บทที่160 เป็นเพื่อนกันไปก่อน
“ทำไมเค้กถึงมาอยู่ที่นาย?” โล่เฟยเอ๋อมองโจวเฉิงอย่างแปลกใจ
โจวเฉิงตอบอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“คือว่า…ประธานซูเพิ่งจะลืมไว้บนรถ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ‘อืม’ หลังจากนั้นก็ถอยไปหนึ่งก้าว “เข้ามาสิ”
โจวเฉิงกล้าเข้าไปในวิลล่าที่ไหนกัน? รีบปัดมือ“ไม่ล่ะครับผมกำลังรีบเค้กนี้ให้คุณ”
พอได้ยินโจวเฉิงบอกว่ารีบโล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้รั้งเขาไว้แล้วรับเค้กมาจากมือเขาพร้อมเอ่ย “ขอบคุณ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับนี่เป็นสิ่งที่ประธานซูสั่งให้สงเฟยเหวินซื้อให้คุณโดยเฉพาะ” ก่อนจะจากไปโจวเฉิงก็ไม่ลืมช่วยซูซีมู่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าโล่เฟยเอ๋อ
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแทนท่านประธานเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของผู้ใต้บังคับบัญชา
เดิมทีโล่เฟยเอ๋อก็เดาไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นซูซีมู่สั่งให้สงเฟยเหวินซื้อตอนนี้ได้รับการยืนยันจากปากของโจวเฉิงในใจของเธอก็เดือดพ่าน
เขาให้คนรับใช้เตรียมผลไม้ที่เธอชอบให้เธอแล้วยังให้คนไปซื้อเค้กที่เธอโปรดปราน… นี่หมายความว่าเขาสนใจเธอนิดหน่อยแล้วใช่ไหม? อย่างน้อยก็ในมุมของเพื่อน…
ความหวังเล็กๆเริ่มผุดขึ้นในใจของโล่เฟยเอ๋อและวินาทีถัดมาโล่เฟยเอ๋อก็ส่งเค้กในมือให้กับคนรับใช้ แล้ววิ่งตึง ๆขึ้นไปชั้นบน
พอวิ่งมาถึงหน้าห้องหนังสือของซูซีมู่ก็ยกมือขึ้นเคาะประตู
ตอนที่เสียงเคาะประตูก๊อก ๆ ดังขึ้น โล่เฟยเอ๋อถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองตื่นเต้นเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะวิ่งมาหาซูซีมู่ที่ห้องหนังสือได้
แต่มาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วเพราะซูซีมู่ได้เปิดประตูแล้ว
“คือว่า…ฉันมาเรียกนายไปทานข้าว” โล่เฟยเอ๋อประหม่าแล้วก็ไม่ได้เตรียมตัวมานิ้วมือกำที่ชายเสื้อโดยสัญชาตญาณ
ซู่ซีมู่รู้สึกคาดไม่ถึงมากจริงๆที่เปิดประตูออกแล้วเห็นโล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ข้างนอกห้องหนังสือแต่ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นคือไม่คิดว่าโล่เฟยเอ๋อจะมาเรียกเขาไปทานข้าว?
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะแค่มาเรียกเขาไปทานข้าวแต่ซูซีมู่ก็ดีใจมากจริงๆ
ตอนนี้เขาไม่คาดหวังให้เธอรักเขาขอแค่เธอให้โอกาสเขาได้ใกล้ชิดสักนิดก็ดีมากแล้ว
ซูซีมู่มองไปที่โล่เฟยเอ๋ออย่างแน่วแน่มุมปากของเขาก็เพิ่มขึ้นทีละนิด
เมื่อเห็นว่าซูซีมู่ไม่ตอบกลับ โล่เฟยเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นอย่างเงียบ ๆ และมองไปที่เขาแล้วก็พบกับสายตาที่ลึกล้ำของซูซีมู่เข้าพอดี
ราวกับมีหมอกควันสะท้อนในดวงตาที่สวยงามเหมือนดวงดาว มันลึกราวกับกระแสน้ำวนในหมอกที่หนาทึบ มองดูแล้วไม่มีที่สิ้นสุด…
ซูซูมู่สังเกตเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อจ้องมองมาทางเขาแล้วรีบเบนสายตาไปอย่างรวดเร็ว “ไปกันเถอะ”
พอได้ยินซูซีมู่เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน โล่เฟยเอ๋อยังไม่รู้สึกตัวว่าเขาหมายถึงอะไร “อะไรหรอ?”
“ไปทานข้าว” ว่าแล้วซูซีมู่ก็เดินออกจากห้องหนังสือ แล้วเดินลงบันไดไปก่อน
พอเห็นเงาซูซีมู่จากไป โล่เฟยเอ๋อก็ยกมุมปากขึ้นแล้วตามลงไป
ซูซีมู่นั่งที่หัวโต๊ะเหมือนเดิม ส่วนโล่เฟยเอ๋อนั่งทางด้านขวาของเขา
ทั้งสองนั่งโต๊ะเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่นิดเดียว แต่กลับมีการเคลื่อนไหวหลายอย่างเช่น การส่งตะเกียบ ตักอาหาร คีบผักและอื่น ๆ
ฉากนี้คล้ายกับตอนที่พวกเขาเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อก่อน ทั้งอบอุ่นและสวยงาม ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานทำให้ทั้งสองคนรู้สึกพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ซูซีมู่ก็ออกไปก่อน ส่วนโล่เฟยเอ๋อออกไปทีหลัง
ตอนที่เธอออกมา ก็มีจานอาหารอยู่ในมือสองจาน
เมื่อซูซีมู่เห็นสิ่งที่อยู่บนนั้นเป็นเค้ก เขาก็อึ้งไปสักพัก
เค้กมาจากไหน? เธอเป็นคนซื้อ?
อย่าโทษที่ซูซีมู่นึกไม่ออกว่าเค้กนี้เขาเป็นคนให้สงเฟยเหวินไปซื้อนั่นเอง แล้วในความเป็นจริงเขาก็สั่งให้สงเฟยเหวินทิ้งมันไปแล้ว
โล่เฟยเอ๋อที่ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใด ๆ ก็ตอบตามตรง “เค้กที่นายซื้อ รีบชิมดู”
ขณะที่พูดอยู่เธอก็ส่งจานหนึ่งใบให้กับซูซีมู่
เขาซื้อมา? ซูซีมู่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องหรือโล่เฟยเอ๋อกำลังล้อเล่นอยู่
สายตาของเขามองใบหน้าของโล่เฟยเอ๋ออย่างพิจารณาหนึ่งรอบ ก็แน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ซูซีมู่หลุบตาลงเพื่อปิดปังความสงสัย หลังจากนั้นตอบอย่างเรียบ ๆ : “ฉันลืมไปเอง”
“นายลืมไว้ในรถ โจวเฉิงเพิ่งจะเอาเค้กมาส่งให้” โล่เฟยเอ๋อยิ้มแล้วตอบ
เขาลืมไว้ในรถ โจวเฉิงเพิ่งจะเอามาส่ง?
ซู่ซีมู่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น
คงเป็นตอนที่เขาให้สงเฟยเหวินเอาเค้กไปโยนทิ้ง โจวเฉิงจึงแอบนำเค้กมาเก็บไว้ หลังจานนั้นก็เอานำมาที่วิลล่า
เขานับวันยิ่งจะมีความสามารถขึ้นเรื่อย ๆ ! ซูซีมู่กระซิบอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ คิดอยู่ว่าควรส่งโจวเฉิงกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทซูซื่อหรือไม่
ใบหน้าเขามีความอายปรากฏอยู่แล้วพูด: “เขาทำได้ดีมาก!”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำชม แต่โล่เฟยเอ๋อมักจะรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย ราวกับว่ามันมีความหมายอื่นแอบแฝง
แต่เธอไม่มีเวลาคิดมากเพราะความสนใจทั้งหมดของเธอถูกดึงดูดโดยเค้กบนจาน
“รสชาติดีเหมือนเดิม!”
พอเห็นโล่เฟยเอ๋อกินเค้กอย่างพึงพอใจ ซูซีมู่ก็รู้สึกว่าการที่โจวเฉิงแอบนำเค้กกลับมาที่วิลล่าเป็นความคิดที่ไม่เลว
อย่างนั้นก็ไม่ต้องส่งเขากลับสำนักงานใหญ่แล้ว เพียงแค่หางานให้เขาทำมากขึ้นนิดก็พอ
อาจเป็นเพราะอารมณ์ดีมาก เนื่องจากเมื่อก่อนซูซีมู่ไม่กินของหวานพอได้กินแล้วเลยมีความสุขมาก
เมื่อก่อนเคยคิดว่าเค้กมันหวานเลี่ยนเกินไป ทนไม่ไหว แต่ตอนนี้ซูซีมู่รู้สึกว่าเค้กมันทั้งนุ่มและเหนียว ไม่เลวเลย อดไม่ได้ที่จะมีความคิดอยากซื้อกลับมาให้โล่เฟยเอ๋ออีก
ไม่พูดไม่ได้ว่าความรักนั้นช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ อย่างน้อยก็สามารถเปลี่ยนรสชาติของประธานซูได้
ฉันต้องบอกว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่จริงๆอย่างน้อยก็สามารถเปลี่ยนรสชาติของประธานซูได้
หลังจากกินเค้กเสร็จ ก็ดึกดื่นแล้ว โล่เฟยเอ๋อหาวไปด้วย เดินขึ้นชั้นบนไปด้วย เพิ่งจะเดินขึ้นบันได เสียงของซูซีมู่ก็ดังมาจากด้านหลัง “เฟยเอ๋อ”
“หืม?” โล่เฟยเอ๋อเอียงศีรษะพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า
ซูซีมู่จ้องมองไปที่รอยยิ้มราวกับดอกไม้ของเธอและมุมริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา “ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์” โล่เฟยเอ๋อยิ้มตาหยี
ซูซีมู่พยักหน้าแล้วไม่พูดอะไร
โล่เฟยเอ๋อหันกลับมาเตรียมจะขึ้นบันไดก็เห็นกระเป๋าเดินทางของตนอยู่ที่ข้างบันได เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมยกกระเป๋าเดินทางกลับไปที่ห้อง
เธอส่ายหัวแล้วเตรียมที่จะยกกระเป๋าเดินทาง มือเรียวข้างหนึ่งก็กุมที่จับกระเป๋าเดินทางก่อนเธอหนึ่งก้าว
โล่เฟยเอ๋อหันมาสบตากับซูซีมู่พอดี
หัวใจของเธอสั่นไหว หลังจากนั้นรีบหันสายตาหนีอย่างลุกลี้ลุกลน
ดวงตาของซูซีมู่ทอเป็นประกายแล้วพูดเบา ๆ ว่า: “ฉันเอง”
“โอ้ ดีเลย” โล่เฟยเอ๋อหลุบสายตาและถอยหลังไปสองก้าว
“อืม” ซูซีมู่พยักหน้าแล้วยกกระเป๋าเดินทาง เดินนำเธอขึ้นไปชั้นบนก่อน
โล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองเงาข้างหลังของเขาหายไปจากบันได ถึงรู้สึกตัวแล้วตามขึ้นไปด้วยเสียงหัวใจที่เต้นตุบ ๆ
เมื่อเธอขึ้นไปถึงชั้นบน ซูซีมู่ก็กำลังยืนรอเธออยู่หน้าห้องพอดี เมื่อเห็นเธอมาเขาก็ส่งกระเป๋าเดินทางในมือให้เธอ
“พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปทำงาน ต้องรีบกลับไปพักผ่อน”
“อืม” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วหยิบกระเป๋าเดินทาง หลังจากนั้นก็พูดเสริมอีกประโยค: “ฉันก็เหมือนกัน”
ซูซีมู่พยักหน้า “โอเค”
พอได้ยินซูซีมู่บอกว่าโอเค โล่เฟยเอ๋อก็ฉีกยิ้มออกมา เธอชี้ไปข้างหลังแล้วเอ่ย: “อย่างนั้นฉันเข้าไปก่อนนะ”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ แล้วยืนอยู่ที่เดิม มองดูเธอหายไปที่ประตู ในใจมีความรู้สึกพึงพอใจขึ้นมา
ระหว่างพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไปแม้ว่าพอฟื้นฟูแล้วจะยังห่างไกลกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย แต่ก็ก้าวหน้าขึ้นแล้ว
ฉะนั้นลองเป็นแบบนี้ไปก่อน…เป็นเพื่อนกันไปก่อน