มหน้าเขียบแบบ
เพราะโล่เฟยเอ๋อโอนอ่อนผ่อนตาม โล่ชิงไป๋จึงให้อิสระเธออยู่บ้าง
ถึงแม้จะยังไม่สามารถออกไปจากห้องได้ ไม่สามารถจะติดต่อกับคนภายนอกได้ แต่อย่างน้อย เธอก็ยังได้วาดแบบ ไม่ต้องนั่งเบื่ออยู่แต่ในห้องเพียงอย่างเดียว
โล่เฟยเอ๋อจัดการเก็บแบบที่วาดเสร็จแล้วไว้ในอัลบั้ม จากนั้นจึงหยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาใหม่ เมื่อเธอกำลังจะวาดแบบใหม่อีกครั้ง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “ยุ่งอยู่เหรอ?”
เธอหันหน้ามา เห็นโล่ชิงไป๋เปิดประตูเดินเข้ามาด้วยความดีใจ
ในความทรงจำของเธอ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอเจอกับโล่ชิงไป๋แล้วเขาดีใจเช่นนี้
เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้ดีใจได้ถึงขนาดนี้กัน?
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้เขาดีใจ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตน ไม่ใช่เหรอ?
โล่เฟยเอ๋อถอนสายตาและถามขึ้นเรียบ ๆ “มีอะไรคะ?”
“พ่อจะมาบอกลูกว่า อีกห้าวัน ก็คือวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง เป็นวันแต่งงานของลูกกับประธานบริษัทซูซื่อ ลูกเตรียมตัวให้พร้อม” โล่ชิงไป๋พูดพร้อมใบหน้าของเขาที่ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้
ที่แท้ก็คือเรื่องที่กำหนดวันแต่งงานของตนเองได้แล้ว มิน่าเล่าเขาถึงดีใจนัก? โล่เฟยเอ๋อยกมุมปากยิ้มอย่างประชดประชัน แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยเมย: “หนูไม่มีอะไรต้องเตรียม”
“แก…” โล่ชิงไป๋อ้าปากเตรียมจะพูดบางอย่าง โล่หยิวชิวที่เดินเข้าตามมาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“พ่อคะ อีกห้าวัน พี่ก็จะแต่งงานกับประธานประธานบริษัทซูซื่อแล้วเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ วันนี้ ท่านประธานใหญ่ ของบริษัทซูซื่อ ส่งคนมาเพื่อคุยเรื่องแต่งงานโดยเฉพาะ” โล่ชิงไป๋พูดขึ้นอย่างมีความสุข
“จริงเหรอคะ งั้นก็ยินดีด้วยนะเฟยเอ๋อ” โล่หยิวชิวถึงแม้ว่าต่อหน้าจะพูดแสดงความดีใจกับโล่เฟยเอ๋อ แต่กลับมีความเย้ยหยันในแววตา
โล่วเฟยเอ๋อไม่พูดอะไร สายตาเย็นชาดูการแสดงเดี่ยวของโล่หยิวชิว
เมื่อโล่หยิวชิวเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อเมินเฉยเธอ จึงได้หันไปทางโล่ชิงไป๋
“ใช่แล้ว พ่อคะ สินสอดที่บริษัทซูซื่อให้เฟยเอ๋อ ยังคงเป็นสัญญาฉบับนั้นรึเปล่าคะ?”
โล่หยิวชิวจงใจที่จะพูดแบบนี้ก็เพื่อบอกโล่เฟยเอ๋อว่า การแต่งงานของโล่เฟยเอ๋อ แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงการซื้อขายเท่านั้น
“เปล่า เปลี่ยนสัญญาใหม่แล้ว” เมื่อพูดถึงสัญญาฉบับใหม่ โล่ชิงไป๋ก็ยิ้มจนปากแทบจะฉีกจนถึงรูหูอยู่แล้ว
“สัญญาใหม่? ไม่ใช่สัญญาฉบับที่แล้วที่ตกลงกับประธานบริษัทซูซื่อเหรอคะ?” โล่หยิวชิวพูดไปพลางและมองโล่เฟยเอ๋อไปพลาง เหมือนกับกำลังจะบอกโล่เฟยเอ๋อ เห็นไหม ฉันรู้ทุกอย่างโดยละเอียดในสัญญาฉบับนั้น แต่เธอไม่รู้อะไรเลย
โล่หยิวชิวพูดเกี่ยวกับสัญญานั้น ก็เพื่อเป็นการจี้ใจดำของโล่เฟยเอ๋ออย่างแน่นอน
แต่ว่า ในตอนนี้เธอผิดหวังกับโล่ชิงไป๋ไปแล้ว เธอจะมาสนใจคำพูดของโล่หยิวชิวอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อโล่หยิวชิวเห็นโล่เฟยเอ๋อไม่ตอบโต้ ก็มีความหงุดหงิดเกิดขึ้นในแววตาของเธอ
โล่ชิงไป๋ที่ไม่เคยสังเกตพฤติกรรมเล็ก ๆ นี้ของโล่หยิวชิวและโล่เฟยเอ๋อ เขาพูดขึ้นอย่างภูมิใจ “สัญญาฉบับนั้นถือเป็นโมฆะ สัญญาฉบับใหม่เพิ่มผลประโยชน์เป็นสิบเท่า”
เมื่อได้ยินว่าเพิ่มสิบเท่า รอยยิ้มของโล่หยิวชิวบนใบหน้าของเธอก็นิ่งไปทันที
สัญญาครั้งก่อน เธอได้เห็นมัน ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่าการแต่งงานกับทายาทบริษัทซูซื่อ บริษัทโล่ซื่อจะได้ผลประโยชน์มากแค่ไหน
คิดไม่ถึงว่าการแต่งงานของโล่เฟยเอ๋อครั้งนี้ บริษัทซูซื่อจะเพิ่มผลประโยชน์ในสัญญาเป็นสิบเท่า
สิบเท่าเชียวนะ รวยจริง ๆ โล่วเฟยเอ๋อแต่งงานกับประธานบริษัทซูซื่อ ถือว่าตกถังข้าวสารจริง ๆ…สายตาของโล่หยิวชิวมีประกายแห่งความริษยา
แต่โล่หยิวชิวก็คิดได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
ผลประโยชน์สิบเท่าจากการแต่งงานของโล่เฟยเอ๋อ ทั้งหมดก็ต้องเป็นของบริษัทโล่ซื่อ และบริษัทโล่ซื่อก็ต้องเป็นของโล่หยิวชิวทั้งหมด
เช่นนั้นจะบอกว่าโล่เฟยเอ๋อตกถังข้าวสารแล้วจะยังไงล่ะ?
ประธานบริษัทซูซื่อคงจะต้องเป็นตาแก่อายุห้าสิบกว่าแก่ ๆ แน่นอน
(ข่าวลือว่าประธานบริษัทซูซื่อเป็นชายแก่อายุห้าสิบกว่า พูดตามตรง นี่มันหลอกลวงไปแล้วรู้รึเปล่า? ไม่รู้ว่าตอนที่โล่หยิวชิวรู้ว่าประธานบริษัทซูซื่อแท้จริงแล้วคือซูซีมู่ เวลานั้นโล่หยิวชิวจะทำหน้ายังไงกันนะ? ตั้งตารอเลย…)
เมื่อโล่เฟยเอ๋อได้ยินว่าสิบเท่า เธอเองก็อึ้งไปเหมือนกัน
เธอไม่รู้แน่ชัดก่อนหน้านี้ข้อตกลงเป็นเช่นไร แต่ถ้าสามารถทำให้โล่ชิงไป๋พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะบังคับให้เธอแต่งงานได้ ผลประโยชน์คงต้องสูงมาก
และตอนนี้มันคือสิบเท่า…
ในใจของโล่เฟยเอ๋อหมดหนทางแล้ว จากนั้นเธอจึงยิ้มอย่างประชดประชันแล้วพูด “งั้นหนูก็คงต้องดีใจกับพ่อด้วยใช่ไหมคะ พ่อโก่งค่าตัวลูกสาวได้สูงขนาดนี้!”