บทที่163 กลยุทธ์ครอบครัวของเห้อจิ้นเหยา
หลังจากโล่เฟยเอ๋อออกไปจากห้องไม่นาน โจวเฉินก็กลับเข้ามาในห้องหนังสือ
“ประธานซู”
ซูซีมู่ยืนเงียบอยู่กลางห้องและไม่พูดจา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปนานพอควร ซูซีมู่จึงค่อย ๆ พูดขึ้น
“อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่งเรื่องโล่ชิงไป๋สักพัก”
อันที่จริงซูซีมู่เดิมทีเตรียมการไว้เพื่อเป็นหน้าแก่โล่เฟยเอ๋อ จะช่วยโล่ชิงไป๋ทำตลาดต่างประเทศ
แต่เมื่อครู่โล่เฟยเอ๋อพูดชัดว่าเธอไม่อยากจะช่วยโล่ชิงไป๋ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่โล่เฟยเอ๋อกลับเห็นด้วยในตอนหลัง
แต่ซูซีมู่ก็ยังตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำอะไรจนกว่าเขาจะได้รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันแน่
อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง? เมื่อได้ยินคำสั่งของซูซีมู่ พูดตรง ๆ ว่าโจวเฉินรู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางคัดค้านเขา ล้อเล่นรึไง ประธานซูจะต้องมีเหตุผลในเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าเขาเปิดปาก ก็เรียกว่ารนหาเรื่องตายชัด ๆ น่ะสิ?
“ครับ ประธานซู”
ซูซีมู่ตอบรับ “อือ” เบา ๆ จากนั้นจึงโบกมือให้โจวเฉิน
โจวเฉินก้มทำความเคารพเขาแล้วจึงออกจากห้องหนังสือไป
โล่เฟยเอ๋อเข้าใจว่าซูซีมู่จะช่วยโล่ชิงไป๋เพราะโล่หยิวชิว แต่เธอกลับไม่เข้าไปยุ่มย่ามเกินไป เธอเข้าใจความสัมพันธ์ของซูซีมู่และโล่หยิวชิวเป็นอย่างดี
ใกล้จะถึงวันหยุดช่วงปีใหม่แล้ว การทำงานช่วงก่อนวันหยุดเป็นการทำงานที่ยุ่งที่สุด ยิ่งเป็นนักธุรกิจแบบซูซีมู่ด้วยแล้ว กลับกันกับโล่เฟยเอ๋อที่เธอทำงานที่โจวหยุนมอบหมายให้เธอหมดแล้วจึงมีเวลาว่าง
เธอได้รับโทรศัพท์จากเห้อจิ้นเหยา โทรมานัดเธอไปทานข้าวเย็น
อย่างไรก็ตามในวันนั้นโล่เฟยเอ๋อพบเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นมาก
วันนั้นเป็นเพราะงานยุ่งเกินไป โล่เฟยเอ๋อจึงไม่ได้ใสนใจโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
เวลาเลิกงานเธอเปิดโทรศัพท์ดูและพบว่ามีสองสายที่ไม่ได้รับ
เป็นสายที่โทรเข้ามาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่เธอคุ้นเคยดี มันเป็นเบอร์ของแม่เลี้ยงของเธอเหอจิงเหยา
ความสัมพันธ์ของโล่เฟยเอ๋อกับเห้อจิ้นเหยานั้นค่อนข้างดี ปกติแล้วติดต่อกันบ่อย ๆ เพียงแต่หลังจากแต่งงานแล้วเธอค่อนข้างยุ่ง บวกกับเมื่อเธอรู้ว่าเธอยึดตำแหน่งของโล่หยิวชิวมา จึงรู้สึกผิดต่อเห้อจิ้นเหยา ดังนั้นจึงไม่ได้ต่อเห้อจิ้นเหยา
ตอนนี้เห้อจิ้นเหยาโทรหาเธอแล้วเธอก็ต้องโทรกลับตามธรรมชาติ
โทรศัพท์ดึงเพียงนิดเดียวก็มีคนรับสายทันที เสียงของเห้อจิ้นเหยาดังขึ้น “เฟยเอ๋อ”
“ขอโทษค่ะคุณป้าเหยา หนูทำงานอยู่เลยไม่รู้ว่าโทรศัพท์ดัง” โล่เฟยเอ๋อกล่าวขอโทษกับเห้อจิ้นเหยา
“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าเหยารู้ว่าหนูยุ่ง” เห้อจิ้นเหยานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ: “เป็นเพราะไม่ได้เจอหนูเลยตั้งแต่แต่งงาน เลยคิดถึง”
เสียงที่ละเอียดอ่อนของเห้อจิ้นเหยาแสดงความเป็นห่วง ทำให้โล่เฟยเอ๋อรู้สึกอบอุ่นใจ
“หนูก็คิดถึงป้าเหยาค่ะ”
“คิดถึงป้า แต่ไม่กลับมาหาป้าบ้างเลย…” เห้อจิ้นเหยาพูดถึงตรงนี้แล้วจู่ ๆ ก็หยุดไปจากนั้นจึงพูดขึ้น: “เฟยเอ๋อเลิกงานรึยังจ๊ะ? ไปกินข้าวกับป้าเหยากัน”
โล่เฟยเอ๋อตอบโดยไม่ต้องคิด “ได้ค่ะ ป้าเหยาอยู่ไหนคะ?”
“หยู้ผินเซียง” เห้อจิ้นเหยานิ่งไปเหมือนคิดอะไรได้ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น “ได้ไหมจ๊ะ?”
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบ “ได้ค่ะ”
“จะให้ป้าเหยาไปรับไหมจ๊ะ?” เห้อจิ้นเหยาถามอีก
โล่เฟยเอ๋อตอบ “ไม่ต้องค่ะ หนูมีรถ”
“ใช่ หนูต้องมีรถส่วนตัว ดูความจำของป้าเหยาสิ…” เห้อจิ้นเหยายังไม่พูดไม่เสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็พูดขึ้น “ป้าเหยาคะ หนูวางสายก่อนนะคะ”
… …
หลังจากวางสายโล่เฟยเอ๋อรีบไปเก็บของบนโต๊ะทำงานยัดใส่กระเป๋า จากนั้นก็รีบถือกระเป๋าวิ่งออกจากบริษัทไป
เธอตรงไปที่สวนดอกไม้ตงหวง แล้วขึ้นรถของคนขับรถหลี่
“คนขับรถหลี่ คะ รบกวนคุณไปส่งฉันที่หยู้ผินเซียงค่ะ”
“ได้ครับคุณนาย” คนขับรถหลี่ พยักหน้าจากนั้นก็ออกรถมุ่งไปที่หยู้ผินเซียง
ทันทีที่รถจอดที่หน้าประตูหยู้ผินเซียง โล่เฟยเอ๋อก็ได้รับโทรศัพท์จากเห้อจิ้นเหยา เธอกดรับสายแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นเห้อจิ้นเหยายืนอยู่หน้าหยู้ผินเซียงผ่านหน้าต่างรถ
ในตอนที่โล่เฟยเอ๋อเห็นเห้อจิ้นเหยานั้น เห้อจิ้นเหยาก็เห็นเธอพอดี จึงได้เดินลงมาและตรงมาที่เธอ
เมื่อรถจอด โล่เฟยเอ๋อก็เปิดประตูและลงจากรถ “ป้าเหยา”
“เฟยเอ๋อ มาแล้วหรอ” ด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าของเห้อจิ้นเหยา เธอมองไปที่ใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อแล้วพูด “ไม่ได้เจอตั้งนาน มีน้ำมีนวลขึ้นนะ”
“อ้วนขึ้นหรอคะ? หนูไม่รู้ตัวเลย” โล่เฟยเอ๋อยิ้มแล้วถาม
เห้อจิ้นเหยายื่นมือไปลูบหน้าของโล่เฟยเอ๋อแล้วพูด: “อ้วนขึ้นนิดหน่อย ดูแล้วเขาคงดีกับหนูมาก ป้าก็วางใจ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เห้อจิ้นเหยาพูด ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็แดงเอ่อ
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นที่ของน้องแต่ป้าเหยาก็ยังคงเป็นห่วงเธอ
เห้อจิ้นเหยาเห็นโล่เฟยเอ๋อร้องไห้ เธอหยิบทิชชูออกจากกระเป๋าและเช็ดน้ำตาของโล่เฟยเอ๋อด้วยท่าทางที่ไม่สบายใจ “เด็กคนนี้นี่ ทำไมถึงร้องไห้นะ?”
โล่เฟยเอ๋อรับทิชชูจากมือเห้อจิ้นเหยาแล้วเช็ดน้ำตาบนหน้าจนสะอาด ยิ้มแล้วพูด: “ป้าเหยา หนูไม่ได้ร้อง หนูแค่ดีใจค่ะ”
“จ้ะ ไม่ได้ร้อ ก็แค่ร้องไปยิ้มไปแค่นั้น” เห้อจิ้นเหยามองด้วยความเอ็นดู
โล่เฟยเอ๋อหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ๆ…”
“เด็กคนนี้นี่…” เห้อจิ้นเหยายกมือขึ้นลูบผมของโล่เฟยเอ๋อแล้วพูด: “พวกเราเข้าไปกันเถอะ ป้าจองห้องไว้แล้ว”
“ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ทันใดนั้นจึงได้หันหน้ากลับไปเหมือนนึกอะไรได้ เดินไปที่คนขับรถหลี่ ที่ยืนอยู่ข้างรถแล้วพูด: “คนขับรถหลี่คะ คุณไม่ต้องรอฉันนะคะ กลับก่อนได้เลย”
คนขับรถหลี่ทำหน้าลำบากใจแล้วพูด: “คุณนายครับ งานของผมคือการรับส่งคุณ”
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว “คนขับรถหลี่ คะ คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ถ้าเขากลับมาคุณบอกเขาว่าฉันจะกลับดึกหน่อย”
“ครับ”
หลังจากให้คนขับรถหลี่ กลับไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อกับเห้อจิ้นเหยาจับมือกันและเดินเข้าไปหยู้ผินเซียง
“เฟยเอ๋อ หนูให้คนขับรถกลับไปก่อนแล้วหนูจะกลับยังไงล่ะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูนั่งแท็กซี่กลับก็ได้” โล่เฟยเอ๋อตอบอย่างไม่คิดมาก
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดเช่นนั้น สีหน้าของเห้อจิ้นเหยาก็ตกตะลึง “สถานะของหนูตอนนี้ จะนั่งแท็กซี่ได้ยังไงกัน?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ” โล่เฟยเอ๋อพูดแล้วก็ยิ้มให้เห้อจิ้นเหยาแล้วพูดขึ้น “ป้าเหยา หนูหิวแล้ว พวกเรารีบสั่งอาหารเถอะค่ะ”
เห้อจิ้นเหยาส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลือก “จ้ะ พวกเราเข้าไปกินข้าวกัน”
เพราะเห้อจิ้นเหยาบอกไว้ก่อนแล้วว่าเธอสั่งอาหารไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าห้องไป บริกรก็เริ่มเสิร์ฟอาหารอย่างต่อเนื่องทันที
เห้อจิ้นเหยาสั่งแต่อาหารที่โล่เฟยเอ๋อชอบทาน บวกกับรสชาติอาหารที่หยู้ผินเซียงถูกปากโล่เฟยเอ๋อ เธอจึงรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
เห้อจิ้นเหยาคีบกับข้าวให้โล่เฟยเอ๋อและพูดไปพลาง: “หนูกินช้า ๆ สิลูก ไม่มีใครแย่งหรอก”
“อืม…ค่ะ…” โล่เฟยเอ๋ออาหารเต็มปาก เธอไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน
“หนูไม่ต้องพูดแล้ว กินข้าวเถอะ” เห้อจิ้นเหยายิ้มอย่างอ่อนละมุนแล้วตักกับข้าวให้เธอ