แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่130 ขายลูกสาวกินอย่างไม่อาย
ทีแรกซูซีมู่คิดว่ามากสุดก็คงหนึ่งวัน โล่เฟยเอ๋อก็กลับมาแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึง สามวันมาแล้ว ก็ยังไม่กลับมาเลย มือถือก็ปิดเครื่องตลอด
เพราะเหตุนี้ทำให้โจวเฉิงไปหาเรือนหลิงโดยเฉพาะ แต่เรือนหลิงก็ติดต่อโล่เฟยเอ๋อไม่ได้เหมือนกัน
“ประธานซู เรือนหลิงบอกว่าตั้งแต่คืนนั้นที่โล่เฟยเอ๋อกลับไป ก็ติดต่อไม่ได้เลยครับ”
สีหน้าซูซีมู่ขุ่นหมองลง จากนั้นจึงพูด “โทรไปหาบ้านโล่สิ’
โจวเฉิงใช้นามบริษัทของลาเฟยเอ๋อโทรไปทางบ้านโล่
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่านี่คือบ้านของโล่เฟยเอ๋อไหมครับ”
สายฝั่งนั้นตอบทันที “ใช่ค่ะ ที่นี่คือบ้านของคุณหนูสองพวกเราค่ะ”
โจวเฉิงเงยหน้ามามองซูซีมู่ตรงหน้าที่ตั้งใจฟังโทรศัพท์อแวบหนึ่ง จึงเอ่ยถาม “สวัสดีครับ ผมคือเพื่อนร่วมงานโล่เฟยเอ๋อครับ คุณช่วยผมเรียกเธอมารับสายหน่อยได้ไหมครับ”
ครั้งนี้ ทางโน้นเงียบไปนานพอสมควร ชื่อจะตอบ “ขอโทษนะคะ คุณหนูสองของพวกเราตอนนี้ไม่ว่างมารับโทรศัพท์ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรไหมคะ”
“คือแบบนี้ครับ โล่เฟยเอ๋อเธอไม่ได้มาทำงานติดต่อกันสามวันแล้ว โทรศัพท์เธอก็ติดต่อไม่ได้ บริษัทเลยส่งผมมาถามว่าเธอเป็นอะไรไหมครับ” โจวเฉิงได้เตรียมข้ออ้างไว้ตั้งนานแล้วจึงเอาออกมาพูด
“แบบนี้เอง คุณรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปถามดู”หลังจากน้ำเสียงฝ่ายโน้นหายไป เสียงเท้าเดินก็จากใกล้ก็ไปไกล จนไม่ค่อยชัด แต่ยังได้ยินทางฝั่งนั่นสอบถามจากใครคนหนึ่งอยู่
เพราะห่างออกไปมาก จึงฟังไม่ชัดว่าสองคนนั้นพูดอะไรกัน แต่น้ำเสียงของอีกคน กลับทำให้ซูซีมู่ขมวดคิ้ว
หลังสอบถามว่าสักพัก คนฝั่งนั้นก็กลับมา ” คุณหนูสองพวกเราบอกไม่ไปทำงานที่พวกคุณแล้ว”
“เธอไม่กลับมาทำงานแล้วหรอ”โจวเฉิงตกใจจนมองไปทางซูซีมู่ คนที่อยู่เบื้องหลังนั้นกลับขมวดคิ้วไม่พูดอะไร
คนฝั่งนั้นหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วจึงตอบ “คุณหนูสองบ้านพวกเราเตรียมตัวจะมาทำงานที่บริษัทตัวเองแล้วค่ะ”
โจวเฉิงมองซูซีมู่อย่างมีข้อสงสัย แต่เสียดายที่ซูซีมู่กำลังขมวดคิ้วอยู่ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ โดยไม่ได้สังเกตสายตาที่มองมาของเขาเลย
เมื่อไม่ได้รับสัญญาณจากซูซีมู่ โจวเฉิงเลยพูดเองเออเอง ” งั้น……สามารถให้คุณหนูพวกเธอมารับโทรศัพท์หน่อยสิ ถ้าเธอไม่มาทำงาน ผมต้องพูดบางเรื่องให้เธอเข้าใจครับ”
ฝั่งนั้นปฏิเสธทันที ” คุณหนูสองพวกเรา ไม่ว่างมารับโทรศัพท์ค่ะ”
“สำหรับเรื่องที่เธอลาออกนั้นเธอจำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง……”โจวเฉิงยังอยากพูดอะไรต่อ แต่ฝั่งนั้นตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไปแล้ว
โจวเฉิงวางมือถือลง มองซูซีมู่แล้วพูด “ประธานซู สายถูกตัดไปแล้วครับ”
บนหน้าซูซีมู่นั้นกลับไร้สีหน้าใดๆ แววตานั้นได้เผยแสงความเยือกเย็นออกมา “โทรไปอีก”
ถึงแม้โจวเฉิงจะไม่เข้าใจบ้างว่าทำไมซูซีมู่ให้เขาโทรไปอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ตั้งคำถามกับคำสั่งของซูซีมู่
เมื่อโทรศัพท์ไปอีกครั้ง แล้วทางฝั่งโน้นได้ยินเสียงโจวเฉิง ก็รีบตัดสายไปทันที
โจวเฉิงลูบจมูก บอกอย่างเก้ๆกังๆ “ประธานซู โดนตัดสายไปแล้วครับ
ซูซีมู่สีหน้านิ่งเรียบ ทว่าเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ไม่พูดอะไร
โจวเฉิงไม่กล้าเอ่ยเสียงรบกวน ยืนตรงนั้นอย่างเงียบๆ
พอผ่านไปสักพัก ซูซีมู่จึงพูดขึ้น “สั่งคนไปเช็กดูว่าโล่เฟยเอ๋อที่บ้านโล่นั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เมื่อกี้ถ้าเขาฟังไม่ผิด คนทางนั่นที่รับโทรศัพท์นั้นไม่ได้ไปถามโล่เฟยเอ๋อ แต่เป็นโล่หยิวชิว
โล่เฟยเอ๋อกลับบ้านซูไปแล้วแท้ๆ ทำไมคนใช้ไม่ไปหาเธอ แต่กลับไปหาโล่หยิวชิว
เพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับโล่หยิวชิว ซูซีมู่ก็ไม่สามารถปล่อยวางเฉยไปได้
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้เลยว่าซูซีมู่กำลังหาเธออยู่ เพราะตอนนี้เธอนั้นได้กำลังทะเลาะเถียงกับโล่ชิงไป๋
โล่ชิงไป๋หรี่ตามองโล่เฟยเอ๋อด้วยความเยือกเย็น ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย ” ขังไปสามวัน ทบทวนเข้าใจอะไรขึ้นมาหรือยัง”
โล่เฟยเอ๋อไม่ตอบคำพูดโล่ชิงไป๋ แต่กลับถาม ” คุณพ่อ ทำไมต้องให้หนูแต่งงานกับทางบริษัทซูซื่อคะ”
โล่ไป๋ชิงสีหน้าได้เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา “แกจะถามมากไปทำไม ยังไงแกแต่งออกไป ก็เป็นก้าวเดียวก็ถึงสวรรค์เลยงั้น จากนั้นไปก็จะอยู่บนความสูงสุดของชีวิต กลายเป็นคุณนายผู้ร่ำรวย”
แววตาโล่เฟยเอ๋อหมองลง แล้วพูดตอบ ” แต่คุณพ่อ หนูไม่อยากก้าวเดียวก็ถึงสวรรค์ และหนูก็ไม่อยากกลายเป็นคุณนายผู้ร่ำรวย……”
โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่จบ โล่ชิงไป๋จ้องโล่เฟยเอ๋อด้วยสายตาแดงเดือด ที่ตัดคำพูดเธอได้ “แกหุบปาก แกจะไม่รู้อะไร บริษัทซูซื่อรวยล้นฟ้า อำนาจยิ่งใหญ่มหาศาล การได้แต่งงานปรองดองกับตระกูลซู ทำให้ตระกูลโล่มีอนาคตที่ไกลจนไม่สามารถคาดการณ์ ถึงจะเป็นอันดับหนึ่งในหัวเซี่ย(ชื่อเรียกประเทศจีนในสมัยก่อน)ประเทศจีน แต่นับก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไร”
เมื่อได้ฟังที่โล่ชิงไป๋พูดแล้ว โล่เฟยเอ๋อเหมือนโดนฟ้าผ่าเธอเอ่ยเสียงแผ่วเบา “นี่คงเป็นประเด็นละสิ”
โล่ชิงไป๋ไม่ตอบคำถามของโลเฟยเอ๋อ แต่กลับเอ่ย “แกเองก็คิดดูให้ดีๆ รอแกยอมแต่งงานกับบริษัทซูซื่อเมื่อไหร่ ฉันก็ปล่อยแกออกไปเมื่อนั้น”
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้าถามกลับ” งั้นถ้าหนูไม่ยอมตกลงไปตลอดล่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่แกจะต้องตัดสินใจเองได้ ถึงตอนนั้น แกอยากแต่งก็ต้องแต่ง ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งเหมือนกัน”โล่ชิงไป๋ตอบด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
โล่เฟยเอ๋อหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา “เพื่อผลประโยชน์ คุณพ่อถึงกับต้องขายลูกสาวกินอย่างเต็มที่เลยหรอคะ”
เมื่อได้ฟังที่โล่เฟยเอ๋อพูด โล่ชิงไป๋อะอายจนกลายเป็นโทสะจึงยกมือขึ้น แล้วตบหน้าโล่เฟยเอ๋อไปทันที
“เพี๊ยะ”
โดยพลังเรี่ยวแรงที่รุนแรง เลยทำให้หน้าซ้ายโล่เฟยเอ๋อถึงกับบวมไปเลย
โล่เฟยเอ๋อจับหน้าตัวเองเอาไว้ แล้วจ้องมองโล่ชิงไป๋ ไม่พูดเอ่ยอะไร
โล่ชิงไป๋โดนโล่เฟยเอ๋อจ้องมองจนละอายใจ เขาได้หลบซ่อนสายตา จากนั้นก็พูดอย่างโมโห ” ฉันขายแกแล้วจะทำไม หลายปีนี้ แกกินของฉัน อยู่ของฉัน ให้แกแต่งงานกับตระกูลซูนั้น เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของแก”
ใช่สิ นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบของเธอ เพราะในเลือดเธอนั้นไหลไปด้วยเลือดบ้านโล่
โล่เฟยเอ๋อมองโล่ชิงไป๋แล้วยิ้มไปด้วยความเศร้าโศก จากนั้นจึงตอบ “หนูจะทำตามสั่งหนูโล่เฟยเอ๋อเป็นถึงสายเลือดตระกูลโล่ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบของหนู”
” ฮึ แกรู้ก็ดี “โล่ชิงไป๋ฮึอย่างเยือกเย็น แล้วออกไปจากห้องโล่เฟยเอ๋ออย่างรวดเร็ว