บทที่ 174 โล่เฟยเอ๋อที่ถูกลืม
โล่เฟยเอ๋อถูกปลุกให้ตื่น จากเสียงประกาศของแอร์โฮสเตสบนเครื่อง
“ท่านผู้โดยสารคะ ขณะนี้เรากำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยาน กรุณานั่งประจำที่ รัดเข็มขัดอยู่กับที่นั่ง……”
ขนตาแพยาวของโล่เฟยเอ๋อสั่นเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาผิดมนุษย์มนาของซูซีมู่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ
ซูซีมู่คาดไม่ถึงว่าโล่เฟยเอ๋อจะตื่น ทำให้เขาชะงักไป ก่อนจะรีบหันหน้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โล่เฟยเอ๋อเองก็อึ้งไปสองสามวิ ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น ดึงสายเข็มขัดนิรภัยขึ้นมารัดเอวไว้
ตอนที่กำลังรัดเข็มขัด เธอสังเกตเห็นผ้าห่มที่อยู่บนตัว ก็รีบหันหัวไปมองทางซูซีมู่
หลังจากที่หันหัวกลับมา ยิ่งรู้สึกว่าตัวโง่ซะเหลือเกิน
ทำไมเธอถึงนึกว่าเขาเป็นคนห่มให้เธอกันนะ เขายิ่งกำลังเหม็นขี้หน้าเธออยู่
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินจินดู โล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่ตามผู้โดยสารคนอื่นทยอยลงจากเครื่อง
หลังจากที่ออกมาจากสนามบิน ซูซีมู่กับโล่เฟยเอ๋อ แยกกันนั่งรถคนละคัน
โจวเฉิง พอขึ้นรถ ก็อธิบายแทนซูซีมู่ “คุณนายครับ ประธานซูมีประชุมด่วน ก็เลยไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณนายได้”
โล่เฟยเอ๋อตอบ “อ๋อ” กลับด้วยเสียงเรียบๆ ไม่ได้บอกว่าเชื่อคำพูดของโจวเฉิง และก็ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อคำพูดของโจวเฉิง ราวกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด
โจวเฉิงอยากที่จะพูดต่อ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหนดี สุดท้ายก็ทำได้แค่นั่งปิดปากเงียบ
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น โจวเฉิงพาโล่เฟยเอ๋อไปที่คลับส่วนตัวของบ้านซู หลังจากที่จัดอาหารกลางวันและห้องพักให้โล่เฟยเอ๋อเรียบร้อยแล้ว ก็ขอตัวออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
โล่เฟยเอ๋อกินนิดๆหน่อยๆ ก่อนจะเดินไปทางลานกว้างในคลับส่วนตัวที่โจวเฉิงตระเตรียมไว้ให้
นอนบนเครื่องนานซะขนาดนั้น ตอนบ่ายโล่เฟยเอ๋อก็ไม่กะที่จะนอนต่อแล้ว
หามุมสักมุม พลางหยิบพิมพ์เขียวที่ออกแบบไว้ขึ้นมา
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ส่องมาที่ตัวของเธอ ให้ความรู้สึกสงบจิตสงบใจอย่างบอกไม่ถูก
ตอนห้าโมงเย็น โล่เฟยเอ๋อรับสายจากโจวเฉิง
“ฮัลโหล คุณโจว มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
โจวเฉิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก “เอ่อ คุณนายครับ ประธานซูต้องพบลูกค้าคนสำคัญกะทันหัน อาจจะไปรับคุณนายที่คลับส่วนตัวด้วยตัวองไม่ได้”
โล่เฟยเอ๋อส่งเสียง “อ๋อ” ตอบกลับเรียบๆ ก่อนจะถามว่า “ก็คือให้ฉันเรียกรถไปเองใช่ไหม”
โจวเฉิงรีบพูดเหมือนกับกลัวว่าโล่เฟยเอ๋อจะเข้าใจผิดยังไงอย่างงั้น “ไม่ใช่ครับคุณนาย หกโมงครึ่งผมจะไปรับคุณนายที่คลับส่วนตัวเองครับ ”
“รู้แล้วล่ะ ฉันจะเตรียมตัวรอคุณโจวก็แล้วกัน” เสียงของโล่เฟยเอ๋อราบเรียบมาก จากน้ำเสียงฟังไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ของโล่เฟยเอ๋อ โจวเฉิงมีความรู้สึกเหมือนกับยกหินกระแทกเท้าตัวเอง รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา เขารีบอธิบาย “คุณนาย ผมโทรมา ไม่ได้จะ…..”
โจวเฉิงยังไม่ทันได้พูดจบ โล่เฟยเอ๋อก็รีบตัดสายใส่เขา “คุณโจว ยังมีธุระอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีล่ะก็ ฉันวางล่ะนะ”
ที่โจวเฉิงโทรหาโล่เฟยอ๋อ ก็เพื่อที่จะบอกเรื่องที่ซูซีมู่ไม่มีเวลาไปรับเธอด้วยตัวเอง ก็เลยทำได้แต่เพียงตอบกลับไปว่า “มะ ไม่มีครับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ในสายก็มีแต่เสียงตู้ดๆๆดังขึ้นมาแทน
ฟังเสียงตู้ดๆจากโทรศัพท์ โจวเฉิงก็กังวลจนเหงื่อออกท่วมหัวไปหมด พลันต่อสายหาซูซีมู่ แต่ทางนั้นก็ไม่รับสาย
คิดอยากที่จะไปหาซูซีมู่ ก็กลัวอีกว่าจะไปรับโล่เฟยเอ๋อไม่ทัน สุดท้ายได้แต่บังคับตัวเองให้ไปรับโล่เฟยเอ๋อที่คลับส่วนตัว
ตอนกำลังใกล้จะถึงคลับส่วนตัว ถึงเพิ่งนึกได้ว่าเขาลืมเตรียมชุดให้โล่เฟยเอ๋อ
เห็นโล่เฟยเอ๋อที่ยังใส่ชุดเดิมของเมื่อตอนกลางวันอยู่ โจวเฉิงก็อดที่จะด่าตัวเองไม่ได้
ทำไมเขาถึงลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ลงได้เนี่ย
“ขอโทษครับคุณนาย ผมลืมเตรียมชุดคุณนายไปซะสนิท ผมจะจัดการให้คนไปซื้อมาใหม่เดี๋ยวนี้”
“ชุดอะไร” โล่เฟยเอ๋อก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องลำบากหรอก”
“คุณนายครับ แต่ถ้าถึงเวลาที่คุณนายต้องออกงานกับประธานซูล่ะก็ แต่งตัวแบบนี้อาจจะ….” โจวเฉิงพูดอย่างลังเล
ความจริงแล้ว โจวเฉิงเองก็ยังไม่แน่ใจว่าซูซีมู่จะไปออกงานเลี้ยงประจำปีหรือเปล่า
เพราะตอนนี้ ซูซีมู่กำลังพบกับท่านประธานและรองประธานของบริษัทLM
แต่ว่าเรื่องนี้เขาจะบอกโล่เฟยเอ๋อไม่ได้
โล่เฟยเหม่อไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับเรียบๆ “แล้วแต่ละกัน”
หลังจากที่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดว่าแล้วแต่ ในที่สุดโจวเฉิงก็วางใจได้สักที
หลังจากที่รีบโทรศัพท์ให้คนไปจัดเตรียมชุดให้โล่เฟยเอ๋อเสร็จ ถึงได้พาโล่เฟยเอ๋อขึ้นรถไปที่สำนักงานบริษัทซูซื่อ
ตอนที่โจวเฉิงพาโล่เฟยเอ๋อมาถึงที่บริษัทซูซื่อ ซูซีมู่กลับไม่อยู่ซะงั้น
ตัวโจวเฉิงเองแต่เดิมก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว หลังจากที่พาซูซีมู่ไปส่งที่ห้องรับรอง จัดการให้เลขาสาวมาดูแล ก่อนจะรีบออกไป
เลขาสาวแต่เดิมคิดว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นคนที่โจวเฉิงให้เธอมาดูแล น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาๆ ก็รีบโยกย้ายส่ายสะโพกเดินเข้ามา
หลังจากที่เธอรีบกุลีกุจอเข้ามา ผลปรากฏว่า นอกจากโล่เฟยเอ๋อจะดูสวยนิดหน่อยแล้ว ยังแต่งตัวธรรมดามากๆอีก
เห็นดังนั้น เธอก็ผิดหวังในทันที ไม่ได้คิดอยากที่จะผูกมิตรกับโล่เฟยเอ๋อนัก พาโล่เฟยเอ๋อไปที่ห้องจัดงานเลี้ยงประจำปี ที่นั่งแถวสุดท้ายเก้าอี้ตัวริมสุด
“นี่ที่นั่งเธอ” เลขาสาวไม่ได้มีมารยาทอะไรกับโล่เฟยเอ๋อมากนัก
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วถาม “นี่เป็นที่ที่คุณโจวจัดไว้หรอ”
“เธอคิดว่าไงล่ะ” เลขาสาวไม่ได้ตอบคำถามของโล่เฟยเอ๋อ แต่กลับเบ้ปากย้อนถามออกไป
โล่เฟยเอ๋ออ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
เลขาสาวเห็นโล่เฟยเอ๋อไม่ตอบ ก็แสยะยิ้มอย่างได้ใจแล้วเดินออกไป
ในเมื่อเป็นที่ที่จัดไว้แล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ไม่ได้คิดที่จะย้ายไปไหน พลางนั่งลงตรงที่นั่งตรงนั้น
เธอกลับไม่รู้เลยสักนิด ว่าโจวเฉิงกำลังตามหาเธออยู่จนแทบพลิกฟ้าพลิกดิน
โจวเฉิงจัดการธุระเรียบร้อย ก็กลับไปที่ห้องรับรอง แต่กลับไม่เจอโล่เฟยเอ๋อ ไม่เจอแม้แต่เลขาคนที่เขาจัดให้ดูแลโล่เฟยเอ๋ออีกด้วย ก็รีบออกคำสั่งให้ทุกคนช่วยกันค้นหาอย่างโดยด่วน
เลขาคนนั้นเขาเองก็พอรู้จักอยู่ แต่เพราะว่าวันนี้วันครบรอบประจำปีของบริษัทยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด ตอนนี้เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเลขาสาวคนนั้นอยู่ที่ไหน
หลังจากที่ต่อสายหาโล่เฟยเอ๋อ และพบว่าโทรศัพท์ของโล่เฟยเอ๋อไม่มีคนรับ ทำเอาโจวเฉิงเครียดจนแทบจะเป็นบ้า
สุดท้ายโจวเฉิงหมดหนทาง รีบบึ่งไปที่ห้องวงจรปิดเพื่อตรวจดูภาพ
ไม่ง่ายกว่าจะหาจากวงจรปิดเจอ ว่าโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในห้องจัดงานประจำปีเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันให้เขาได้ออกไปหาโล่เฟยเอ๋อ
ซูซีมู่ก็โทรมาหาเขา สั่งให้เขาไปต้อนรับท่านประธานและรองประธานของบริษัท LM เข้าร่วมงานเลี้ยงประจำปีของบริษัท
ลูกค้าคนสำคัญที่สุดของบริษัทจะเข้าร่วมงานเลี้ยงประจำปี นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ โจวเฉิงรีบออกไปจัดการด้วยตัวเอง กลายเป็นว่าเรื่องหาโล่เฟยเอ๋อ ถูกเขาลืมไปซะสนิท
รอจนโจวเฉิงฉุกคิดได้อีกครั้ง งานเลี้ยงประจำปีก็เริ่มขึ้นแล้ว
ตอนเริ่มงาน ซูซีมู่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้าคนสำคัญ ไม่ได้นึกถึงเรื่องโล่เฟยเอ๋อเลยสักนิด จนกระทั่งพิธีกรที่อยู่บนเวทีตะโกนเรียนเชิญท่านประธานออกมา เขาถึงนึกขึ้นได้ ว่าวันนี้เขาต้องเปิดตัวคู่กับโล่เฟยเอ๋อ
“เธอล่ะ”
หลังจากที่ได้ยินคำถามของซูซีมู่ โจวเฉิงก็สะดุ้งสุดตัวทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ…..ประธานซู คุณนายเข้ามาในงานเลี้ยงเองตั้งนานแล้ว”
ซูซีมู่ขมวดคิ้วเข้ม ถาม “เข้ามาในงานเลี้ยงเองหรอ ไหนล่ะ”