บทที่161 ห้องสมุดที่แสนสบาย
หลังจากทานเค้กด้วยกันครั้งก่อน โล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่ก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความปรองดอง
ซูซีมู่มักจะแวะซื้อขนมเค้กที่เธอชอบกลับมาหลังเลิกงาน
โล่วเฟยเอ๋อยกยิ้มน้อย ๆ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว
เธอวางปากกาลงและเดินไปเปิดประตู ห้องหนังสือของซูซีมู่ยังเปิดไฟสว่างอยู่
เดิมทีเธอไม่เคยรู้ว่าซูซีมู่จะเป็นเหมือนเธอที่ยุ่งจนดึก แต่เช้าวันนี้เธอบังเอิญได้ยินคนรับใช้พูดว่าเธอตื่นขึ้นมากลางดึกและเห็นซูซีมู่กำลังชงกาแฟอยู่ชั้นล่าง
โล่เฟยเอ๋อจ้องมองไปที่ประตูห้องหนังสือสองที จากนั้นจึงได้หันหลังเดินลงไปข้างล่าง
จนเธอเดินกลับขึ้นมา ในมือเธอมีถาดใบหนึ่ง ในถาดนั้นมีนมแก้วหนึ่งและกาแฟอีกแก้วขึ้น
เธอถือถาดมาที่หน้าห้องหนังสือของซูซีมู่และเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง
ในนั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเกิดเสียงฝีเท้า
ประตูห้องถูกเปิดออก ปรากฏซูซีมู่อยู่หลังประตูนั้น แสงจากห้องหนังสือสะท้อนออกมาจากด้านหลังศีรษะของเขาก่อให้เกิดเป็นรัศมีสว่างไสว
โล่วเฟยเอ๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ
ซูซีมู่คิดไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะมาเคาะประตูห้องเขากลางดึก เขารู้ว่าเธอเขียนแบบจนดึกทุกวัน เขารู้สึกปวดใจมากแต่ไม่สามารถจะหยุดเธอได้ ดังนั้นเขาจึงเอางานกลับมาทำที่บ้านเป็นเพื่อนเธอ
แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะปรากฏตัว
สายตาของเขามองไปที่ถาดที่มีแก้วกาแฟวางอยู่ที่เธอถือมา เธอรู้ว่าเขายุ่งอยู่ ดังนั้นจึงไปชงกาแฟมาให้เขาอย่างนั้นหรอ?
ด้วยแววตาที่ฉาบไว้ด้วยแววตาอบอุ่น ซูซีมู่พูดขึ้นเบา ๆ “ดึกป่านนี้แล้วทำไมคุณยังไม่นอน?”
ในค่ำคืนอันมืดมิด น้ำเสียงของซูซีมู่ฟังดูอบอุ่นและนุ่มนวลกว่าเคย
มันช่างน่าหลงใหล โล่เฟยเอ๋อกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพูด: “ช่วงนี้ฉันต้องรีบทำแบบ เลยนอนดึกหน่อย”
“อ้อ” ซูซีมู่ทำหน้าเหมือนเข้าใจ
“เมื่อกี้ตอนฉันลงไปอุ่นนม เห็นคุณยังไม่นอน เลยชงกาแฟมาให้” โล่เฟยเอ๋อพูดขึ้น
“อ๋อ ขอบคุณนะ” ซูซีมู่กล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงถอยหลังไปสองก้าว “เข้ามาสิ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วยกกาแฟเข้าไปในห้องหนังสือ
เป็นครั้งแรกที่โล่เฟยเอ๋อได้เข้ามาเห็นห้องสมุดของคฤหาสน์นี้ การตกแต่งดูต่างจากวิลล่าหลันถิงไม่น้อย
นอกจากโซฟา โต๊ะทำงาน เก้าอี้ และชั้นวางหนังสือที่เหมือนกับที่นั่นแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่ดูพิเศษคือเก้าอี้ชิงช้า
ที่หน้าต่างบานกว้างมีเก้าอี้ชิงช้าแขวนอยู่
มันดูใหม่มากยังไม่มีเคยนั่งมาก่อน แต่สิ่งนี้มันมาอยู่ในห้องหนังสือของซูซีมู่ มันดูแปลกเกินไปหน่อย
เจ้าเก้าอี้ชิงช้าตัวนี้มันควรจะอยู่ในห้องเธอสิ!
เอาล่ะ เธอยอมรับว่าเธอถูกใจเจ้าเก้าอี้ชิงช้าตัวนี้เข้าแล้ว
โล่เฟยเอ๋อมองเก้าอี้ชิงช้าตัวนี้อย่างไม่วางตาจนเธอลืมที่จะวางกาแฟลงบนโต๊ะทำงานไป
มันเป็นการกระทำที่ชัดเจนมาก ซูซีมู่คงจะตาบอดถ้าไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้
สายตาของเขามองไปทางเก้าอี้ชิงช้าตัวนั้น เกิดรอยยิ้มขึ้นในแววตาของเขา
เขาจำได้ว่าเธอชอบเก้าอี้ชิงช้ามาก ที่ไปเมืองหลวงครั้งนั้นในโรงแรมก็มีชิงช้าเธอนั่งอยู่บนชิงช้าจนหลับไป
ดวงตาของเขาเป็นประกายและซูซีมู่มีความคิดอยู่ในใจ
“วันนี้เขียนแบบเสร็จรึยัง?” ซูซีมู่ดูเหมือนจะถามเรื่อยเปื่อย
ทันใดที่ได้ยินเสียงของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ยังค่ะ มีแบบอีกแผ่นเขียนไปได้ครึ่งเดียวเอง”
ซูซีมู่ “ออ” หนึ่งคำแล้วพูดขึ้น “คุณช่วยวางกาแฟไว้ที่โต๊ะทำงานที”
เมื่อได้ซูซีมู่พูดเรื่องกาแฟ โล่เฟยเอ๋อจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองตั้งใจชงกาแฟมาให้ซูซีมู่ สุดท้ายมัวแต่มองดูเก้าชิงช้าจนลืม
เธอมีสีหน้าเก้อเขิน จากนั้นจึงรีบเดินแล้ววางกาแฟลงบนโต๊ะทำงาน
“อย่างนั้นฉันขอตัวกลับห้องก่อน” โล่เฟยเอ๋อพูดแล้วหันกลับเพื่อจะเดินออกจากห้อง
สุดท้ายเมื่อเธอก้าวเท้า จู่ ๆ ซูซีมู่ก็พูดขึ้น: “แสงไฟที่ห้องมันแยงตา”
หมายความว่าไง? โล่เฟยเอ๋อตามไม่ทันซูซีมู่
“แสงไฟในห้องไม่เหมาะที่จะให้คุณใช้ในการเขียนแบบ คุณมาทำงานที่ห้องหนังสือเถอะ”
ซูซีมู่พูดจบแล้วพูดเสริมขึ้นอีก “ห้องหนังสือที่ใหญ่พอ”
โล่เฟยเอ๋อลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “อืม ได้”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อรับปาก ในใจของซูซีมู่ก็โล่งอก
พูดตรง ๆ เวลาที่ต้องตกลงธุรกิจพันล้าน เขาไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
แต่กับโล่เฟยเอ๋อกับเรื่องการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับทำให้เขาใจเต้นไม่หยุด
มองดูโล่เฟยเอ๋อที่เดินไปห้องตรงข้าม ซูซีมู่ถอนหายใจเงียบ ๆ อยู่ในใจ
โล่เฟยเอ๋อมีของไม่เยอะ มีเอกสารจำนวนหนึ่ง ปากกาเขียนแบบและกระดาษ
ใช้เนื้อที่ไม่ถึงครึ่งของโต๊ะทำงานของซูซีมู่ด้วยซ้ำ
ทั้งสองคน คนหนึ่งทำงานอยู่ตรงมุมหนึ่งบนโต๊ะ ส่วนอีกคนก็นั่งเขียนแบบอยู่อีกมุม ถึงแม้ว่าจะต่างคนต่างทำ แต่กลับมีรังสีแห่งความสุขและความอบอุ่นจาง ๆ แผ่กระจายล้อมรอบ…
เพราะเมื่อวันก่อนได้เข้ามาเขียบแบบในห้องหนังสือของซูซีมู่ ดังนั้นหัวค่ำของวันต่อมาซูซีมู่จึงไม่ต้องเอ่ยปาก หลังจากโล่เฟยเอ๋อทานอาหารเย็นเสร็จ เธอหยิบของและเข้ามาในห้องหนังสือของซูซีมู่
ความเข้าใจโดยปริยายก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จนใกล้จะถึงวันปีใหม่ขึ้นทุกขณะ
โล่เฟยเอ๋อมีแบบต้องวาดน้อยลงทุกที เธอไม่จำเป็นต้องทำงานดึก ๆ อีกแล้ว ในขณะที่ซูซีมู่แม้ว่าจะเอางานกลับมาทำที่บ้าน แต่ก็ไม่ยุ่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ก่อนวันปีใหม่หนึ่งสัปดาห์ โล่เฟยเอ๋อก็ทำภารกิจที่โจวหยุนมอบหมายให้เธอเสร็จสิ้นในที่สุด
ในวันที่ส่งงานทั้งหมดให้โจวหยุน โล่เฟยเอ๋อตั้งใจนัดเรือนหลิงไปทานข้าวเพื่อฉลอง
“ดีใจกับฉันเร็วสิ ในที่สุดฉันก็ทำงานเสร็จแล้วนะ”
เรือนหลิงหยุดทานทันที “เธอวาดแบบที่โจวหยุนมอบหมายให้เสร็จหมดแล้วหรอ?”
“ใช่สิ…” โล่เฟยเอ๋อที่มีอาหารเต็มปากจึงพูดไม่ชัด
แสงประหลาดแวบผ่านดวงตาของเรือนหลิง “ครั้งก่อนเธอบอกว่าขอแค่ก่อนวันหยุดไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมถึงได้วาดเสร็จเร็วจัง?”
“หลายวันมานี้ฉันวาดได้เร็ว” พูดจบโล่เฟยเอ๋อก็หน้าแดงขึ้นมา
เรือนหลิงก้มหน้าทานข้าว แล้วพูดขึ้น “แล้ว…เธอส่งงานทั้งหมดให้โจวหยุนแล้วหรอ?”
“อือ ส่งหมดแล้ว” โลเฟยเอ๋อพยักหน้า
เรือนหลิงเงียบไปชั่วอึดใจแล้วถาม “เฟยเอ๋อ เธอเชื่อใจโจวหยุนขนาดนั้นเลยหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจในสิ่งที่เรือนหลิงพูด “เชื่อใจอะไรหรอ?”
“ก็คือ…” เรือนหลิงที่คิดจะอธิบาย จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อยิ้มและขอโทษเรือนหลิง จากนั้นเธอก็รับสาย
เมื่อได้ยินเสียงปลายสาย โล่เฟยเอ๋อก็พูดตอบกลับไปนิ่ง ๆ ว่า “คุณโทรผิดแล้วค่ะ” จากนั้นก็วางสายไป
เรือนหลิงเห็นสีหน้าโล่เฟยเอ๋อผิดปกติจึงถามขึ้น “เป็นอะไร?”
“เปล่า โทรผิดน่ะ…” โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่จบ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอหน้ามุ่ยและปิดโทรศัพท์ทันที
เธอเงยหน้าและพบว่าเรือนหลิงกำลังมองหน้าเธอ โล่เฟยเอ๋อยิ้มแล้วพูด “คนคนนี้ชอบโทรมาก่อกวน”
“เธอก็บล็อกไปเลยสิ” เรือนหลิงยกแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะอาหารขึ้นดื่มแล้วตอบ
“เดี๋ยวกลับไปแล้วจะบล็อก” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า จากนั้นก็หยิบตะเกียบแล้วทานอาหารต่อ